เรื่องราวลี้ลับและสยองขวัญ ตอนที่ 36: พิธีสาปแบบญี่ปุ่น การไปเยือนศาลเจ้ายามฉลู อุชิโนะโคคุไมริ

  • 18 กันยายน 2020
  • Mon
  • Mon

เรื่องราวลี้ลับและสยองขวัญ ตอนที่ 36: พิธีสาปแบบญี่ปุ่น การไปเยือนศาลเจ้ายามฉลู อุชิโนะโคคุไมริ

ที่ญี่ปุ่น พิธีสาปแช่งที่มักจะปรากฏตามมังงะและอนิเมะต่าง ๆ จนเป็นที่รู้จักคือการใช้หุ่นฟางและตะปูกับของส่วนตัวของเป้าหมาย แต่จริง ๆ การทำคุณไสยแบบนี้นั้น มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ ทั้งยังมีกฎการทำที่ซับซ้อน ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำเรื่องการทำคุณไสยแบบนี้ รวมไปถึงผลกระทบที่จะตามมาและความแตกต่างกับคุณไสยแบบไทยครับ

อุชิโนะโคคุไมริ คืออะไร

อุชิโนะโคคุไมริ คืออะไร

อุชิโนะโคคุไมริ (丑の刻参り / Ushi no Koku Mairi) แปลตามตัวคือ การไปเยือนศาลเจ้าหรือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในยามฉลูครับ ยามฉลู หรือ อุชิโนะโคคุ (丑の刻 / Ushi no Koku) ก็คือการนับเวลาตาม 12 นักษัตรของจีน โดยแบ่งเวลาในหนึ่งวันเป็น 12 ยาม โดยเริ่มจาก 0 นาฬิกาเป็นจุดกึ่งกลางของยามชวด (เริ่มตั้งแต่ 23.00 ถึง 0.59 น.) ไล่ไปยามละ 2 ชั่วโมง และยังมีการแบ่งออกเป็นส่วนละ 30 นาที ในหนึ่งยามจึงมียามที่ 1 ถึง 4 อีกด้วย

สำหรับอุชิโนะโคคุไมริ ก็ตามชื่อครับ คือไปเยือนในยามฉลูเพื่อทำพิธีสาปแช่ง นิยมทำในยามฉลูที่ 3 ซึ่งใกล้กับยามขาล เพราะเชื่อว่า ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ทิศฉลูขาล) เป็นทิศประตูผีครับ และยังมาจากความเชื่อที่ว่า เทพประจำศาลเจ้าคิฟุเนะในเกียวโตนั้นได้เสด็จลงในปีฉลูเดือนฉลูวันฉลูในยามฉลูอีกด้วยครับ เนื่องจากศาลเจ้าคิฟุเนะมีชื่อเสียงในเรื่องการทพิธีสาปแช่งอย่างมาก เมื่อความเชื่อนี้แพร่ไปยังฝั่งเอโดะ จึงนิยมทำในยามฉลูตามต้นตำหรับเพื่อให้ได้รับพลังจากเทพองค์ดังกล่าวครับ ทั้งยังเชื่อว่า เทพที่จิตไม่บริสุทธิ์หรือภูตต่าง ๆ จะถูกอัญเชิญออกมาในยามราตรี และจะช่วยทำร้ายผู้ที่ต้องการจะสาปให้ครับ

จะสาปใครนั้นไม่ง่าย? กฎเหล็กของการทำพิธีอุชิโนะโคคุไมริ

จะสาปใครนั้นไม่ง่าย? กฎเหล็กของการทำพิธีอุชิโนะโคคุไมริ

พิธีสาปนี้จะเป็นผลก็ต่อเมื่อกระทำตามกฎต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ครับ

