ญี่ปุ่นเป็นประเทศมหาอำนาจแห่งน้ำพุร้อน โดยมีน้ำพุร้อนประมาณ 3,000 แห่งทั่วประเทศ และสามารถไปเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนได้ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นค่ะ อย่างไรก็ตาม มีกฎบางอย่างที่ต้องปฏิบัติตามเมื่อเข้าไปแช่ในบ่อน้ำพุร้อน ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามกฎให้ดีเวลาที่ไปเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนของญี่ปุ่นนะคะ
วัฒนธรรมน้ำพุร้อนออนเซ็นของญี่ปุ่น
เนื่องจากญี่ปุ่นตั้งอยู่ในเขตรอยเลื่อนของแผ่นทวีปและมีภูเขาไฟหลายแห่ง จึงมีน้ำพุร้อนหลายแห่งไปด้วยค่ะ ตามประกาศของกระทรวงสิ่งแวดล้อมในปี ค.ศ. 2021 ในญี่ปุ่นมีพื้นที่แหล่งน้ำพุร้อนประมาณ 3,000 แห่ง และมีตาน้ำพุร้อนทั้งหมดประมาณ 28,000 แห่ง ทำให้พอจะมองได้ว่าญี่ปุ่นมีบ่อน้ำพุร้อนแทบทุกแห่งหนเลยค่ะ
มีตำนานเล่าว่าเทพเจ้าและสัตว์ต่าง ๆ ได้มาที่น้ำพุร้อนเพื่อแช่ตัวรักษาบาดแผล และมีบันทึกมากมายที่ขุนศึกสมัยเซ็นโกคุไปที่น้ำพุร้อนเพื่อรับรักษาตัว "วัฒนธรรมโทจิ" (湯治文化 / toji bunka วัฒนธรรมการรักษาบำบัดด้วยน้ำร้อน) ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าวค่ะ
"โทจิ" (湯治 / Toji) คือการทำสปาบำบัดที่ปกติจะกินเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ กล่าวกันว่าน้ำพุร้อนสามารถป้องกันโรคบางชนิดได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแร่ธาตุสารประกอบในน้ำร้อนนั้น ๆ ในสมัยเอโดะ โทจิหรือการทำสปาบำบัดดังกล่าวเริ่มเป็นที่นิยม ชาวนาก็ใช้วิธีนี้เพื่อบำบัดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งสะสมมาทั้งปีในช่วงเวลาที่ไม่มีงานด้านการเกษตรให้ทำกันค่ะ
ในยุคเมจิ การวิจัยทางการแพทย์ได้ยืนยันถึงประสิทธิภาพของน้ำพุร้อน และจำนวนผู้ใช้น้ำพุร้อนก็เพิ่มขึ้นอีก ปัจจุบัน ออนเซ็นหรือบ่อน้ำพุร้อนก็มีความหมายเหมือนกันกับการพักผ่อนและความบันเทิงไปโดยปริยายค่ะ
ประเภทของน้ำพุร้อนในญี่ปุ่น
สีและกลิ่นของน้ำพุร้อนจะแตกต่างกันไปตามแร่ธาตสารประกอบภายในน้ำพุร้อน สมาคมบ่อน้ำพุร้อนแห่งประเทศญี่ปุ่นได้จำแนกประเภทน้ำพุร้อนของญี่ปุ่นออกเป็น 10 ประเภทตามแร่ธาตุและสารประกอบดังต่อไปนี้ค่ะ
- น้ำพุร้อนธรรมดา (単純温泉 / Simple Spring) ตัวอย่าง: เกโระออนเซ็น (จังหวัดกิฟุ)
- น้ำพุร้อนคลอไรด์ (塩化物泉 / Cloride Spring) ตัวอย่าง: อาตามิออนเซ็น (จังหวัดชิสุโอกะ))
- น้ำพุร้อนคาร์บอเนต (炭酸水素塩泉 / Carbonated Spring) ตัวอย่าง: คาวายุออนเซ็น (จังหวัดวาคายามะ)
- น้ำพุร้อนซัลเฟต (硫酸塩泉 / Sulphated Spring) ตัวอย่าง: โฮชิออนเซ็น (จังหวัดกุนมะ)
- น้ำพุร้อนคาร์บอนไดออกไซด์ (二酸化炭素泉 / Carbon Dioxide Spring) ตัวอย่าง: ฮิจิริออนเซ็น (จังหวัดยามากาตะ)
- น้ำพุร้อนโลหะ (含鉄泉 / Ferruginous Spring) ตัวอย่าง: อาริมะออนเซ็น (จังหวัดเฮียวโงะ)
- น้ำพุร้อนกรด (酸性泉 / Acidic Spring) ตัวอย่าง: ทามากาวะออนเซ็น (จังหวัดอาคิตะ)
- น้ำพุร้อนผสมไอโอดีน (含よう素泉 / Iodine-containing Spring) ตัวอย่าง: มาเอะโนฮาระออนเซ็น (มหานครโตเกียว)
- น้ำพุร้อนกำมะถัน (硫黄泉 / Sulphur Spring) ตัวอย่าง: นิกโก้ยุโมโตะออนเซ็น (จังหวัดโทจิงิ)
- น้ำพุร้อนกัมมันตรังสี (放射能泉 / Radioactive Spring) ตัวอย่าง: มิซาสะออนเซ็น (จังหวัดทตโตริ)
วิธีเพลิดเพลินไปกับน้ำพุร้อน
หลายคนเลือกทริปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน (温泉旅行 / onsen ryokou) เพื่อเพลิดเพลินกับบ่อน้ำพุร้อน บ่อน้ำพุร้อนหลายแห่งในญี่ปุ่นตั้งอยู่ในภูเขาซึ่งไม่สะดวกต่อการคมนาคม หากคุณเยี่ยมชมพื้นที่แหล่งน้ำพุร้อน ก็ควรพักค้างคืนและเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนอย่างสบาย ๆ ค่ะ ที่พักส่วนใหญ่ในพื้นที่บ่อน้ำพุร้อนเป็นโรงแรมขนาดเล็กแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมหรือโรงแรมหรู ซึ่งทั้งสองแบบก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากค่ะ เดิมที บริเวณพื้นที่แหล่งน้ำพุร้อนนั้นมีร้านอาหารเพียงไม่กี่แห่งที่เปิดให้บริการหลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนจำนวนมากที่มาเยือนบริเวณบ่อน้ำพุร้อนจึงเลือกแผนการเข้าพักแบบหนึ่งคืนพร้อมอาหารสองมื้อ โดยปกติแผนนี้มีค่าใช้จ่าย 10,000 เยนขึ้นไปต่อคน แต่ก็สามารถรับบริการที่เลิศเลอเหมาะสมกับราคาที่จ่ายไปได้ด้วยค่ะ
หากคุณต้องการแช่ออนเซ็นแต่ไม่ได้วางแผนที่จะพัก เราขอแนะนำบ่อน้ำพุร้อนแบบไปกลับวันเดียว (日帰り温泉 / higaeri onsen) สำหรับบ่อน้ำพุร้อนไปกลับวันเดียว คุณสามารถไปใช้บริการบ่อน้ำพุร้อนได้ครั้งละประมาณ 500 ถึง 1,000 เยน อย่างไรก็ตาม ก็มีการจำกัดเวลาการใช้งาน และโรงแรมบางแห่งไม่รับนักท่องเที่ยวแบบไปกลับวันเดียวโดยไม่ค้างคืนด้วย ดังนั้นการตรวจสอบข้อมูลล่วงหน้าก่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญค่ะ
เมื่อเร็ว ๆ นี้จำนวนสถานให้บริการน้ำพุร้อนได้เพิ่มขึ้นมากมายในเขตเมืองใหญ่ มีลักษณะเหมือนสวนสนุกน้ำพุร้อนมากกว่าออนเซ็นเลยค่ะ ตัวอย่างเช่น "Oedo Onsen Monogatari" เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เปิดให้บริการไม่จำกัดเวลา นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร มุมนวด นิตยสารและมังงะ และห้องพักผ่อนภายในตัว คุณจึงสามารถเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งวัน ค่าเข้าชมสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้อยู่ที่ประมาณ 1,500 ถึง 2,000 เยน (ไม่รวมอาหาร) และมีความคุ้มค่าสูง และในปัจจุบันก็ยังมีผู้ใช้บริการจำนวนมากอีกด้วยค่ะ
ข้อควรระวัง ณ ออนเซ็นของญี่ปุ่น
กฎสำหรับการแช่ในน้ำพุร้อนจะเหมือนกันไม่ว่าคุณจะอยู่ในพื้นที่แหล่งน้ำพุร้อนหรืออ่างน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ก็ตามค่ะ
- กรุณาหลีกเลี่ยงการอาบน้ำก่อนอาหาร หลังอาหาร และทันทีหลังจากที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากคุณอาบน้ำก่อนอาหาร ให้กินขนมรองท้องเพื่อไม่ให้แช่น้ำในตอนที่ท้องยังว่างอยู่ค่ะ
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำคนเดียวสำหรับผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือในการเคลื่อนที่ กรุณาอย่าวิ่งในพื้นที่อาบน้ำที่ลื่น
- ก่อนลงแช่ในน้ำพุร้อน กรุณาชำระล้างร่างกายให้สะอาดด้วยสบู่อาบน้ำ
- ก่อนลงแช่ในน้ำพุร้อน ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำพุร้อนด้วยผิวของคุณเองโดยใช้น้ำร้อนปริมาณเล็กน้อย
- เวลาที่ลงแช่ในน้ำพุร้อนหรือเวลาออกจากอ่างน้ำพุร้อน กรุณาอย่าส่งเสียงดัง
- กรุณาอย่านำผ้าเช็ดตัวเข้าไปแช่ในอ่างอาบน้ำ
- ไม่จำเป็นต้องชำระล้างร่างกายด้วยน้ำเปล่าหลังแช่น้ำพุร้อน (ยกเว้นกรณีที่คุณมีผิวแพ้ง่าย)
- กรุณาดื่มน้ำเยอะ ๆ หลังแช่น้ำพุร้อนเสร็จแล้ว
คนที่มีรอยสักสามารถไปแช่น้ำพุร้อนได้หรือไม่?
คำตอบคือได้ แต่คุณไม่สามารถไปใช้อ่างอาบน้ำสาธารณะที่หลายคนใช้ร่วมกันได้ กรุณาใช้ "ห้องส่วนตัวแบบเช่าเหมาทั้งห้อง" (貸切個室 / kashikiri koshitsu) แทนค่ะ
ในญี่ปุ่นไม่มีกฎหมายที่ห้ามผู้ที่มีรอยสักอาบน้ำในบ่อน้ำพุร้อนอย่างชัดเจน แต่ความจำฝังใจในอดีตที่ว่าคนจำนวนมากที่มีรอยสักมักจะความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอันธพาลหัวรุนแรงยังคงหลงเหลืออยู่ในสายตาคนญี่ปุ่น และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว เรียวกังและโรงแรมบ่อน้ำพุร้อนบางแห่งที่มีอ่างน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ใช้ร่วมกันจึงได้ตัดสินใจที่จะไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีรอยสักเข้าใช้บริการค่ะ
หากผู้ที่มีรอยสักต้องการที่จะแช่น้ำพุร้อน ก็จะต้องเช่า "ห้องส่วนตัวแบบเช้าเหมาทั้งห้อง" ที่แยกต่างหากเพื่อไม่ให้พบเจอหรือใช้พื้นที่ร่วมกับบุคคลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ตนเองหรือเพื่อนที่มาด้วยกัน หากทำเช่นนี้ คุณก็จะไม่ถูกปฏิเสธการรับเข้าไปแช้น้ำพุร้อนเป็นแน่ค่ะ
สถานอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างเช่น Oedo Onsen Monogatari ก็ห้ามผู้มีรอยสักเข้าไปแช่ แต่เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ผู้คนจำนวนมากที่มีรอยสักศิลปะเล็ก ๆ บนร่างกายก็เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นเพื่อให้ผู้คนเหล่านี้สามารถไปเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนได้ สถานอำนวยความสะดวกด้านน้ำพุร้อนหลายแห่งก็มีการเสนอแผ่นซีลปิดรอยสักสีผิวเพื่อให้คนเหล่านั้นสามารถซ่อนรอยสักและใช้บริการได้ตามปกติค่ะ
เกี่ยวกับการแช่น้ำแบบรวม
การที่ชายและหญิงสามารถเข้าแช่ในอ่างน้ำพุร้อนเดียวกันได้นั้นเรียกวา "การแช่น้ำแบบรวม" (混浴 / kon-yoku) ซึ่งก็เป็นวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยังคงมีการแช่น้ำแบบรวม แต่ส่วนใหญ่เปิดให้บริการมา 300 ปีแล้ว อย่างเช่นสุกะยุออนเซ็นในจังหวัดอาโอโมริเป็นต้นค่ะ
ความซบเซาของการแช่น้ำรวมนั้น นอกจากจะเป็นเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงจิตสำนึกเกี่ยวกับการเปิดเผยผิวพรรณให้เพศตรงข้ามเห็นและการที่มีกฎหมายห้ามไว้อย่างชัดเจนแล้ว ยังเชื่อกันว่ามีสาเหตุมาจากการเพิ่มจำนวนของกลุ่มผู้ชายที่เรียกกันว่า วานิ (ワニ / wani จระเข้) ซึ่งมักจะแฝงตัวอยู่ในน้ำและแอบเข้าใกล้ผู้หญิงอย่างเงียบ ๆ ทำให้ฝ่ายหญิงรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นในปัจจุบันนี้ถึงแม้จะยังมีการแช่น้ำรวม แต่ส่วนใหญ่ผู้ใช้บริการจะมีแต่ผู้ชายเท่านั้นค่ะ
เพื่อรักษาวัฒนธรรมการแช่น้ำรวมเอาไว้ สถานอำนวยความสะดวกบางแห่ง เช่นสุกะยุออนเซ็นและฟุโรฟุชิออนเซ็นในจังหวัดอาโอโมริ ก็อนุญาตให้ผู้หญิงสามารถแช่น้ำร้อนโดยสวมใส่ชุดที่ทางสถานอำนวยความสะดวกจัดเตรียมไว้ให้ได้ค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เพลิดเพลินกับซูชิ อาหารทะเล และบ่อน้ำพุร้อนในอำเภอโชชิ จังหวัดชิบะ! แนะนำของอร่อยและโรงแรม-เรียวกังออนเซ็น
- ออนเซ็นในโอคายามะ พบความงดงามราวภาพวาด
- 【สรุปข้อมูล】จัดอันดับออนเซ็นที่ดีที่สุดที่โหวตโดยคนญี่ปุ่น! พื้นที่ออนเซ็นแนะนำ แยกตามภูมิภาคในญี่ปุ่น
- เพลิดเพลินกับออนเซ็นเมื่อไปเยือนเกียวโต! แนะนำโรงแรมออนเซ็นและพื้นที่แหล่งออนเซ็นที่อยู่ใกล้สถานีเกียวโต
- 4 ไฮไลท์ของโซลานิวะออนเซ็น หนึ่งในสวนสนุกน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคันไซ คู่มือแนะนำโดยละเอียด
- ตั้งแต่เรียวกังน้ำพุร้อนพร้อมอ่างอาบน้ำส่วนตัวไปจนถึงธีมปาร์ค ออนเซ็นที่แนะนำในโอซาก้า + 3 แหล่งออนเซ็นใกล้เคียง
- 10 แหล่งออนเซ็นน่าเที่ยวในฮอกไกโด
- ออนเซ็นแนะนำใน 23 เขตของโตเกียว พื้นที่ที่มี "ออนเซ็นหนาแน่นที่สุดในญี่ปุ่น" + 3 แหล่งออนเซ็นใกล้เคียง
- มีที่ที่ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนในการเลือกตั้งทั่วไปบ่อน้ำพุร้อนปี 2021 ด้วย! 3 แหล่งออนเซ็นน่าเที่ยว + โรงแรมที่น่าพักในจังหวัดทตโตริ
- ตามหาการบำบัดขั้นสุด! 3 แหล่งออนเซ็นน่าเที่ยว + โรงแรมที่น่าพักในจังหวัดชิมาเนะ
Comments