【Work & Life in Japan Vol. 8】ฉันยอมทิ้งงานเป็นหลักเป็นแหล่งแล้วไปญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มมูลค่าของตัวเอง

  • 27 สิงหาคม 2020
  • Monique Lu

【Work & Life in Japan Vol. 8】ฉันยอมทิ้งงานเป็นหลักเป็นแหล่งแล้วไปญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มมูลค่าของตัวเอง

มีจำนวนคนที่ทำงานก่อนสักพักหลังจบใหม่แล้วค่อยเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่ากรณีที่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศหลังเรียนจบทันทีค่ะ ครั้งที่แล้วเราได้แนะนำกรณีที่มาญี่ปุ่นทันทีที่เรียนจบใหม่ ๆ ในครั้งนี้ เราจะมาดูประสบการณ์ของ Maru ผู้ที่ตัดสินใจไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นหลังจากได้ลองทำงานก่อน และยังเป็นสต๊าฟกองบรรณาธิการ FUN! JAPAN ชาวฮ่องกงในตอนนี้ด้วยค่ะ!

สำหรับการเรียนภาษาที่สาม ภาษาญี่ปุ่นเป็นตัวเลือกแรก

สำหรับการเรียนภาษาที่สาม ภาษาญี่ปุ่นเป็นตัวเลือกแรก

หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนอาชีวศึกษาในฮ่องกง ฉันได้เข้าทำงานในบริษัทสายการค้า โดยทำงานเกี่ยวกับกระบวนการทางศุลกากรสำหรับการนำเข้าและส่งออกสินค้า ระหว่างที่ทำงานก็มีลูกค้าชาวญี่ปุ่นด้วย แต่โดยหลัก ๆ ก็ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารค่ะ ฉันคิดว่า "ถ้าสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ในเวลาเช่นนี้ การสื่อสารกับลูกค้าก็คงจะดีขึ้นมาก ภาษาญี่ปุ่นคงจะเป็นประโยชน์มากในอนาคต" และฉันก็มีความคิดที่จะเรียนภาษาญี่ปุ่นขึ้นมาค่ะ บริษัทที่ฉันทำงานอยู่ในขณะนั้นอนุญาตให้ฉันลาพักร้อนแบบไม่รับเงินเดือนได้ ฉันจึงตัดสินใจมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นค่ะ

อยากฝึกภาษาในเวลาอันสั้น จึงมาที่ญี่ปุ่นทั้ง ๆ ที่ยังไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้

อยากฝึกภาษาในเวลาอันสั้น จึงมาที่ญี่ปุ่นทั้ง ๆ ที่ยังไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้

หากคุณต้องการเรียนรู้ภาษาใหม่ในเวลาที่สั้นที่สุด ฉันคิดว่าการไปเรียนที่ประเทศนั้น ๆ ก็เป็นวิธีการที่เร็วที่สุดค่ะ ที่สำคัญฉันก็ไม่ได้อายุน้อยแล้วและไม่อยากเสียเวลาเรียนนาน ๆ ดังนั้นฉันจึงรีบตรงไปเรียนที่ญี่ปุ่นค่ะ โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นที่ฉันเข้าเรียนเป็นภาควิชาภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียนเฉพาะทางที่แนะนำโดยเพื่อนร่วมงานชาวไต้หวัน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ก็เป็นชาวไต้หวันค่ะ แต่ก็มีนักเรียนจากเกาหลี ฟิลิปปินส์ และที่อื่น ๆ ด้วย ส่วนในเรื่องสถานที่ ทีแรกก็เล็งโอซาก้าและฟุกุโอกะที่เคยไปเที่ยวมาก่อนแล้วค่ะ แต่สุดท้ายฉันเลือกภูมิภาคคันโตเพราะอยากจะเรียนรู้จากภาษาแบบพื้นฐานค่ะ

อยากฝึกภาษาในเวลาอันสั้น จึงมาที่ญี่ปุ่นทั้ง ๆ ที่ยังไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้
ภาพตัวอย่าง ไม่ใช่ภาพจากสถานที่จริง

ก่อนมาญี่ปุ่นฉันพูดไม่ได้เลยสักคำ คาบเรียนจึงเริ่มจากเสียงพื้นฐาน "อะ อิ อุ เอะ โอะ" คาบเรียนของโรงเรียนก็มีกิจกรรมมากมายและเข้าใจง่ายสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนค่ะ สามเดือนต่อมา ตอนที่ฉันได้ภาษาพอที่จะทำงานพิเศษเพื่อเป็นการพัฒนาทักษะการฟังและการสนทนา ฉันได้ไปสัมภาษณ์กับร้านราเม็งและได้รับการจ้างงานค่ะ ระดับญี่ปุ่นในตอนนั้นคือ พูดได้แค่ประมาณว่า "นี่สีดำ นี่คือสีขาว" เท่านั้นเองค่ะ

ตามแผนแรกคือตั้งใจว่าจะอยู่ญี่ปุ่นสักปีเดียวแล้วกลับฮ่องกงไปทำงานต่อค่ะ อย่างไรก็ดี แผนที่วางไว้ก็ตามรอยการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน ในที่สุดก็ต้องต่อเวลาหลักสูตรของโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นค่ะ ใช้เวลาหนึ่งปีตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงความรู้ระดับ N2 แต่ฉันก็ยังอยากจะได้ N1 ก่อนแล้วค่อยกลับฮ่องกง กว่าจะได้ N1 มาได้ก็ใช้เวลาไปร่วม 2 ปีค่ะ

