Shikoku เป็นเกาะที่เล็กที่สุดในบรรดาเกาะหลักทั้ง 4 ของญี่ปุ่น อันได้แก่ Hokkaido Honshu Shikoku และ Kyushu หากคุณกำลังลังเลว่าที่นี่จะมีอะไรน่าสนใจรึเปล่านั้น ในวันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเกาะเล็กแต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งนี้กัน
เกาะเล็กๆแห่งนี้อุดมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นเสมือนสถานที่สำคัญทางศาสนาที่ชาวพุทธทั่วโลกเดินทางมาเพื่อสักการะบูชาความศักสิทธิ์ของศาลเจ้าทั้ง 88 แห่งที่ตั้งอยู่บนเกาะแห่งนี้ นอกจากวัดและศาลเจ้าแล้ว ที่นี่ก็ยังขึ้นชื่อในเรื่องของเมืองที่มีความสงบแบบสโลว์ไลฟ์ และวัดเก๋ๆที่ให้นักท่องเที่ยวได้มาชมและมาพักผ่อนจิตใจ
นอกจากนี้ขอแนะนำให้ขี่จักรยานใน "Setouchi Shimanami Kaido" ซึ่งเชื่อมต่อเกาะต่างๆในทะเล Seto Inland เข้ากับสะพานเจ็ดแห่ง คุณสามารถเพลิดเพลินกับการขี่จักรยานและรู้สึกถึงทิวทัศน์ของหมู่เกาะที่ลอยอยู่ในทะเลSetoได้บนถนนที่ทอดยาวประมาณ 60 กม.
สำหรับเวลา 2 สัปดาห์ใน Shikoku นั้นถือว่าไม่มากหรือน้อยเกินไป คุณสามารถดื่มด่ำเพลิดเพลินกับแต่ละจุดได้ โดยไม่ต้องกลัวจะเสียเวลาและตารางไม่แน่นจนเกินไป ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำอย่างหลากหลาย ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะกับใครที่อยากเลือกสถานที่เที่ยวสักหนึ่งที่ แล้วใช้เวลาทำความรู้จักสถานที่นั้นๆให้ปรุโปร่ง
และนี่คือกิจกรรมและสถานที่ที่คุณจะได้เพลินเพลินบนเกาะ Shikoku ในเวลา 2 สัปดาห์
จังหวัดคางาวะ เมืองทาคามัตสึ(Takamatsu)
การเที่ยวใน Shikoku อาจจะต่างจากการเที่ยวในเกาะ Honshu ตรงที่ว่า ที่นี่จะไม่มีชุดชี้เฉพาะว่าจะต้องเริ่มทริปที่ไหน ดังนั้นสถานที่ที่เราคิดว่าง่ายต่อการเริ่มต้นที่สุดคือ เมือง Takamatsu ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเกียวโตไป 2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ซึ่งเหมาะกับการใช้เวลาเดินเล่นสำรวจสักคืนหรือสองคืน
หมู่บ้านชิโคคุมุระ(Shikoku Mura Village)
จาก Takamatsu ให้คุณนั่งรถไฟมาที่เมือง Yashima ซึ่งคุณจะพบป้ายบอกว่าเป็นหมู่บ้าน Shikoku Village ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์แบบปิด ให้คุณได้เรียนรู้ ทำความรู้จักกับวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใน Shikoku ในสมัยเอโดะและเมจิ
ข้อมูลสถานที่
- ชื่อสถานที่: หมู่บ้านชิโคคุมุระ(Shikoku Mura Village)
- ที่อยู่: 91 Yashimanakamachi Takamatsushi Kagawa prefecture 761-0112
- เวลาเปิดทำการ: (เมษายนถึงตุลาคม) 8:30 - 18:00 น. / (พฤศจิกายนถึงมีนาคม) 8:30 - 17:30 น
- วันหยุดปกติ: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมการเข้าชม: 1,000 เยนสำหรับผู้ใหญ่/ 600 เยนสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย/ 400 เยนสำหรับนักเรียนประถมและมัธยมต้น
- การเดินทาง: Shin-Osaka-Takamatsu ประมาณ 2 ชั่วโมง / JR Kotoku Line "สถานี Yashima" เดิน 10 นาที / จากรถไฟสายKotohira dentetsu shido sen "สถานี Kotodenyashima" เดิน 5 นาที
Marugamemachi Green
หากคุณกำลังมองหาความแปลกใหม่และเป็นเอกลักษณ์ เราขอแนะนำให้คุณมาที่ Marugamemachi Green แหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดให้บริการในปี 2012 ที่นี่เป็นศูนย์กลางของความเฮ้ลตี้และรักษ์สิ่งแวดล้อม คุณจะได้พบกับสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและตัวคุณ ตั้งแต่เครื่องสำอางค์ เฟอร์นิเจอร์ อาหารออแกร์นิก รวมไปถึงสินค้าสุขภาพจากทั่วทุกมุมโลก
ข้อมูลสถานที่
- ชื่อสถานที่:Marugamemachi Green
- ที่อยู่:16 Banchi7 Marugamemachi Takamatsushi Kagawa prefecture 760-0029
- เวลาเปิดทำการ: 11:00 - 20:00 น. (อาจแตกต่างกันไปตามร้านค้า)
- การเดินทาง: เดินประมาณ 15 นาทีจากสถานี JR Takamatsu
- Website (Japanese only) : http://www.mgreen.jp/special/
จังหวัดเอะฮิเมะ เมืองมัตสึยามะ (Matsuyama)
Matsuyama เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของ Shikoku โด่งดังในเรื่องความงานของปราสาทที่ตั้งอยู่บนเกาะ Seto Inland Sea และน้ำพุร้อนที่เรียกว่า Dogo Onsen ซึ่งเป็นรีสอร์ตน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
จังหวัดเอะฮิเมะ เมืองโอสุ(Ozu)
Ozu เป็นพื้นที่เล็กที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของเกาะ Shikoku แต่น่าเสียดายที่ที่นี่มักจะถูกละเลยจากนักท่องเที่ยว Ozu เป็นที่รู้จักในชื่อ Mini-Kyoto ที่เต็มไปด้วยสีสันของวัฒนธรรม งานเทศกาล และสถาปัตกรรมแบบดั้งเดิม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของ Shikoku ที่นี่ยังมีปราสาท Ozu และเทศกาลตกปลาที่จะจัดขึ้นในฤดูร้อน
นอกจากนี้ยังมีเกาะแมวที่ชื่อว่า "Aoshima" ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแคทไอส์แลนด์หรือ "แคทพาราไดซ์" เพราะมีแมวมากกว่า 100 ตัวแต่มีผู้คนอาศัยบนเกาะเพียง 15 คน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบแมวมาเยี่ยมเกาะนี้เป็นประจำทั้งในวันธรรมดาและวันหยุดถือว่าเป็นสถานที่ที่น่าดึงดูดความสนใจอีกที่หนึ่ง
จังหวัดเอะฮิเมะ เมืองอุจิโกะ(Uchiko)
จังหวัดเอะฮิเมะ เมืองอุวะโจว(Uwa-cho)
เมืองชนชทอันเงียบสงบบนเกาะ Shikoku ที่คุณจะไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนในญี่ปุ่น ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์งานฝีมือ Uwa Folk Craft ที่คุณจะได้มาเรียนรู้ ศึกษาเทคนิดและวิธีการทางเกษตรกรรมเก่าแก่ดั้งเดิมของ Shikoku นอกจากนั้นยังมีงานหัตถกรรมโบราณ อย่างดาบไม้ไผ่และเครื่องแต่งกายกวาง อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ข้าว ที่ตั้งอยู่ในอาคารไม้ของโรงเรียนอีกด้วย
จังหวัดโคจิ(Kochi)
แต่เดิมชาวบ้านเรียก Kochi ว่า Tosa หากคุณมีความสนใจในประวัติศาสตร์ของ Shikoku แล้วหละก็ ห้ามพลาดที่จะแวะเวียนมาเยี่ยมชมที่นี่เด็ดขาด เพราะที่นี่จะมีอาคารที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของ Yamauchi Samurai ซึ่งถูกสร้างตั้งแต่ยุคเอโดะ อีกทั้งยังมีสถานปัตกรรมแบบซามูไร หรือแม้กระทั่งเรือแบบญี่ปุ่น ไฮไลท์ของที่นี่คือปราสาท Kochi ที่มีความพิเศษคือเป็นปราสาทสีขาว นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวสวยๆของเมืองจากด้านบนของปราสาทได้
จังหวัดโทคุชิมะ เมืองฮิวาสะ(Hiwasa)
เกาะ Shikoku จะถูกล้อมรอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือเกาะ Hiwasa หากคุณอยากมาเจอสัตว์ป่า ก็ให้มาที่นี่ได้เลยค่ะ โดยเกาะแห่งนี้จะเปิดให้เดินทางมาเที่ยวได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมและสิงหาคม ซึ่งจะเป็นช่วงที่เต่าทะเลจะเดินทางมาวางไข่กัน จุดที่เต่านิยมมาวางไข่มากที่สุดคือ หาด Ohama ที่นั่นจะมีพิพิธภัณฑ์เต่าด้วยนะคะ
จังหวัดคางาวะ เมืองนาโอะชิมะ(Naoshima)
ปิดท้านทริปแสนสุขนี้ที่ Naoshima ซึ่งคุณจะได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของเกาะเล็กๆแห่งนี้ คุณจะเห็นวัตถุที่เต็มไปด้วยจุด วางอยู่ทั่วบริเวณชาดหาด บนเกาะจะแบ่งออกเป็น 3 แกลลอรี่ใหญ่ๆ ที่จะมีงานศิลปะจัดแสดงอยู่ทั่วไป ถือว่าเป็นเกาะที่มีเอกลักศณ์เฉพาะตัวจริงๆค่ะ คุณสามารถเดินทางมาที่นี่ได้โดยเรือจากท่าเรือ Miyanoura
Comments