สองสิ่งที่ห้ามพลาดถ้ามาญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

หลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชีย ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความแตกต่างระหว่างฤดูกาลชัดเจนมากที่สุด ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เอื้ออำนวย ประเทศญี่ปุ่นจึงมีการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลทั้งสี่มากมาย แน่นอนว่าของกินที่มีในแต่ละฤดูกาล ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดสำหรับผู้ที่มีใจรักในการลิ้มลองชิมของอร่อย จนต้องเดินทางมาญี่ปุ่นหลายต่อหลายครั้งเพื่อจะมาชิมอาหารจานเด็ดที่รังสรรจากวัตถุดิบชั้นดีประจำฤดูกาลให้เต็มอิ่ม ถ้าพูดถึงฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นแล้ว ทิวทัศน์ตัวแทนฤดูก็คือ ใบไม้เปลี่ยนสี โมมิจิ ส่วนในเรื่องของกินก็คงไม่พ้น ปูเนื้ออร่อยที่ต้องทานซ้ำให้ได้

สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีในร่มอันเลื่องชื่อยอดนิยมอันดับหนึ่งของเกียวโต: อารามรุริโคอิน

เกียวโตแต่เดิมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ทั้งใบโมมิจิและใบแปะก๊วยของฤดูใบไม้ผลิก็แต่งแต้มสีสัน ทำเอานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลงไหลได้ปลื้มจนแทบล้มฟุบกันเลยทีเดียว สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีอันเลื่องชื่อนั้นส่วนใหญ่จะอยู่กลางแจ้ง แต่อารามรุริโคอิน (瑠璃光院) ในยาเสะ (八瀬) ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุผลหลักๆก็เพราะความงดงามนั่นเอง ทั้งทิวทัศน์อันงดงามจนแทบลืมหายใจกับสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้างภายในเขตวัดก็เข้ากันอย่างลงตัวจนเจิดจรัสเรืองรอง ราวกับโลกมายาแฟนตาซีที่ก้าวข้ามกาลเวลาและอวกาศจนเอ่อล้นยังไงยังงั้น เพียงแค่มาที่อารามรุริโคอินก็รู้สึกปลาบปลื้มจนไม่อาจหาคำมาพรรณนาได้แล้ว เพราะอย่างนี้นี่เอง อารามรุริโคอินจึงเป็นที่พักผ่อนอันเลื่องชื่อที่เป็นที่รักของเหล่าขุนนางและนักรบซามูไรมาตั้งแต่สมัยเฮอัน ในหนึ่งปีอารามรุริโคอินจะเปิดให้เข้าชมได้เฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น สำหรับฤดูใบไม้ร่วงปี 2018 (พ.ศ. 2561) มีแผนจะเปิดให้เข้าชมในช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม ถึง 10 ธันวาคม ผู้ที่เข้ามาชมสามารถสัมผัสการถ่ายรูปได้ที่หอสมุดภายในวัด หรือจะนั่งหย่อนขาจิบชาอุ่นๆในสวน ชมความงามไปพลาง ๆ ก็ยังได้ ที่นี่มีระเบียบพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม งดถ่ายรูปโดยใช้แฟลชและ/หรือขาตั้งกล้องโดยเด็ดขาด ค่าเข้าชม 2000 เยน อาจจะราคาสูงหากเทียบกับที่อื่นดู แต่ด้วยทิวทัศน์ที่งดงามเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลกแล้ว ราคาก็ถือว่าคุ้มค่าเหมาะสมแล้ว

สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีส่องไฟประดับยามค่ำคืนอันเลื่องชื่อยอดนิยมประจำเมืองนครเกียวโต: วัดโคไดจิ

วัดโคไดจิ (高台寺) เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับวัดคิโยมิสึเดระ (清水寺) ที่จดทะเบียนเป็นมรดกโลกในเขตฮิกาชิยามะ และได้รับการโหวตเป็นอันดับที่ 2 สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีอันเลื่องชื่อทั่วญี่ปุ่นซึ่งเป็นข้อมูลของเว็บไซต์ 2017 ซึ่งเป็นวันแรกของฤดูใบไม้ร่วงที่เห็นได้ชัดในจังหวัดของจังหวัดเคียวโตะ เมื่อไปถึงเขตฮิกาชิยามะแล้ว ยามกลางวันก็ไปเยี่ยมชมวัดคิโยมิสึเดระ ที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลก ศาลเจ้ายาซากะ (八坂神社) หรือย่านกิอง (祇園) ตกกลางคืนก็ไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ถูกส่องไฟที่วัดโคไดจิต่อกันได้

วัดโคไดจิเป็นวัดที่ถูกก่อตั้งโดย เนเน่ ภรรยาของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ หลังจากที่ฮิเดโยชิล่วงลับไปแล้วเพื่อสวดมนต์ให้แก่ดวงวิญญาณของฮิเดโยชิ สวนญี่ปุ่นในเขตวัดก็มีทั้งความสงบและงดงามมาแต่ไหนแต่ไร แต่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวยให้มาหลงใหลก็คือการชมใบไม้เปลี่ยนสียามค่ำคืนที่สระการิวอิเกะ (臥龍池) ใบไม้เปลี่ยนสีที่ถูกไฟส่อง สะท้อนลงบนผิวน้ำทะเลสาบที่นิ่งสงบ ทำเอางดงามจนลืมหายใจกันเลยเชียว รับรองได้เลยว่าฉากอันงดงามนี้จะกลายเป็นหน้าหนึ่งในบันทึกการเดินทางชีวิตของคุณที่หาอะไรแทนไม่ได้เลยเชียว

ถ้าคุณใช้ JAL Japan Explorer Pass (JEP) ที่ออกมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถโดยสารเที่ยวบินในประเทศได้ในราคาพิเศษแล้วละก็ เพียง 10800 เยนก็สามารถโดยสารเที่ยวบินหนึ่งรอบจากโอซาก้าไปยังฮาโกะดาเตะที่ฮอกไกโดได้แล้ว ลองลิ้มชิมรสปูสดที่สุดแห่งฤดูใบไม้ร่วงที่ฮาโกะดาเตะ เติมเต็มความอยากอาหารของนักชิมในตัวคุณให้อิ่มล้นด้วยอาหารบริการระดับสุดยอด

มาถึงฮอกไกโดทั้งที จะไม่พูดถึงสามสุดยอดปูก็กระไรอยู่ สามสุดยอดปูที่ว่านี้ก็คือปูทาราบะ (タラバガニ Red King Crab) ปูซุไว (ズワイガニ Snow Crab) และปูขน (毛ガニ Horsehair Crab) นั่นเอง สามสุดยอดปูเหล่านี้หาได้เฉพาะที่ทะเลเขตหนาวเท่านั้น เนื่องจากฮอกไกโดมีอากาศหนาวพอดี จึงมีความอร่อยเด็ดทั้งสามนี้ให้ทานกัน หากอยากจะลองชิมลิ้มรสปูสด ๆ ดูแล้วละก็ ต้องไปที่ตลาดเช้าฮาโกะดาเตะ

คุณสามารถเลือกปูที่ถูกใจได้ที่นั่น แถมยังขอให้ทางร้านเตรียมอาหารกันสด ๆ เลยได้อีกด้วย จะนึ่งหรือย่างก็เลือกได้ตามใจชอบ ถ้าชอบทานที่ร้านอาหาร มีหลายร้านที่มีปูบุฟเฟต์ทาเบะโฮได ทานปูได้จุใจแบบไม่อั้นให้บริการ มีอาหารหลายอย่างอย่างเช่น ปูหม้อไฟ เนื้อปูแดง ๆ ให้ความสำราญเต็มอิ่มทั้งตาและลิ้น โรงแรมที่ฮาโกะดาเตะก็ยังมีอาหารเช้าสุดเซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึงกันมาให้บริการด้วย หนึ่งในอาหารเช้าบุฟเฟต์ที่มีให้เห็นกันบ่อย ๆ ก็คือ ข้าวหน้าทะเลแบบดงบุริแบบอาหารทะเลสด ๆ ใครที่ชอบทานอาหารสด ๆ ใหม่ ๆ เลือกไปฮาโกะดาเตะ ตัวเลือกสุดอลังการนี้กันได้เลย แน่นอนว่า ลิ้มรสอาหารอันโอชะกันเสร็จ ก็ต้องไปเที่ยวชมทิวทัศน์ของฮาโกะดาเตะกันต่อเลย

ถ้าอยากไปหาชมใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างท่องเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ไปเกียวโตที่มีทิวทัศน์งดงามเต็มร้อย ถ้าอยากไปทานปูสด ๆ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ไปที่แหล่งจับปูฮาโกะดาเตะ แต่การจะไปเที่ยวให้สนุกสุดยอดทำฝันให้เป็นจริงได้นั้นคงต้องมีตัวช่วยสำคัญ ตัวช่วยที่ว่านั้นก็คือ JAL Japan Explorer Pass (JEP) นี่เอง เที่ยวบินขาไปจากโอซาก้าไปฮาโกะดาเตะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 50 นาทีเท่านั้น ไปอิ่มหนำสำราญกับอาหารอร่อย แถมยังไปเที่ยวชมรอบ ๆ ฮาโกะดาเตะได้อีกด้วย เที่ยวญี่ปุ่นครั้งเดียว แต่ได้ความสำราญเป็นเท่าตัวเลยเชียวนะ

มาดูรายละเอียดการซื้อ JEP กันเลยดีกว่า 👇👇👇

เส้นทางการเดินทางเที่ยวครั้งนี้ เก็บไว้ดูเป็นตัวอย่างได้เลย