เปลี่ยนแผน อยู่ญี่ปุ่นต่อ

เปลี่ยนแผน อยู่ญี่ปุ่นต่อ

หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น ก่อนที่จะกลับประเทศ ฉันได้เดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมชั้น และหางานพาร์ทไทม์ใหม่เพื่อใช้เวลาให้คุ้มค่าค่ะ ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าบริษัทญี่ปุ่นจะจำเป็นต้องใช้ "ภาษากวางตุ้ง" มากแค่ไหน และเมื่อฉันลองสืบค้นดู ฉันก็ได้พบงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้ค่ะ ตอนแรกฉันทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ แต่ทางบริษัทก็ถามว่า "สนใจจะเป็นพนักงานสัญญาจ้างและเปลี่ยนไปใช้วีซ่าทำงานไหม?" ฉันจึงตัดสินใจอยู่ที่ญี่ปุ่นต่อเพราะฉันคิดว่า "อยากจะลองทำดู" ค่ะ

เหตุผลที่ทำงานที่ FUN! JAPAN

เหตุผลที่ทำงานที่ FUN! JAPAN

ตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่ที่ฮ่องกง ตัวฉันชอบอ่านบทร้อยแก้วและการถ่ายทำมาโดยตลอดค่ะ หลังจากมาถึงญี่ปุ่นฉันก็เริ่มเขียนบทความในฐานะบล็อกเกอร์และเผยแพร่ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่น แถมฉันยังชอบการเดินทางและอาหารอีกด้วย เมื่อฉันเข้าทำงานใน FUN! JAPAN ฉันมีโอกาสได้เขียนบทความและลงพื้นที่เก็บข้อมูล ฉันสามารถใช้ภาษาบ้านเกิดของฉันในที่ทำงานและทำในสิ่งที่ชอบ ดังนั้นจึงสนุกและได้ความรู้ไปด้วยค่ะ

เหตุผลที่ทำงานที่ FUN! JAPAN

ภาษาญี่ปุ่นที่ฉันเรียนที่โรงเรียนเป็นภาษาญี่ปุ่นแบบภาษาเขียน ส่วนภาษาญี่ปุ่นที่ฉันใช้จริงในที่ทำงานนั้นก็แตกต่างกันมากค่ะ ฉันรู้สึกได้ถึงพัฒนาการด้านภาษาของฉันค่ะ นอกจากนี้ กองบรรณาธิการของ FUN! JAPAN ยังมีสต๊าฟจากทั่วทุกมุมโลกและมีโอกาสมากมายในการพูดคุยโต้ตอบซึ่งกันและกัน ความเข้าใจในประเทศนั้นก็ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น นับเป็นสภาพแวดล้อมการทำงานที่หาได้ยากมากค่ะ!

ความต่างทางวัฒนธรรมที่น่าแปลกใจในที่ทำงานของญี่ปุ่น

ความต่างทางวัฒนธรรมที่น่าแปลกใจในที่ทำงานของญี่ปุ่น
ภาพตัวอย่าง ไม่ใช่ภาพจากสถานที่จริง

ต่างจากในฮ่องกง ที่ญี่ปุ่นนั้นให้ความสำคัญกับการประชุม และไม่มีวัฒนธรรมในการเช็คอีเมลตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่เรียกว่า "culture shock" สำหรับฉันค่ะ ในทางกลับกัน ความเร็วของการทำงานญี่ปุ่นไม่ได้เร่งรีบนัก ดังนั้นจึงสามารถพักหายใจได้บ่อย ๆ ค่ะ อีกอย่าง คนญี่ปุ่นนั้นสุภาพมาก ภาษาจีนกวางตุ้งและภาษาอังกฤษนั้นไม่มีภาษาสุภาพ แถมยังพูดเร็ว ภาษาปกติในภาษาบ้านเกิดนั้น บางครั้งถือว่าเป็นภาษาที่ไม่สุภาพในญี่ปุ่นค่ะ

คำแนะนำสำหรับผู้ที่จะมาญี่ปุ่นในภายภาคหน้า

คำแนะนำสำหรับผู้ที่จะมาญี่ปุ่นในภายภาคหน้า

หากคุณไม่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ และกลัว + วิตกกังวล คุณอาจจะอยากการศึกษาการสนทนาภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานในประเทศบ้านเกิดของคุณก่อนแล้วค่อยมาที่ญี่ปุ่นก็ดีค่ะ ถ้าหากคุณเคยเดินทางไปญี่ปุ่นมาก่อน ต่อให้ไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้และถึงแม้จะค่อนข้างลำบากในแง่ของการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ถ้าคุณต้องการพัฒนาภาษาญี่ปุ่นของคุณในระยะเวลาสั้น ๆ เช่นเดียวกับฉัน คุณก็ควรมาเรียนที่ญี่ปุ่นได้โดยตรงค่ะ คุณสามารถพบเพื่อนหลากหลายชาติที่มีวิถีชีวิต ภูมิหลัง และประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป ตอนที่รู้ตัวอีกที แผนแรกที่คุณวางไว้ก็อาจเปลี่ยนไปก็เป็นได้ แต่ชีวิตก็เป็นเช่นนั้นแหล่ะค่ะ! หากคุณกล้าและลองเริ่มก้าวแรกดู ชีวิตของคุณอาจเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิดก็เป็นได้ค่ะ!

บทความที่เกี่ยวข้อง

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend