ศาลเจ้าอิเสะ หรือ อิเสะจิงกู (伊勢神宮 / Ise Jingu) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ชาวญี่ปุ่นคุ้นเคยกันดี จนได้รับการเรียกว่า “โออิเสะซัง” “บ้านเกิดของศูนย์รวมจิตใจชาวญี่ปุ่น” จากประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2000 ปี มีผู้คนหลั่งไหลมาสักการะขอพรกันเนืองแน่น ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สิ่งของของย่านนี้ก็ได้รับความนิยมไปด้วย ทั้งความใส่ใจก็กลายเป็นวัฒนธรรมที่จับใจคนทุกรุ่นทุกวัยไปด้วย
เปลี่ยนลุคกันดูบ้าง เอาแบบที่ปกติตัวเองไม่ได้ใส่
ลองเลือกสีและลายเปลี่ยนลุคกันดูบ้าง ที่ร้านเช่ากิโมโน “โอบิยู”
เราจะไปส่วนไนคูของศาลเจ้ากันก่อน
นั่งรถบัสจากสถานีอุจิยามาดะ ที่ด้านหน้าสะพานอุจิ ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ได้คุยกับกลุ่มคนที่แนะนำการท่องเที่ยวโออิเสะซัง
มีเว็บไซต์ด้วยค่ะ: http://ise-machi.co.jp/dmo/
เมื่อได้มาเยือนหลายครั้งก็ทำให้รู้อะไรๆ เกี่ยวกับศาลเจ้าอิเสะมากขึ้น
คำว่า 内宮 (ไนคู - วังใน) และ 外宮 (เกะคู - วังนอก) จะออกเสียงต่างจากชื่อศาลเจ้าอื่นๆ ก็คือออกว่า “คู” ส่วนชื่อศาลเจ้าและที่อื่นๆจะออกเสียงว่า “กู” เช่น ศาลเจ้าเมจิจิงกู หรือตัวศาลเจ้าอิเสะจิงกูเองค่ะ (ทั้งนี้คำว่า 宮 มิยะ มีความหมายว่าวังค่ะ นิยมใช้กับศาลเจ้าที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญที่ถูกยกให้เป็นเทพ)
ได้ความรู้กันบ้างแล้ว เราก็ข้ามสะพานไปกันดีกว่าค่ะ
แผ่นไม้บนสะพาน ได้ใช้เทคนิคการต่อไม้แบบ “สุริอาวาเสะ” (การประกอบเข้ารูป) ซึ่งเหมือนกับการนำแผ่นไม้ต่อเป็นท้องเรือ
นำแผ่นไม้มาต่อประกอบกันโดยไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียวค่ะ
▲ รูปโดยนานะ
เป็นสะพานโค้งอันงดงาม เทคนิคคนสมัยโบราณสุดยอดมากเลยค่ะ
รู้ไหมว่า ศาลเจ้าอิเสะรับฝากสัตว์เลี้ยงด้วย??
เมื่อเดินเข้าไปด้านในศาลเจ้า ก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหมาเห่ามาจากที่ไหนก็ไม่รู้
ศาลเจ้าอิเสะห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าภายในบริเวณไม่ใช่หรือ
แต่ไปลองดูดีๆอีกที ก็ตามคาดค่ะ ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าภายใน
เพราะเหตุนี้เอง ทั้งด้านหน้าของศาลเจ้าส่วนไนคู และเกะคูจึงมีบริการรับฝากสัตว์เลี้ยงฟรีค่ะ
แม่น้ำอิสุซุกาว่า บรรยากาศผู้คนหลั่งไหลมาสักการะ
ก่อนเข้าไปกราบไหว้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เราก็ต้องชำระร่างกายและจิตใจให้สะอาดก่อน
ที่นี้ยังมีธรรมเนียมการตักน้ำที่เรียกว่า "ฮัสซาคุโนะโอมิสึคุมิ" (การตักน้ำวันฮัสซาคุ) ซึ่งชาวบ้านในท้องถิ่นได้สืบทอดต่อกันมาด้วยค่ะ
▲น้ำสะอาดใสไหลเย็น สะท้อนแสงดูสวยดีนะคะ
เช้าตรู่ของวันที่ 1 สิงหาคม (วันฮัสซาคุ) ชาวบ้านจะตักน้ำจากแม่น้ำใส่ขวดพลาสติกแล้วนะไปถวายที่ศาลทามะมัตสึริโนะคามิในบริเวณไนคูค่ะ
ความเชื่อยังกล่าวต่อด้วยว่า ให้นำน้ำกลับไปวางที่หิ้งพระที่บ้านได้เปรียบเสมือนเป็นน้ำมนต์ที่คอยคุ้มครองให้ปลอดภัยแคล้วคลาดตลอดทั้งปี บรรยากาศร่มเย็นของต้นไม้สูงใหญ่ในศาลเจ้า เมื่อหลับตาก็จะได้ยินเสียงลมพัดใบไม้ปลิวไสว รู้สึกสงบจังเลย
▲รูปโดยนานะ
ศาลเจ้าอิเสะไม่ใช่สถานที่สำหรับขอพรจากเทพเจ้า แต่เป็นสถานที่สำหรับขอบคุณเทพเจ้า
ถ้าว่ากันตามตรง ศาลเจ้าอิเสะนั้นเรียกกันว่า จิงกู (แปลคร่าวๆก็คือ วังแห่งเทพ) เพราะภายในมีศาลย่อยถึง 125 ศาลและเทพที่บูชาถึง 140 องค์ค่ะ โดยไนคู (วังใน) บูชาเทวีอามาเทราสึโอมิคามิเป็นหลัก ส่วนเกะคู (วังนอก) บูชาเทพ โทโยอุเกะโนะโอมิคามิ ค่ะ
ที่เรือนเทวาลัยหลักประจำไนคูและเกะคูนั้นบูชานิกิมิทามะ (和御魂 วิญญาณแห่งความกลมกลืน หนึ่งในสี่ภาคของดวงวิญญาณเทพ ภาคอื่นๆได้แก่ อะรามิทามะ วิญญาณแห่งความเกรี้ยวกราด ซาคิมิทามะ วิญญาณแห่งความสุข และคุชิมิทามะ วิญญาณแห่งปาฏิหารย์) ดังนั้นเราควรจะมาขอบคุณเทพเจ้าที่คอยปกป้องคุ้มครองมากกว่าจะมาขอพรเรื่องต่างๆ ณ เรือนแห่งนี้ค่ะ
▲อนุญาติถ่ายภาพได้จนถึงตัวหลักของศาลเจ้า
สถานที่สักการะขอบคุณที่ศาลเจ้าเตรียมไว้ให้นั้นสามารถถ่ายรูปได้ถึงแค่ตรงหน้าบันไดนี้ค่ะ แต่หากต้องการที่จะขอพรเป็นการส่วนตัวก็มีเรือนเฉพาะ คือที่เรือน "อารามัตสึริโนะมิยะ" ค่ะ
ส่วนเรือนที่เห็นเป็นที่บูชาดวงวิญญาณภาค อารามิทามะ (荒御魂) ด้านที่มีอิทธิฤทธิ์เกรี้ยดกราด เป็นวิญญาณภาคที่จะปรากฏขึ้นในเวลาวิกฤติค่ะ ขอพรอะไรก็ขอแต่เรื่องดีๆนะคะ
เสาค้ำไม้หน้าจั่วของตัวศาลเจ้าเก่า จะถูกนำไปใช้เป็นต้นเสาโทริอิ
ศาลเจ้าอิเสะนั้นจะมีการสร้างเรือนศาลหลักขึ้นใหม่เป็นประจำทุกๆ 20 ปี และมีการอัญเชิญเทพต่างๆ จากที่เก่าไปยังที่ใหม่ค่ะ ซึ่งเรียกกันว่า "ชิคิเน็น เซ็นกู" โดยหลังจากที่เทพได้ออกจากเรือนหลักหลังเก่าแล้ว เสาค้ำไม้หน้าจั๋ว (มุนาโมจิโนะบาชิระ) ของเรือนหลักทั้งของไนคูและเกะคูจะถูกนำไปใช้เป็นต้นเสาโทริโอะทั้งสองข้างของสะพานอุจิบาชิค่ะ
พอดีไม่สามารถถ่ายรูปเรือนหลักมาให้ชมได้ แต่ว่ากันว่าขนาดของเสาค้ำไม้หน้าจั๋วของเรือนหลักนั้นใหญ่กว่าของศาลย่อยมิชิเนะโนะมิคุระแห่งนี้ถึง 5 เท่าเลยค่ะ
▲เสาค้ำไม้หน้าจั๋วและหลังคา munamochi-bashira.
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะเนี่ย ว่าในศาลเจ้าอิเสะก็มีการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรด้วย
เข้าไปกราบสักการะพร้อมกับไกด์ที่คอยแนะนำใช้เวลา 2 ชั่วโมง
ความรู้สึกจะแตกต่างกันมากกับการเข้ามาสักการะเองกับมีไกด์ ไกด์จะคอยแนะนำให้ความรู้เรื่องต่าง ทั้งๆที่ฉันได้มีโอกาสมาที่นี่หลายครั้งแล้วค่ะ
แต่ครั้งนี้มีไกด์คอยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ทำให้รู้สึกเหมือนมาที่นี่เป็นครั้งแรกเลย
▲ ตรงสะพานอุจิลองสังเกตดูโลหะครอบเสาต้นที่สองทางซ้ายมือนะคะ ภายในเขาได้บรรจุยันต์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ด้วย
แมวกวัก เมี๊ยว เมี๊ยว เดินเล่นถนนโอคาเกะโยโกโจ
แยกกับคุณไกด์แล้ว เราไปเดินเล่นที่ถนนโอคาเกะโยโกโจ ศาลเจ้าอิเสะนั้นเปรียบได้ว่า ชาวญี่ปุ่นต้องมากราบไหว้สักการกันให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
ใกล้กับศาลเจ้าก็มีย่านการค้าที่คึกคักที่คอยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศอย่างอบอุ่น
▲ในถนนโอคาเกะโยโกโจ มีร้านงานฝีมือที่ทำแมวกวักขายมากมาย ลองมาเดินหาดูนะคะ
เราจะไปกันต่อที่ศาลเจ้าส่วนเกะคูยามเย็น อาหารสำหรับเทพก็พอเพียงไม่แพ้กัน
ได้คุยกับกลุ่มคนที่แนะนำการท่องเที่ยวโออิเสะซังอีกครั้ง
มีเว็บไซต์ด้วยค่ะ: http://ise-machi.co.jp/dmo/
▲รูปโดยนานะ
วิธีการก็เหมือนเดิม ชำระล้างมือและบ้วนปากให้สะอาดก่อน
▲รูปโดยนานะ
เทพประจำศาลเจ้าโทโยอุเกะไดจิงกู (เกะคู) เป็นเทวีแห่งอาหาร ได้รับการบูชาเป็นเทพแห่งผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรม
จะมีการถวายอาหารให้แก่องค์เทวีทุกวันในตอนเช้าและเย็น วันละ 2 เวลา
การปรุงอาหารนั้นดำเนินการกันที่อิมิบิยะเด็นซึ่งเป็นครัวสำหรับเทพค่ะ การจุดไฟสำหรับปรุงอาหารก็ใช้วิธีการแบบดั้งเดิมไม่มีเครื่องมือสมัยใหม่ช่วยแม้ในปัจจุบัน
วัตถุดิบเครื่องปรุงที่นำมาประกอบอาหารเพื่อถวายเทพเจ้านั้น ได้แก่ข้าว ปลาคัตสึโอ ปลา สาหร่าย ผัก ผลไม้ เกลือ น้ำ และเหล้าสาเก 3 จอก แล้วก็ทั้งเกลือ ทั้งอาหาร ทั้งชุดกิโมโนไปจนถึงภาชนะจานชาม ล้วนหาและทำขึ้นเองภายในเรือนอิมิบิยะเด็นทั้งหมด ฉันก็เพิ่งรู้ในครั้งนี้เหมือนกันค่ะ แปลกใจไม่เบาเลยเช่นกันค่ะ
อาหารจะถูกนำไปถวายที่เรือนมิเกะโดโนะ ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ทำต่อเนื่องกันมาทุกวันเป้นเวลานานกว่า 1500 ปีแล้ว สุดยอดมากเลยค่ะ
ภายในบริเวณศาลเจ้า จะเห็นหินทามะจาริ
หินทามะจาริ (หินกรวดโรยทางเดิน) ที่อยู่ที่พื้น คืออะไร
ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะในเขตของเทพเจ้าจะมีการวางหินที่สะอาดบริสุทธิ์ไว้ค่ะ
▲Kawara-no-Harisho
▲รู้สึกถึงความอบอุ่นและพลังจากต้นไม้
ว่ากันว่า ด้วยการเดินบนกรวดที่สะอาด ผู้มาสักการะจะได้รับการชำระล้างจิตใจให้สะอาดก่อนเข้าไปสักการะบูชาเทพเจ้าไปด้วยค่ะ
▲Kameishi ( คาเมะอิชิ)
▲เจอหินรูปหัวใจด้วย ขอให้พบเนื้อคู่ด้วยเถิ้ดดด
ไปยังเรือนหลักแห่งเกะคู
เช่นเดียวกับที่ไนคูค่ะ เรือนหลักเป็นที่บูชาดวงวิญญาณของเทวีโทโยอุเกะโอมิคามิในภาคนิกิมิทามะ (วิญญาณแห่งความกลมกลืน) ซึ่งก็ไม่ควรขอพรแต่ควรแสดงความเคารพและขอบคุณค่ะ มีบรรยากาศเงียบสงบและอากาศบริสุทธิ์มาก
ส่วนของเกะคูนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นต้นกำเนิดความงามในแบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นศิลปะแบบที่เรียกว่าต้นตำหรับหรือดึกดำบรรพ์ก็ว่าได้ค่ะ
เรียบง่าย รู้สึกสงบ เมื่อหลับตาก็จะรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ การที่เราได้มีชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ การมีสุขภาพที่แข็งแรง มีครอบครัว มีเพื่อนฝูง มีอาหารการกิน มีงานทำ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาทั่วๆ ไป เราควรรู้สึกนึกขอบคุณที่เรามีทุกอย่างพร้อม มีความสุขกับชีวิตของเราในแต่ละวัน พอได้คิดอย่างนี้ จึงทำให้รู้สึกถึงการมีตัวตนและการอยู่กับปัจจุบันได้อย่างแท้จริง
▲หลังจากสักการะเสร็จแล้ว หน้าตาดูผ่องใสขึ้นบ้างไหมคะ??
การมาเยือนศาลเจ้าอิเสะ (เกะคู ไนคู) ครั้งนี้
ได้รับการแนะนำโดยกลุ่มไกด์นำเที่ยวโออิเสะซัง
ได้รับทั้งความรู้มากมาย เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของศาลเจ้าอิเสะที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
วันนี้ฉันสนุกมาก เป็นประสบการณ์ที่วิเศษอีกวันหนึ่งเลยค่ะ
หากใครสนใจอยากมีไกด์คอยแนะนำระหว่างการมาสักการะที่ศาลเจ้าอิเสะ
ก็ลองเข้าไปที่เว็บไซต์: http://ise-machi.co.jp/dmo/
________________________________________
กลุ่มไกด์แนะนำการท่องเที่ยวโออิเสะซัง
- Ise Machi-zukuri Co., Ltd.
- เว็บไซต์: http://ise-machi.co.jp/dmo/
- ที่ตั้ง: Miyagi Prefecture, Ise-shi, Iwabuchi 1-chome 7-17, 〒516-0037
- กรุณาโทรศัพท์สอบถามหากมีข้อสงสัย
- สถานีอุสึคุชิคุนิคังโค เจ้าหน้าที่แนะนำการท่องเที่ยวโออิเสะซัง
- โทรศัพท์: 0596-24-3501
ผู้เขียน: Miki Fukuda
ตำแหน่งรองผู้แทนของ OTONAMIE OTONA MASTER
ทำงานแผนกเลขานุการของประธานบริษัทในกรุงโตเกียวและหัวหน้าOffice work center
เคยเป็นนักศึกษาด้านสังคมมาหลายปีแล้ว ในปี 2014 ได้ย้ายจากเมืองโตเกียวมายังจังหวัดมิเอะเมืองKuwanaในปีพ. ศ. 2557 เนื่องจากสามีต้องย้ายมาที่นี่
ถึงแม้จะรู้สึกเสียใจกับการที่ต้องจากบ้านมา แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็นในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ
ด้วยความที่ไม่ได้เป็นคนในพื้นที่ จึงรู้สึกว่าสถานที่แห่งนั้นมีเสน่ห์อย่างมาก
OTONAMIE http://otonamie.jp/
*เว็บไซต์นี้มีฟังก์ชั่นเกี่ยวกับการแปลด้วย Google Translate
Comments