INTRODUCTION
Wagashi มักมีรสชาติที่หวานจัด ด้วยส่วนผสมของถั่วแดงและน้ำตาลจำนวนมาก ต่างจากขนมหวานของฝรั่งเศสที่จะเน้นรสชาติที่นุ่มละมุน อย่างไรก็ตามของหวานมิใช่สิ่งที่เราต้องการเพื่อเพิ่มพลังงานหรือทำให้อิ่มท้อง ของหวานคือสิ่งเพิ่มพลังใจ ที่ช่วยให้เราอิ่มใจ
ตัวอย่างหนึ่งที่เราคงคุ้นหูกันดี โดรายากิ เป็น wagashi ที่ทำมาจากแป้งแพนเค้ก (kiji) สอดไส้ด้วยถั่วแดงหวานหอม ที่เรียกว่า an ขนมที่ที่เราทุกคนรู้ดีว่าเป็นที่โปรดของโดราเอมอน ชาวญี่ปุ่นเองก็หลงรักขนมชนิดนี้เช่นกัน หากบางคนก็ไม่ชอบนักเพราะรสหวานที่หวานบาดใจหรืออาจเพราะรสสัมผัสของ an
เราได้ค้นพบโดรายากิชนิดใหม่ซึ่งทำมาจากสตอร์เบอร์รี่ในจังหวัด Fukuoka มีสมาชิกคนหนึ่งของทีมบังเอิญไปเห็นป้ายสโลแกนในเมือง Tenjin เขียนไว้ว่า “เราทำขนมด้วยสตอร์เบอร์รี่ มั่นใจได้ว่าเราเชี่ยวชาญเหนือใคร” ร้านเจ้าของป้าย มีชื่อว่า Ito King ร้านนี้จะจำหน่ายและผลิตขนมหวานทุกชนิดที่ทำมาจากสตอร์เบอร์รี่ รวมไปถึง โดรายากิสตอร์เบอร์รี่ หรือ Dora king โดยสตอร์เบอร์รี่ที่ใช้นั้น มาจากจังหวัด Ito เมืองที่เป็นเสมือนเพื่อนบ้านของ Fukuoka ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องการทำเกษตรกรรม
ทีมของพวกเราเดินทางมาที่นี่ หลังจากที่ได้ชิมขนมคำแรกไปนั้น พวกเราก็ตัดสินใจได้เลยว่ามีเรื่องที่เราต้องเขียนมากมายเกี่ยวกับร้านขนมหวานสตอร์เบอร์รี่ร้านนี้
The “Dora King: Cream and Salted Vanilla”
PRODUCTS
เช่นเดียวกับร้านของขนมหวานสมัยใหม่ทั่วไป Ito King มีทั้งขนมแบบญี่ปุ่น เช่น dorayaki どら焼き, youkan 羊羹, warabi-mochi わらび餅, and คัสเตลลา และขนมแบบตะวันตก เช่น แยม พาย ขนมปังกรอบ และคัลเตลลาเช่นกันส่วนขนมหวานที่ทำมาจากสตอร์เบอร์รี่นั่นจะอยู่ในกลุ่มของขนมหวานตามฤดูกาล เราเรียกขนมตามฤดูว่า Okashi ในส่วนของ Ito King ก็คือสตอร์เบอร์รี่ โดยสตอร์เบอร์รี่ Amao มักจะออกผลในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม อย่างไรก็ตามสินค้าชนิดนี้มักจะมีวางขายล่วงหน้า เช่นในช่วงฤดูหนาว เพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้า
เนื่องด้วยเป็นของหวานตามฤดูกาล โดรายากิสตอร์เบอร์รี่ ที่แน่นไปด้วยสตอร์เบอร์รี่ลูกโต ในวิปครีม ครีมชาเขียว หรือวนิลลาครีมนั้น จะมีจำหน่ายเฉพาะในเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมเท่านั้น (โดยในปีนี้จำหน่ายถึงวันที่ 25 พฤษภาคม)
กลับมาที่รสชาติแรกที่เราสัมผัส โดรายากิสตอร์เบอร์รี่มีหลายเลเยอร์ หากกัดไปคำแรก จะได้สัมผัสกับความนุ่มของเนื้อแป้งหรือ kiji ซึ่งในครั้งนี้รสของถั่วแดง ถูกแทนที่ด้วยรสชาติแน่นๆของวิปครีม เมื่อกัดเข้าไปถึงสตอร์เบอร์รี่จะสัมผัสได้ถึงความสดและชุ่มฉ่ำ หวานอมเปรี้ยวนิดๆ ทุกอย่างหวานแบบที่เราได้คาดไว้ แต่เป็นความหวานและรสสัมผัสที่ทำให้มีความสุข
เราขอแนะนำให้คุณลองไส้วิปครีมธรรมดาด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมาในแบบทดลองชิมไซส์เล็กๆพอดีคำ ไส้ชาเขียวก็อร่อยมากเช่นกัน มีความขมนิดๆ รสชาติ umami ของชาเขียวเป็นเสมือนมนต์สะกดและเข้ากันได้ดีเยี่ยมกับครีมและเนื้อสตอร์เบอร์รี่ สำหรับพวกเรารส salted vanilla เป็นที่ถูกอกถูกใจพวกเราที่สุด ด้วยความเค็มนิดๆ และกลิ่นหอมของวนิลลา สร้างประสบการณ์ที่สุดยอดในการรับประทานโดรายากิรูปแบบใหม่
The “nama” (whipped cream), i.e. plain, flavor.
The salted vanilla flavor
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีของหวานที่มาแทนเมื่อหมดฤดูสตอร์เบอร์รี่ไปแล้ว นั่นคือ warabi mocha ซึ่งยังไม่มีออกมาให้พวกเราได้ชิม คงต้องเอาไว้โอกาสหน้า เพราะพวกเรามาที่นี่ในช่วงฤดูสตอร์เบอร์รี่
นอกจากนั้นแล้ว ที่ Ito King ยังมีสินค้าทุกฤดูจำหน่าย ซึ่งรับรองได้ถึงคุณภาพและความอร่อย นั่นคือ โดรายากิ ซึ่งทำมาจากครีมที่มีส่วนผสมของสตอร์เบอร์รี่ ได้แก่ Dora-King Ace และแยมสตอร์เบอร์รี่ ที่คุณจะสัมผัสได้ถึงความเป็นสตอร์เบอร์รี่แท้ๆ
The “Dora King: Ace”
อีกหนึ่งสินค้าที่เราได้ลองชิมคือ คัสเตลลา (อย่างที่เราเคยเล่าสั้นๆในบทความที่แล้ว คัสเตลลาเป็นเค้กญี่ปุ่น-โปรตุเกส มีต้นกำเนิดที่จังหวัด Nagasaki ที่ได้รับชื่อมาจากราชวงศ์ยุโรปที่มีชื่อว่า Castella) ราคาของคัสเตลลาค่อนข้างสูงกว่าขนมชนิดอื่น (ประมาณ 1000 เยนต่อแถว) ที่มีส่วนผสมของน้ำสตอร์เบอร์รี่ สมาชิกท่านหนึ่งที่ได้ชิมกล่าวว่า คัสเตลลาที่อ่านจะหวานและน้ำผึ้ง แต่ของที่นี่จะมีรสชาติและกลิ่นหอมของสตอร์เบอร์รี่ รวมถึงมีความอมเปรี้ยวเล็กน้อย สำหรับที่ Nagasaki เอง ก็มีการผสมสูตรคัสเตลลาในแบบต่างๆ เช่น ชาเอิลเกร และชาเขียว เป็นต้น
The strawberry castella.
ที่นี่ยังมีขนมที่ทานทั่วไป ซึ่งเราขอแนะนำ Hakata Pie Ou เป็นขนมหวานชิ้นเล็กๆ ทำมาจากน้ำตาล เนย และสตอร์เบอร์รี่ หน้าตาธรรมดาๆและหาได้ทั่วไป แต่เราขอรับรองในความกรอบและหอมของขนมชนิดนี้ โดยที่ร้านจะมีจำหน่าย 2 แบบ คือ ภาพขวาคือแบบใหม่ ซึ่งจะมีการราดนมข้นหวานไว้ด้านบน มองดูคล้ายบิสกิต ส่วนทางซ้ายจะเป็นแบบเก่า มีหน้าตาคล้ายพายและมีหลายเลย์เยอร์
โรงงาน
พวกเราได้มีโอกาสไปดูโรงงานของร้าน Ito King ในเมือง Itoshima เพื่อไปดูกระบวนการผลิตโดรายากิและขนมอื่นๆ การเดินทางไปที่นั่นนั่นไม่ยาก เราเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน Fukoka โดยจะต้องขึ้นรถไฟใต้ดิน JR ที่จะจอดที่ Chikuzen-Maebaru (筑前前原駅) โดยใช้เวลาการเดินทางประมาณ 30 นาที (ขึ้นกับว่าคุณออกเดินทางจากที่ไหน) จากนั้นขึ้นรถบัสต่อที่ “Itoshima Community Bus” (สายสีเหลือง) ที่จะจอดที่ Urashi (浦志) หรือคุณอาจจะเดินซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที
สินค้าจากโรงงาน (สาขาใหญ่)มีราคาถูกกว่าสินค้าในเมือง
Tสินค้านานาชนิดในโรงงาน Ito King
สตอร์เบอร์รี่ยักษ์ในโรงงาน
สตาฟใจดีท่านหนึ่งได้บอกพวกเราถึงความลับเบื้องหลังความอร่อยของโดรายากิ หนึ่งส่วนผสมสำคัญคือ แป้ง kiji ที่ทางร้านทำเอง จะต่างจากเนื้อแป้งโดรายากิทั้วไปที่หนาเหมือนแป้งแพนเค้ก แต่แป้งของที่นี่จะมีความนุ่มเหมือนแป้งเครปของฝรั่งเศส นอกจากนั้นยังเป็นมาตรฐานแป้งต้องหนา 3มิลลิเมตร ที่เธอบอกว่าทำให้ kijiของที่นี่อร่อยที่สุด อีกทั้งวิธีการที่ห่อ kiji รอบๆ nakami (ไส้) ก็ต่างจากโดรายากิทั่วไป หากคุณจำได้ ในโดราเอมอน kiji จะไม่ปิดทับกันสนิท แต่ของที่นี่จะปิดทัยสนิทเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ครีมไหลออกมา และป้องกันการเกิดปฏิกิริยากับอากาศซึ่งจะส่งผลต่อรสชาติ
TKiji ที่ทำเสร็จใหม่ๆตอนเช้า
The store assistant explaining the different way in which the two pieces of kiji are wrapped.
โดรายากิ ของที่นี่เรียกว่าเป็น nama-gashi (ของหวานสดที่มีส่วนผสมของน้ำอยู่มาก) ทำให้เก็บไว้ได้เพียง 1 วันเท่านั้น และต้องเก็บในที่เย็น ดังนั้น kiji ของที่นี่จึงต้องทำในตอนเช้า โดยสตาฟคนสวยแนะนำเราอีกว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ควรมาซื้อขนมจะอยู่ในช่วง 11โมงถึง 11โมงครึ่ง เพราะ kiji จะยังคงสดใหม่อยู่
โรงงานเล็ก ห้องที่อยู่ในภาพด้านล่างนี้ถูกใช้ในการทำขนม Kiji ด้วย hiranabe
Comments