เมนูแฮมเบิร์กเป็นอาหารยอดนิยมประจำบ้านของคนญี่ปุ่นเลยทีเดียว ยิ่งบ้านไหนที่มีเด็กๆแล้ว เมนูนี้น่าจะเป็นเมนูที่ถูกทำเป็นเมนูอาหารเย็นอยู่เรื่อยๆเลยเชียว
แฮมเบิร์กหรือที่คนญี่ปุ่นออกเสียงว่า”ฮัมบากุ” คือ เมนูเบอร์เกอร์เนื้อ จะเป็นเมนูที่เป็นกับข้าวหรือสเต็ก ไม่เหมือนแฮมเบอร์เกอร์ที่เราเคยรับประทานตามร้านอาหารที่ไม่ใช้ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ที่จะนำเอาขนมปังมาประกบทั้ง 2 ข้าง
เมนูนี้จะให้ทั้งพลังงานและสารอาหารที่ครบถ้วน ทั้งโปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต, เกลือแร่และวิตามิน (จากผักบางชนิด) เรียกได้ว่าเมนูเดียวมีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ และเป็นที่โปรดปรานของคนในครอบครัว อีกทั้งยังรับประทานง่ายอีกด้วย
เมนูแฮมเบิร์ก
มักรับประทานกับผักเครื่องเคียง ที่นำผักหลายชนิดเอามาย่างหรือลวก เช่น บล็อคโคลี่, แครอท, หอมหัวใหญ่, มะเขือเทศ, กระเจี๊ยบ, เห็ด, มันฝรั่งหรือกระทั่งข้าวโพดคลุกเนย
หากรับประทานเป็นอาหารชุด จะมีพร้อมทั้งข้าว, ซุป, เครื่องเคียงและกิมจิ จะรับประทานเป็นอาหารจานเดียวก็ง่าย โดยปกติก็มักจะใส่ไข่ดาวและผักเครื่องเคียงด้วย หรือจะจัดเป็นอาหารกล่องก็ได้
: ‡ : ส่วนผสมและเครื่องปรุง (สำหรับ 4 คน) : ‡ :
- เนื้อวัวบด 300 กรัม
- เนื้อหมูบด 100 กรัม
- เนย 1 ช้อนโต๊ะ
- เกล็ดขนมปัง 20 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- เกลือ 1/3 ช้อนชา
- ผงลูกจันทน์ป่น (พอประมาณ)
- หอมหัวใหญ่ขนาดกลาง 1 หัวครึ่ง
- พริกไทย (พอประมาณ เพื่อให้มีกลิ่นหอม)
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทอดเนื้อ)
- ผักเครื่องเคียง 2-3 ชนิด (สำหรับลวกหรือย่าง)
- กระเทียม (เล็กน้อย สำหรับผสมในซอส)
- โชยุ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
: ‡ : วิธีทำ : ‡ :
1. สับหอมหัวใหญ่ทั้งหมดให้ละเอียด แบ่งหอมหัวใหญ่ออกเป็น 2 ส่วน
2. เติมเกลือลงไปในหอมหัวใหญ่สับละเอียด 1 ส่วนที่แยกไว้ ผัดด้วยไฟอ่อนๆ จนเป็นสีเหลืองทอง แล้วจึงนำมาพักไว้ให้เย็น
3. ใส่เนื้อวัวบดและเนื้อหมูบดที่แช่เย็นไว้ลงไปในชามใหญ่ เติมเกลือ 1 หยิบมือลงไป นวดให้เข้ากัน จนเนื้อเหนียวติดมือ
4. ใส่เกล็ดขนมปัง, ไข่ไก่และหอมหัวใหญ่สับละเอียดที่ผัดไว้แล้วลงไป เติมพริกไทย, ลูกจันทร์ป่น แล้วจึงนวดให้เข้ากัน
5. แบ่งเนื้อในชามออกเป็น 4 ส่วน
6. ตบก้อนเนื้อไปมาด้วยฝ่ามือระหว่าง 2 มือเพื่อไล่อากาศและทำให้เนื้อแน่นขึ้น ต้องไล่อากาศออกให้หมด เพราะหากอากาศออกไม่หมดจะทำให้ก้อนเนื้อพองและแตก
7. คลึงเป็นก้อนกลม หนาประมาณ 1.5 เซนติเมตร
8. ใส่ก้อนเนื้อไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที เพื่อให้เนื้อเซ็ตตัว เพราะหากอุณหภูมิที่ก้อนเนื้อสูงเกินไป จะทำให้ความหวานและไขมันของเนื้อซึมหายไปได้ง่าย
9. เมื่อครบ 30 นาที นำเนื้อออกมา
10. ตั้งกระทะ เทน้ำมันใส่ ย่างเนื้อด้วยไฟกลางค่อนไปทางอ่อน เพราะหากย่างด้วยไฟแรงแต่แรกเนื้อจะยุบตัว
11. พอเนื้อด้านล่างเริ่มสุกให้ลดเป็นไฟอ่อน ย่างต่ออีกประมาณ 3 นาที เมื่อเนื้อด้านล่างเริ่มเป็นสีขาวให้พลิกชิ้นเนื้อกลับ แล้วย่างต่อไปอีก 3 นาที
12. จากนั้นปิดไฟก่อน ปิดฝากระทะหรือเอาฟอยล์ห่อกระทะ อบเนื้อด้วยความร้อนของกระทะต่อไปอีก 2-3 นาที
13. เอาฝาหรือฟอยล์ออก เปิดไฟอีกครั้ง ย่างด้วยไฟอ่อนอีก 2 นาที
14. ใช้ไม้แหลมจิ้มไปที่ชิ้นเนื้อ หากมีน้ำใสๆไหลออกมาแสดงว่าเนื้อสุกได้ที่แล้ว ให้เร่งไฟแรงขึ้นแล้วย่างต่อไปอีกประมาณ 15 วินาที เพื่อให้ผิวชิ้นเนื้อออกเกรียมนิดๆ
15. ลวกหรือย่างผักเครื่องเคียง
: ‡ : วิธีทำซอส : ‡ :
น้ำซอสจะมีวิธีทำได้หลากหลายสูตร แต่น้ำซอสสูตรนี้จะเป็นสูตรกระเทียมและหอมหัวใหญ่เพื่อเพิ่มความหอมของเนื้อ และเป็นที่ถูกปากของคนไทย
- สับกระเทียมให้ละเอียด
- ใส่น้ำมันมะกอกในกระทะ รอให้น้ำมันร้อน แล้วจึงเทกระเทียมลงไป ผัดด้วยไฟอ่อน อย่าให้กระเทียมไหม้
- นำกระเทียมและส่วนผสมที่เหลือมาผสมกับหอมหัวใหญ่อีก 1 ส่วนที่เหลือ เคี่ยวจนน้ำงวดออกไป
- นำไปราดลงบนชิ้นเนื้อ พร้อมเสิร์ฟ
สำหรับที่คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานกัน ได้แก่ ซอสเดมิกลาสหรือ Brown sauce, ซอสมะเขือเทศหรือซอสเทริยากิ แค่ราดลงไปบนชิ้นเนื้อก็จะได้รสชาติที่ชุ่มฉ่ำผสมกับน้ำของชิ้นเอที่ซึมออกมา
: ‡ : เคล็ดลับ : ‡ :
- ในขั้นตอนการนวดชิ้นเนื้อกับเกลือ ให้นวดให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดี ไม่เช่นนั้นแล้วเนื้ออาจจะแตกออกไม่เป็นก้อนในตอนย่างเนื้อ ทำให้น้ำที่มีไขมันและรสชาติของเนื้อในก้อนเนื้อไหลออกมา
อย่าเอามือขยำเนื้อให้ใช้มือคน คลุกๆให้เข้ากัน เพื่อไม่ให้ความร้อนจากมือเราเข้าไปในชิ้นเนื้อ - ในขั้นตอนการปั้นเนื้อเป็นก้อน หากทาน้ำมันที่ฝามือจะช่วยให้เนื้อไม่ติดมือ ตอนตบเนื้อให้เป็นก้อน จะได้ก้อนเนื้อที่สวยขึ้น และน้ำมันส่วนเกินนี้จะไหลออกไปในตอนย่างเนื้อ
- ปั้นเป็นทรงกลมแล้วกดตรงกลางให้ยุบเพื่อให้ความร้อนเข้าไปได้ง่ายกว่าขอบรอบนอก เมื่อนำไปทอดตรงกลางจะพองสุกขึ้นมาพอดีกันกับตรงขอบ ทำให้ชิ้นเนื้อไม่แตก
- ในขั้นตอนการย่าง ห้ามใช้ตะหลิวกดไปที่ก้อนเนื้อ อาจทำให้ก้อนเนื้อแตกได้
- ในขั้นตอนการใช้ไม้แหลมจิ้มไปที่ชิ้นเนื้อ หากมีน้ำสีแดงเลือดไหลออกมาแสดงว่าชิ้นเนื้อยังไม่สุก ให้ย่างต่อไป (อย่าลืมว่าห้ามใช้ตะหลิวกดชิ้นเนื้อนะ)
: ‡ : เคล็ดลับการหั่นหอมหัวใหญ่ไม่ให้แสบตา : ‡ :
นำหอมใหญ่ไปแช่ในตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาทีก่อนนำมาหั่น
นำมีดที่จะใช้หั่นหอมแช่น้ำบ่อยๆในขณะหั่น เพื่อให้น้ำเป็นตัวดูดซับสารซัลเฟอร์หรือกำมะถันเอาไว้ และคมมีดต้องคมเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้หอมใหญ่ช้ำ จะทำให้อาการระคายเคืองตาลดน้อยลงไปด้วย
จากนั้นนำมาจัดเรียงใส่จาน จะรับประทานเป็นสเต็กหรือกับข้าวก็ได้ เป็นเมนูที่สามารถดัดแปลงให้เข้ากับหลากหลายเมนูได้ บางครั้งจะรับประทานกับเส้นสปาเกตตี้ก็ได้ เรียกได้ว่าทำแค่ครั้งเดียว เก็บไว้ก็คุ้มค่าเหนื่อยเลยทีเดียว (๑˃̵ᴗ˂̵)و
Comments