โมจิเป็นขนมยอดนิยม ทีนิยมทำเป็นอาหารที่แจกตามศาลเจ้าในวันขึ้นปีใหม่ของชาวญี่ปุ่น ด้วยความเหนียวนุ่มของโมจิและไออุ่นของซุป เพียงแค่ถือถ้วยไว้ในมือก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นไปถึงข้างในใจได้เลยทีเดียว
โมจิทำมาจากแป้งข้าวเหนียว โดยนำไปนึ่งแล้วเอามาทุบหรือตำในขณะที่ยังร้อน ๆ ให้เป็นเนื้อเดียวกันจนได้ออกมาเป็นแป้งโมจิ ซึ่งสามารถนำมาทานสด ๆ หรือจะนำไปตากแห้งก่อนแล้วค่อยนำมาย่างทานก็ได้ มีทั้งแบบที่เป็นขนมและเป็นซุป หรือเป็นแบบย่างจิ้มซอสที่นิยมทานเล่นกันในบ้าน
วันนี้เราชวนมาทำขนมหวานอุ่นๆสไตล์ญี่ปุ่นที่เชื่อว่าหลายๆคนก็ชอบกินกันดีกว่า กับโมจิต้มถั่วแดงสูตรสำหรับ 3-4 คน ล้อมวงกันเข้ามากิน
โมจิต้มถั่วแดง (แบบสำเร็จรูป)
มีวิธีทำทั่วๆไป 2 วิธี คือ เอาเม็ดถั่วแดงมาแช่น้ำ ทิ้งไว้แล้วต้มเลย กับเอาถั่วแดงที่กวนมาเเล้วมาผสมกับน้ำ แล้วแต่ความชอบว่าอยากได้ความข้น หรือเนื้อถั่วขนาดไหน จะหวานมาก หวานน้อย ก็ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของถั่วกวนเเละน้ำที่ผสมกัน ถือเป็นวิธีง่ายๆ ที่ทำกันที่บ้าน ซึ่งถั่วกวนนั้นมีขายทั่วไปทั้งในรูปแบบกระป๋อง ถุงพลาสติก ซึ่งในซูเปอร์มาร์เก็ตบ้านเราก็มีขาย 😋 🇯🇵 (´∀`)
โมจิต้มถั่วแดง (Zenzai)
เวลาไปทานตามร้านอาหารในภาษาญี่ปุ่นเรียก Zenzai เป็นเมนูขนมหวานที่มีในหลายๆร้าน แม้แต่ร้านไอศครีมหรือร้านขนมตามศาลเจ้า ด้วยความที่ทานง่ายและให้ความอบอุ่นในร่างกายจึงนิยมทานกันในช่วงที่อากาศเริ่มหนาวเย็น เริ่มตั้งแต่ในฤดูใบไม้ร่วงจนเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
: ‡ : ส่วนผสมและเครื่องปรุง : ‡ :
- แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
- น้ำเปล่า 100 มิลลิลิตร
- เกลือ ¼ ช้อนชา
- ถั่วแดงแบบเม็ดเล็ก 100 กรัม
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
: ‡ : วิธีทำ : ‡ :
1. เริ่มจากการแช่ถั่วแดงกันก่อน เทเม็ดถั่วแดงใส่ชามใบใหญ่ นำไปล้างน้ำเปล่าประมาณ 1-2 ครั้งเพื่อกรองเศษผงต่างๆที่ติดมา แล้วแช่เม็ดถั่วแดงทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง หรือถ้าใครชอบแบบให้เม็ดถั่วแตกนิ่มก็แช่ทิ้งไว้นานกว่านั้น
2. พอครบ 6 ชั่วโมงหรือเห็นว่าถั่วนิ่มพอที่จะเอานิ้วบีบแล้วเม็ดแตกตัว ก็นำถั่วขึ้นมาพักไว้ใส่ในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ
3. ต้มน้ำบนเตาไฟให้น้ำเดือดจัดแล้วจึงลดไฟลงเป็นไฟกลาง จากนั้นเทถั่วใส่ลงไป ต้มไปเรื่อยๆจนถั่วแดงนิ่ม เราสามารถตรวจสอบความสุกของถั่วได้โดยการใช้ทัพพีตักขึ้นมา แล้วใช้ช้อนลองบดดู ถ้าระหว่างนี้น้ำในหม้อต้มลดลงไป ให้เติมน้ำลงไปได้เรื่อยๆ
4. เมื่อได้เนื้อถั่วที่ต้องการแล้วจึงใส่น้ำตาลลงไป เนื้อถั่วจะไม่แตกตัวอีก ไม่ว่าเราจะต้มไปนานขนาดไหน จึงควรเช็คลักษณะเนื้อถั่วให้ได้แบบที่ต้องการก่อนใส่น้ำตาลลงไป
5. ต้มต่อไปประมาณ15 นาที เพื่อให้ความหวานของน้ำตาลซึมเข้าไปในถั่ว ระหว่างต้มถ้าน้ำลดลง เราสามารถเติมน้ำลงไปได้เรื่อยๆ โดยใช้ทัพพีคนแล้วชิมเพื่อเติมน้ำตาลได้เป็นระยะ
6. เมื่อเตรียมถั่วแดงเสร็จ เราก็มาทำโมจิกันต่อ เราเคยใช้ข้าวเหนียว (ที่กินกับไก่ย่าง) มาตำ ใช้เวลานานมากกว่าจะได้แป้งโมจิ (ปวดแขน >_<) หรือเมื่อถึงขั้นตอนนี้เราจะนำโมจิก้อนสำเร็จที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต มาตัดแบ่งแล้วปิ้งบนเตา จนโมจิก้อนพองและมีกลิ่นหอมไหม้ติดนิดๆ ก็ใส่ลงมาในถ้วย กลายเป็นถั่วแดงร้อนกับโมจิย่าง พร้อมทานเลยก็ได้
7. แต่ถ้าหาซื้อไม่ได้หรืออยากทำเองก็สามารถใช้แป้งข้าวเหนียวผสมกับน้ำ แล้วจึงนวดให้เข้ากัน พอแป้งเหนียวก็พักแป้งไว้สักพัก เพื่อให้เนื้อแป้งพอแห้งนิดๆ
8. จะใช้มีดตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมหรือปั้นเป็นก้อนกลมก็แล้วแต่ความชอบ กะขนาดให้ไม่ใหญ่มากเพื่อให้เนื้อในสุกโดยทั่วถึง
9. น้ำแป้งไปต้มในน้ำเดือด โดยใช้ไฟกลาง ต้มจนแป้งเริ่มลอยขึ้นมาจากก้นหม้อ แล้วจึงตักขึ้นมาวางพักไว้ (ส่วนใหญ่จะใช้กับแป้งแบบที่ปั้นเป็นก้อนกลม) อีกวิธีคือนำมาปิ้งกับกะทะก้นแบนหรือตะแกรงเหล็กให้แป้งพองพอมีกลิ่นหอมไหม้ติดมานิดๆ (นิยมใช้กับแป้งแบบที่ตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยม)
10. ตักถั่วแดงต้มใส่ถ้วยก่อน แล้วจึงตักโมจิใส่ถ้วยละ 2-3 ก้อน พร้อมรับประทาน
: ‡ : เคล็ดลับ : ‡ :
เพื่อให้รสชาติกลมกล่อม เราใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ค่อยๆใส่ครั้งละ 1 หยิบมือ จนกว่าจะได้รสที่ต้องการ (อันนี้ไม่มีสูตรตายตัว แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล) รสชาติของน้ำต้มถั่วแดงที่ได้จะไม่หวานแหลมแสบคอ
สำหรับคนที่ชอบน้ำต้มถั่วแดงแบบข้นๆก็ให้ตั้งไฟบนเตาเคี่ยวถั่วแดงไปเรื่อยๆ น้ำจะค่อยๆเข้มข้นขึ้น
โมจิต้มถั่วแดงร้อนแบบนี้เหมาะกับที่จะกินตอนช่วงหน้าฝนกับหน้าหนาว นั่งชมทะเลหมอก ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหรือดูฝนตกผ่านหน้าต่างอยู่บ้านในวันไม่เร่งรีบ ก็มีความสุขที่สุดแล้ว ( ´͈ ॢꇴ `͈)੭ु
❁❁❁❁❁❁❁❁❁❁❁❁❁❁❁❁❁❁❁
Comments