  1. สวมชุดกิโมโนสีขาวที่เรียกว่า ชิโรโชโซคุ 白装束 (shiro shouzoku)
  2. ปล่อยผมสยายลง ให้กระเซอะกระเซิง
  3. ทาหน้าให้ขาวด้วยผงแป้ง โอชิโรอิ (白粉 / Oshiroi)
  4. สวมที่ตั้งเตาไฟสามขา โกะโทคุ (五徳 / Gotoku) จุดเทียน 3 เล่มไว้ที่ขาที่ตั้งซึ่งชี้ขึ้น หรือสวมเกี๊ยะสูงหรือเกี๊ยะแบบมีฟันซี่เดียว
  5. นำกระจกมาติดไว้ที่หน้าอก
  6. ไปที่ศาลเจ้าหรือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำพิธี (นิยมใช้ศาลเจ้าที่เกี่ยวข้องกับการผูกดวง ที่ดัง ๆ ก็คือ ศาลเจ้าคิฟุเนะในเกียวโต)
  7. พิธีต้องทำระหว่างตี 2 ถึง ตี 2 ครึ่ง (ยามฉลูที่ 3)
  8. ใช้ตะปู 5 ซุน (寸 / Sun หน่วยความยาวญี่ปุ่น 1 ซุนคือประมาณ 3 ซม.) ตอกที่ไปที่หุ่นฟาง (หากมีส่วนหนึ่งของผู้ที่ต้องการจะสาป เช่นผมหรือเลือด ใส่ที่หุ่นฟาง จะยิ่งได้ผลดี)
  9. ทำต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน ห้ามขาด
  10. ห้ามถูกใครพบเห็น เพราะจะทำให้คำสาปเข้าตัว แต่หากฆ่าคนที่พบเห็นได้ การถูกพบเห็นจะเป็นโมฆะ

ความยากอยู่ตรงที่การทำพิธีโดยไม่ให้ถูกพบเห็น การออกจากบ้านยามวิกาลด้วยการแต่งตัวตามที่กำหนดอาจจะดูไม่ยาก แต่หากสถานที่ทำพิธีมีคนเฝ้าหรืออยู่ใกล้แหล่งชุมชน ตากตอกตะปูเสียงดังก็อาจจะทำให้คนมาพบได้ ยิ่งในเวลากลางวันก็อาจจะมีคนพบเห็นหุ่นฟางเข้าก่อนทำให้สามารถถูกดักรอในวันถัด ๆ ไปก็ได้

ในรายการคลิปสยองต่าง ๆ (ซึ่งปัจจุบันไม่มีช่องไหนทำแล้ว) ก็มักกจะมีคลิปของคนที่ไปเดินป่าแล้วเห็นพิธีกรรมนี้เข้า จนถูกไล่ฆ่าเพื่อป้องกันคำสาปเข้าตัวผู้ทำพิธี แต่ก็น่าจะเป็นแค่คลิปที่ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงครับ

อย่างไรก็ดี ในปี 2006 ได้มีคนนำเรื่องที่เคยเจอกับตัวเองมาเล่าในกระทู้ของเว็บ 2Channel (คล้าย ๆ กระทู้พันทิป) เป็นเรื่องยาวประมาณ 35,000 ตัวอักษรครับ ตั้งชื่อเรื่องว่า 危険な好奇心 (kiken na koukishin) หรือแปลได้ว่า ความอยากรู้อันแสนอันตราย เป็นเรื่องเล่าของเจ้าของกระทู้เมื่อสมัย ป. 5 ที่ไปเที่ยวภูเขาหลังโรงเรียนกับเพื่อนอีก 2 คน และเจอกับหญิงวัยกลางคนที่ทำพิธีนี้อยู่ จึงถูกไล่ฆ่าและตามจองล้างจองผลาญจนกลายเป็นความหวาดกลัวไปชั่วชีวิตเลยครับ

แช่งใครก็ต้องโดนเองด้วย?

แช่งใครก็ต้องโดนเองด้วย?

ในญี่ปุ่น มีสำนวนว่า 人を呪わば穴二つ (hito wo norowaba ana futatsu) หรือแปลได้ว่า การสาปแช่งใคร คือการขุดหลุม 2 หลุมครับ หรือถ้าจะพูดให้สวย ๆ หน่อยก็ แช่งใครก็เหมือนแช่งตัวเองไปด้วย จุดนี้คงดูไม่ต่างกับคุณไสยของไทย แต่ที่ต่างก็คือ...

พิธีนี้ไม่มีการใช้ผีหรือวิญญาณใครไปทำร้ายคนอื่นแบบคุณไสยของไทยที่เลี้ยงผีไว้ใช้งานโดยเฉพาะ ต้องอาศัยโชคหรือดวงว่าเทพที่จิตไม่บริสุทธิ์หรือภูตผีปีศาจในบริเวณที่ทำพิธีจะช่วยหรือไม่ แน่นอนว่าก็ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนด้วย

แต่ถ้าไม่มีเทพหรือภูตผีปีศาจในบริเวณนั้นช่วย แล้วจะสาปคนอื่นได้ไงกันล่ะ?

พิธีนี้ จะเป็นการเปลี่ยนวิญญาณตัวเองให้กลายเป็นอสูร ถอดจิตหรือขวัญบางส่วน ให้กลายเป็นวิญญาณร้าย ออกไปทำร้ายคนอื่น ซึ่งจะทำให้ถอดจิต กลายเป็นวิญญาณคนเป็น 生霊 (ikiryou) ได้ง่าย ซึ่งที่ญี่ปุ่นมีเรื่องเล่าพวกนี้มาก คนที่ถอดวิญญาณง่าย ๆ บางทีแค่คิดว่าอยากให้ใครตาย ก็อาจจะถอดจิตไปรังควานเขาโดยไม่รู้ตัวด้วย

แม้จะมีเทพหรือภูตผีปีศาจช่วย ก็มักจะตามมาด้วยข้อแลกเปลี่ยน เช่นต้องแลกด้วยดวงจิตหรือความทุกข์ทรมานของตนเอง การรับเคราะห์กรรมในภายหลัง หรือถูกสาปให้วิญญาณกลายเป็นอสูรเช่นเดียวกัน

แม้ว่าจะฟังดูดี ถอดจิตได้ง่าย ไปแอบส่องชาวบ้านได้ง่าย ๆ แต่การที่วิญญาณกลายเป็นอสูร คือคุณจะไม่สามารถไปสู่สุคติได้อีกต่อไป ตายไปก็คือลงนรก แถมยังอาจจะกลัวเครื่องราง เข้าวัดไม่ได้ เข้าศาลเจ้าได้แค่บางที่ นอนหลับไม่สนิท เผลอถอดจิตโดยไม่รู้ตัวจนไปรังควานคนอื่น หรือแม้แต่กลายเป็นผีคอยาว โรคุโรคุบิ ろくろ首 (rokurokubi) ซึ่งอาจจะสืบทอดถึงลูกหลานได้ด้วย

ไม่ต้องทำพิธีก็อาจจะแช่งคนได้?

สำหรับคนที่ถอดจิตได้ง่ายเพราะสืบสายเลือดมาจากผู้ที่มีความสามารถทางนี้ วิญญาณเป็นอสูรอยู่แล้ว หรือเป็นเจ้ากรรมนายเวรกับใคร ความคิดแค่อยากแช่งใครให้ทุกข์ทรมานก็อาจจะส่งผลให้มีการถอดจิตบางส่วนเป็น วิญญาณคนเป็น ไปก่อกวนตามรังควานอีกฝ่ายได้ ตามที่มีการสอนในทางพระพุทธศาสนากันว่า หลังจากระงับการกระทำ ระงับคำพูดได้แล้ว ก็ต้องระงับความคิดด้วย เพราะสำหรับบางคน แค่คิดก็บาปแล้ว เพราะแค่ความคิดนั้นจะเปลี่ยนเป็นคำสาปที่ไปทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัวได้จริง ๆ ครับ

แถม เรื่องสยอง วิญญาณคนเป็น (生霊 / ikiryou)

แถม เรื่องสยอง วิญญาณคนเป็น (生霊 / ikiryou)

นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ไปนั่งดื่มกับเพื่อนร่วมงาน A ที่ร้านเหล้าอิซากายะเมื่อไม่นานมานี้

บังเอิญว่าที่ร้านมีการจัดงานสังสรรค์ของบริษัทที่ทำงานเก่าของผมด้วยพอดี
ก็ไม่ใช่ว่าผมมีปัญหาเลยลาออกอะไรนะครับ แถมก็สนิทกับเพื่อนร่วมงานที่เก่าอยู่ ถึงผมจะไม่ได้ไปแจม แต่ก็มีคนของทางฝั่งโน้นหลายคนวนกันมารินเหล้าให้ผมบ้าง มาเลี้ยงไก่ทอดคาราอะเกะเอยปลาดิบซาชิมิเอยบ้าง

ระหว่างนั้น เพื่อนร่วมงาน A จู่ ๆ ก็บอกว่ารู้สึกคลื่นไส้ พวกผมเลยรีบออกจากร้านกัน
พอออกจากร้านมา ถามไปว่า “เป็นอะไรรึเปล่า?
เพื่อนร่วมงาน A ก็พูดขึ้นว่า
หัวหน้าแผนกบริษัทที่นายทำมาก่อนหน้าน่ะ เอ้อ คนที่มารินเหล้าให้เมื่อกี้น่ะ คนคนนั้นน่ะ อย่าไปยุ่งดีกว่า
ผม: “ทำไมล่ะ?
A: “คนคนนั้นน่ะ มีวิญญาณคนเป็นสามตนตามรังควานอยู่น่ะสิ คนเราน่ะ เจอขนาดนี้ ไม่น่าทำอะไรรุ่งหรอก
ผมแอบคิด เพราะงั้นถึงคลื่นไส้งั้นเหรอ แต่ก็ถามไปว่า
วิญญาณคนเป็น? พูดจริงเหรอ? นายรู้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?
ดูเหมือนว่า A จะมีสัมผัสด้านนี้
ตัวอย่างเช่น เวลาที่นายเจอกับใครครั้งแรก แล้วลองคุยด้วยสัก 3 นาที... ไม่ดีกว่า เอาเป็นว่า คนพวกที่เห็นปุ๊บก็รู้สึกไม่ถูกชะตาเลยก็มีใช่มั้ยล่ะ ไม่ใช่แบบแค่เห็นแล้วเกลียดขี้หน้าธรรมดา ๆ นะ” A เล่าให้ฟัง
คนจำพวกนี้น่ะนะ มักจะมีอะไรตามอยู่แหล่ะ แต่คนที่ถูกตามรังควานมากมายขนาดหัวหน้าแผนกคนนั้นนี่ เราเองก็เพิ่งเคยเจอแหละ
ถูกตามมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ? หัวหน้าแผนกคนนั้นน่ะ
อือ เจอขนาดนั้นไม่น่ารอดนะ ทำอะไรก็ไม่รุ่ง
วิญญาณคนเป็นเนี่ย เป็นเหมือนพวกความคับแค้นใจอะไรงี้เหรอ

แทบไม่อยากเชื่อเลย
ก็จริงอยู่ว่าหัวหน้าแผนกในบริษัทเก่าคนนี้นี่ เป็นคนที่ไม่น่าเคารพเอาเสียเลย แต่ถึงขั้นโดนวิญญาณคนเป็นสามตนตามรังควานเลยเหรอ...

อ่า ไม่ใช่แค่ความคับแค้นใจนะ ความหมกมุ่น ไม่สิ ความอาฆาตถึงจะถูก
ก็คือมีคนคนทำพิธีสาปแบบใช้หุ่นฟางหรืออะไรสักอย่างจำพวกนั้นถึงสามคนงั้นเหรอ?
ไม่หรอก แค่คิดก็เรียบร้อยแล้ว
การจองเวรอีกฝ่ายน่ะ ตัวคนทำเองก็ต้องแลกเปลี่ยนด้วยอะไรบางอย่าง เคยได้ยินกันบ่อย ๆ ใช่มั้ย แต่เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นเลย สิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนเพื่อชำระหนี้แค้น ก็คือการเป็นฝ่ายถูกกระทำจากหัวหน้าแผนกคนนั้นมาก่อนนั่นแหละ ทั้งการกลั่นแกล้ง การคุกคามทางเพศ การใช้อำนาจกดขี่ข่มเหง อะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เหมือนเป็นการจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนล่วงหน้าไปแล้ว
” (เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันแล้ว)

ก็คือ แค่คิดว่า คนพรรค์นั้น ตาย ๆ ไปซะก็ดี วิญญาณคนเป็นก็จะไปตามรังควานเองงั้นเหรอ?
ตามนั้นแหล่ะ น่ากลัวเนอะ

อืม ผมก็คิดว่า เรื่องแบบนี้ก็คงมีจริงเนอะ ยิ่งเป็นหัวหน้าแผนกคนนั้นด้วยแล้วละก็ ถ้าถูกใครจองเวรก็สะใจอยู่
แต่มีเรื่องที่ยังคาใจ เลยลองถาม A ดู
เออ แล้วเราล่ะ มีวิญญาณคนเป็นตามอยู่รึเปล่า?
ของนายมีแต่วิญญาณคุณปู่คุณย่าคอยตามดูแลเท่านั้นแหละ จากนี้ไปก็ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุด้วยล่ะ
ผมก็แอบหวังว่าจะมีสาว ๆ สวย ๆ มาตามซะหน่อย

สุดท้าย ผมก็ถาม A ในสิ่งที่อยากรู้ที่สุด
เออ แล้วสามคนที่ตามรังควานหัวหน้าแผนกนั่น เป็นคนแบบไหนเหรอ?
คนนึงเป็นผู้หญิงนะ ดูเรียบร้อยดี แต่เหมือนจะโดนมาหนักพอดูเลย
งั้นเหรอ
จะว่าไป ที่บริษัทเก่า มีการเปลี่ยนพนักงานบ่อยมาก เห็นลือกันว่า ถ้าหัวหน้าแผนกไม่ถูกใจ ก็ถูกไล่ออกทันที
ที่เหลือเป็นผู้ชายนะ
คนนึงเหมือนจะเป็นพวกหมกมุ่น แบบนี้เนี่ยอันตรายที่สุด ถ้าโดนความแค้นเข้าสิงแล้วละก็ จะตามจองล้างจองผลาญแบบไม่สนว่าตัวเองจะใช้ชีวิตยังไงเลยทีเดียว ซึ่งก็ยิ่งจะทำให้เรื่องมันรุนแรงขึ้นไปอีก ด้วยการจองเวรอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้ชีวิตตัวเองมีปัญหามากยิ่งขึ้น

อย่างนี้นี่เอง การเอาแต่จ้องจะจองเวรอีกฝ่ายก็ทำให้ไม่สนว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นยังไง ผมแอบคิด หมอนี่ก็พูดอะไรดี ๆ เป็นนี่หว่า

คนที่สามน่ะ...

ก็คือนายนั่นแหละ

ผมเองเหรอ ก็เป็นไปได้เนอะ
เพราะตัวผมก็คิดว่า ไอหัวหน้าแผนกคนนั้น อยากให้มันตายไปจริง ๆ อยู่
แต่อย่างไรก็ตาม A นี่สุดยอดไปเลยครับ ของจริงครับ มองเห็นเรื่องพวกนี้ได้จริง ๆ ครับ

นับแต่นั้นมา ผมก็เริ่มหันมาเขื่อในเรื่องพวกนี้ครับ

อ่านบทความอื่นได้ที่นี่>>>เรื่องราวลี้ลับและสยองขวัญ

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend