เรื่องราวลี้ลับและสยองขวัญ ตอนที่ 8: ตำนานการพลัดพรากขององค์อิซานากิและองค์อิซานามิ

  • 11 มิถุนายน 2020
  • 2 สิงหาคม 2018
  • Mon
  • Mon

เรื่องราวลี้ลับและสยองขวัญ ตอนที่ 8: ตำนานการพลัดพรากขององค์อิซานากิและองค์อิซานามิ

ในคราวที่แล้วเราได้กล่าวถึงองค์อิซานากิและองค์อิซานามิจนถึงการพลัดพรากจากกันด้วยชีวิต แต่ตำนานในมหากาพย์จารึกโบราณ โคะจิกิ (古事記) ก็ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น องค์อิซานากิได้เดินทางลงสู่ปรภพ เพื่อนำตัวภรรยากลับคืนมายังโลกเดียวกัน แต่องค์อิซานากินั้นกลับได้พบเจอแต่เรื่องที่ไม่ได้เตรียมใจไว้... อย่าได้รีรอ ตามไปดูกันเลยดีกว่าครับ!

บทความก่อนๆ

ปรโลก โยมิโนะคุนิ

ปรโลก โยมิโนะคุนิ

โยมิโนะคุนิ (黄泉の国 แปลตามตัวคือ ดินแดนน้ำพุเหลือง ซึ่งสื่อถึงแหล่งน้ำบาดาลใต้ดิน) ว่ากันว่าเป็นโลกแห่งความมืดมิด ดังที่ว่าอนุภาคที่เบากว่าและแสงสว่างทั้งหลายขึ้นไปรวมตัวกันเบื้องบนเป็นที่ราบแดนฟ้าสูง (高天原 ทาคามากาฮาระ แดนสวรรค์) และดินแดนกลางแห่งที่ราบทุ่งต้นอ้อ (葦原の中つ国 อาชิฮาระโนะนากาสึคุนิ โลกมนุษย์) สะสารและอนุภาคที่เหลือซึ่งจมลงสู่เบื้องล่างเป็นดินแดนบาดาลเหลือง โยมิโนะคุนิ ต่างก็เป็นทั้งอนุภาคหนักและความมืดมิดที่หากได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายแล้ว ก็จะไม่อาจหวนคืนสู่ดินแดนเบื้องบนได้

เนื้อหาต่อไปนี้เป็นคำเขียนที่หยิบยกมาจากมหากาพย์จารึกโบราณ โคะจิกิ โดยตรง

---------------------------------------------------------------------------------

การไปเยือนโยมิโนะคุนิ

องค์เทวาอิซานากิ ด้วยความโหยหาอยากพบภรรยาที่สิ้นชีวาจากไป
จึงตัดสินใจเดินทางลงสู่ปรโลก โยมิโนะคุนิ
เพื่อตามองค์เทวีอิซานามิกลับมาครองคู่

และแล้ว ณ ที่เทวาลัยในโยมิโนะคุนิ
องค์เทวาได้หันหน้าสู่องค์เทวีอิซานามิผู้เป็นภริยาและไถ่ถาม

“ภรรยาผู้เป็นที่รักของข้า
ดินแดนที่เราทั้งสองได้ร่วมสร้างขึ้นมา
หาได้เสร็จสมบูรณาดีไม่
แม้จะหนักหนาสักเพียง โปรดกลับไปกับข้าเถิด”

กระนั้น องค์เทวีอิซานามิได้กล่าว
“ช่างน่าเสียดายเสียยิ่งกระไร ท่านมิได้มาเร็วไปกว่านี้
ตัวข้า ได้ดื่มกินกระยาหารที่ทำขึ้นมา
จากแดนปรโลกโยมิโนะคุนิไปเสียแล้ว มิอาจกลับไปได้
แต่ท่าน สามีอันเป็นที่รักของข้า อุตสาหะมาหาถึงที่นี่แล้วไซร้
ข้าก็ไคร่อยากจะกลับไปเช่นกัน
ขอข้าปรึกษาเทวาแห่งแดนโยมิโนะคุนิเหล่านั้นก่อนเถิดหนา
ระหว่างนั้น อย่าได้มองดูตัวข้าเป็นอันขาด”
จากนั้นก็ดำเนินหายเข้าสู่เบื้องลึกของเทวาลัย

ผ่านไปนานสักเท่าใดกันก็มิอาจทราบได้
แม้จะเฝ้ารอนานแสนนานสักเพียงไหน
องค์เทวีอิซานามิก็หาได้ปรากฏตัวไม่

องค์เทวาอิซานากิ มิอาจทนรอต่อไปได้
จึงหยิบพระสางประดับมวยผมข้างซ้ายออกมาในทันใด
หักซี่หวีออกหนึ่งซี่แล้วจุดเป็นคบไต้
แล้วเยื้องย่างเข้าสู่เทวาลัยเสีย

ร่างอันเน่าเฟะ

แต่รูปกายขององค์เทวีอิซานามิที่ได้พบนั้น
กลับมีหนอนเจาะเน่าเฟะเต็มกายาองค์อิซานามิ
ที่ศีรษะ อุระ อุทร และส่วนอื่นๆก็มีอสุนีเทพเกาะติดอยู่

ได้เห็นเช่นนั้นไซร้ องค์เทวาอิซานากิก็ผวาตกใจ
รีบตั้งท่าทีจะหนีจากแดนโยมิโนะคุนิไปเสีย

เช่นนั้น องค์เทวีอิซานามิก็เอ่ยปาก
“ท่านทำให้ข้าต้องอับอายเอาเสียจนได้”
พร้อมกับสั่งให้เหล่านางอัปลักษณ์แห่งปรโลก โยมตสึชิโกเมะ*
ให้ไล่ตามองค์เทวาอิซานากิเสียโดยพลัน

*โยมตสึชิโกเมะ (黄泉醜女) อสูรตัวเมีย ยักษี หรือนางอัปลักษณ์แห่งแดนโยมิ 醜女 ชิโกเมะ แปลว่า หญิงอัปลักษณ์

ยามที่องค์เทวาอิซานากิหนีการตามล่า
ได้ขว้างปามงคลประดับศีรษะที่ประดิษฐ์จากเถาไม้ดำออกไป
ครั้นตกถึงพื้นก็กลายเติบใหญ่เป็นเถาองุ่นป่าโดยพลัน

เมื่อเหล่านางอัปลักษณ์หยุดชงักสักชั่วครู่
สวาปามองุ่นป่าอยู่นั้น องค์อิซานากิก็แอบหลบหนีไป

แต่กระไรเสีย ก็ยังไม่หยุดการไล่ล่า
ครานี้ องค์เทวาอิซานากิ นำพระสางประดับมวยผมซีกขวา
ซึ่งทำมาจากไม้ไผ่ หักออกแล้วขว้างไป
ครั้งนี้ก็กลายเป็นหน่อไม้ผุดขึ้นจากผืนดิน
เหล่านางอัปลักษณ์ก็ถอนขึ้นมากิน
เปิดช่องให้องค์เทวาอิซานากิหนีไปได้โดยสิ้น

อสุนี

กระนั้น องค์เทวีอิซานามิก็มิได้ย่อท้อ
ปลดปล่อยอสุนีเทพทั้งแปด (八雷神 ยากุสะโนะอิคาสึจิกามิ) ที่เกาะติดตามกายาออกมา
พร้อมสั่งกองกำลังอีกพันห้าให้ไล่ตามไป
องค์อิซานากินั้นไซร้ ก็หยิบดาบประจำตัว**ออกจากฝัก
ตวัดดาบปกปักป้องกันหลังไปพลาง หนีไปพลาง

**ดาบทตสึกะโนะสุรุกิ (十拳剣 ดาบสิบวา)

แต่กระไรเสีย ก็ยังไม่หยุดการไล่ล่า
จนครั้นองค์เทวาอิซานากิมาถึงตีนเนินผาชันแห่งโยมิ***
ได้เด็ดเอาลูกท้อจากต้นท้อที่เติบโต ณ ที่นั่นออกมาสามลูก
กะจังหวะรอและขว้างปาลูกท้อใส่
พอถูกตัวเหล่าอสุนีเทพแล้วไซร้ เหล่าเทพอสูรที่ตามล่าก็หายกลับคืนสู่แดนโยมิโนะคุนิเสียโดยพลัน

***โยมตสึฮิราซากะ (黄泉比良坂 บ้างก็แปลว่า เนินราบแห่งโยมิ เนื่องจากปกติ ฮิระ ที่เขียนด้วย 平 แปลว่า ราบ เรียบ แต่ในบางวรรณกรรมกล่าวว่า คำว่าฮิระในที่นี้ใช้เขียนแทน 崖 ซึ่งแปลว่า “หน้าผา” จึงอาจแปลว่าเนินผาชันแห่งโยมิ)

สุดท้าย องค์เทวีอิซานามิก็ไล่ตามมาด้วยตนเอง
แต่องค์เทวาอิซานากิ ได้นำศิลามโหฬารหนักประมาณพันคนแบก
มาวางแยกกั้นทางเข้าออกเนินผาชันแห่งโยมิ แล้วหันหน้าหาองค์เทวีอิซานามิ
โดยมีศิลากั้นกลาง ทั้งสองหยุดยืนดูศิลาอยู่พักหนึ่ง

องค์เทวีอิซานามิก็กล่าวว่า
“ดูก่อน สามีอันเป็นที่รักของข้า
หากว่าท่านทำเช่นนี้แล้วไซร้
ข้าจักพรากผู้คนในดินแดนของท่านหนึ่งพันคนในหนึ่งวัน”

องค์เทวาอิซานากิก็ตอบว่า
“ดูก่อน ภรรยาอันเป็นที่รัก
หากเจ้าจักพรากชีวิตผู้คนนับพัน
เช่นนั้นข้าจักสร้างที่ให้กำเนิดนับพันห้าเสีย”
ด้วยเหตุเช่นนี้
ในวันนึงจึงมีผู้สิ้นชีวาอย่างน้อยนับพันตน
และมีผู้คนถือกำเนิดมาอีกพันห้า

ด้วยประการฉะนี้ องค์เทวีอิซานามิ ก็ได้กลายเป็น มหาเทวีแห่งปรโลก (黄泉津大神 โยมตสึโอคามิ)
เนินผาชันแห่งโยมิที่ปรากฏในเรื่อง กล่าวกันว่า เป็นเนินอิฟุยาซากะ(伊賦夜坂) ในดินแดนอิสึโมะ(出雲国)

---------------------------------------------------------------------------------

กำเนิดอภิบุตร-อภิบุตรีทั้งสาม

สุริยา จันทรา สมุทรา

เมื่อองค์อิซานากิกลับออกมาจากดินแดนอันมืดมิดโสมม เกิดความประสงค์จะชำระล้างร่างกาย จึงทำพิธีชำระที่แม่น้ำในแถบอะฮากิฮาระ (阿波岐原) เมื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับทั้งหลายออก แต่และชิ้นที่ตกลงสู่พื้นก็กลายเป็นเทพ รวมทั้งสิ้นเป็นเทวีสิบสององค์ ครั้นเมื่อปัดเสนียด สะบัดสาปสาง และชำระล้างตัวจากเบื้องล่างขึ้นมา ก็ให้กำเนิดเทวาอีกสิบองค์และเทวีอีกหนึ่งองค์

ในพิธีชำระขั้นตอนสุดท้าย องค์อิซานากิได้ล้างหน้า จากตาซ้ายก็มี อามาเทราสึโอมิคามิ (天照大御神 "มหาเทวีผู้เบิกฟ้า" หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า อามาเทราสึ) ถือกำเนิดขึ้น จากตาขวาก็มี สึคุโยมิโนะมิโกโตะ (月読命 ซึ่งอาจแปลได้ว่า “องค์ท่านผู้นับเดือน” หรือ “องค์ท่านผู้อ่านจันทรา” บางตำราก็สะกดว่า 月夜見 “ผู้มองคืนเดือนเพ็ญ” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สึคุโยมิ และที่สำคัญ เทพแห่งจันทราของญี่ปุ่นเป็นเทวาเพศชาย ผิดจากตำนานเทพปกรณัมของที่อื่น) ถือกำเนิดขึ้น และสุดท้าย จากจมูกก็มี ทาเกฮายาสึซาโนโอะโนะมิโกโตะ (建速須佐之男命 “องค์ท่านบุรุษผู้หุนหันพลันแล่น” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สึซาโนโอะ)

ด้วยความปรีดา องค์อิซานากิก็ยกลูกทั้งสามองค์สุดท้ายให้เป็น “สามอภิบุตร-อภิบุตรี” (三貴子 มิฮาชิระโนะอุสึโนะมิโกะ) และมอบหมายให้อามาเทราสึบริหารที่ราบฟ้าสูง (高天原 ทาคามากาฮาระ) ให้สึคุโยมิดูแลแดนแห่งราตริ (夜の食国 โยรุโนะโอสึคุนิ) และให้สึซาโนโอะปกครองที่ราบท้องสมุทรอันแสนคะนอง (海原 อุนาบาระ)

บทส่งท้าย

แต่สึซาโนโอะก็คึกคะนองไม่ต่างกับเขตปกครองอันเป็นท้องทะเลของเขา สึซาโนโอะไม่สนใจทำภาระที่ได้รับ กลับร้องห่มร้องไห้จนเกิดพายุฟ้าคะนองกระจายไปทั่ว เมื่อองค์อิซานากิไต่ถามดู สึซาโนโอะก็บอกว่าอยากจะไปยังพรมแดนแห่งราก (根の堅州国 เนะโนะคาตาสึคุนิ ต่างจากโยมิแต่ก็ใกล้เคียง ดั่งรากไม้ที่หยั่งลึกเกือบถึงแดนบาดาลใต้ดิน) อันเป็นมาตุภูมิ (บ้างก็ตีความได้ว่าเป็นแดนของผู้เป็นมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว) ด้วยเหตุนี้ องค์อิซานากิจึงเนรเทศสึซาโนโอะจากแดนแห่งเหล่าทวยเทพ ให้ไปอยู่ที่พรมแดนแห่งราก ซึ่งถือเป็นการกล่าวถึงองค์อิซานากิเป็นครั้งสุดท้ายในมหากาพย์จารึกโบราณ โคะจิกิ

แม้ว่าตำนานเทพกรณัมญี่ปุ่นจะยังไม่จบลงแค่นั้น แต่ผมว่าเราฟังกันมาสองสัปดาห์ต่อกันจนเริ่มเบื่อแล้วสินะครับ งั้นสัปดาห์หน้า เราขอนำเรื่องของผีดิบในญี่ปุ่น หรือโยไคที่มีรูปลักษณ์ร่างจริงเป็นมนุษย์ในยามกลางวัน แต่พอตกกลางคืน... ก็อย่างที่รู้กันครับ ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกับกระสือ จะเรียกว่าเป็นคนธรรมดาก็คงไม่ถูกแน่นอนครับ!

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend