สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของโอกินาว่าที่เป็นที่รู้จักกันดีก็ต้องเป็น “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอกินาว่าชูราอุมิ” และ “ปราสาทชูริ” ถ้าได้มาแล้วก็คุ้มค่าแก่การแวะชมทั้งสองที่ บางคนใช้เวลาชมแต่ละที่แค่ 30 นาทีก็เสร็จแล้ว พลาด! พลาดมากค่ะ ทั้งสองที่นี้มีอะไรดีให้ชมมากกว่านั้นเยอะค่ะ วันนี้เรามีกูรูที่ไปเยือนทั้งสองที่มามากกว่า 10 ครั้ง ภายใน 2 ปีมาเล่าให้ฟังกันค่ะ เมื่ออ่านจบแล้วช่วยโหวตกันหน่อยนะคะว่าอยากไปที่ไหนมากกว่ากัน ระหว่าง “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอกินาว่าชูราอุมิ” กับ “ปราสาทชูริ”
“พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอกินาว่าชูราอุมิ” เก็บบรรยากาศทุกโซนอย่างละเอียด
“พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอกินาว่าชูราอุมิ” ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะไคโยฮาคุซึ่งเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก ภายในอะควาเรี่ยมมีสัตว์น้ำน่ารักให้เราชมมากมายทั้งโชว์ปลาโลมาที่โรงละครโอคิจัง เต่าทะเล และพะยูน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโซนให้เราได้พบเจอกับสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิด อีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนยังไม่ทราบว่า เราสามารถสนุกเพลิดเพลินในอะควาเรี่ยมได้ทั้งวันเลยล่ะ
ถึงแม้เราจะมีเวลาเที่ยวต่างประเทศที่จำกัดก็อยากจะใช้เวลาชมให้เต็มที่ ภายในแท็งค์น้ำขนาดใหญ่มีทั้งปลาและสัตว์น้ำ 740 ชนิด รวมกันกว่า 21,000 ชีวิตจัดแสดงให้เราได้ชม รวมไว้ตั้งแต่สัตว์น้ำตั้งแต่ทะเลน้ำตื้นไปจนถึงทะเลน้ำลึก ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับค่อยๆ ดำลงไปใต้ท้องทะเลถือว่าเป็นจุดเด่นของที่นี่เลย นอกจากนี้ยังมีโซนฉายวีดีโอภาพคมชัดของสัตว์น้ำนานาชนิดที่อาศัยใต้ทะเลโอกินาว่า และเมื่อเราเดินไปทางด้านหลังจอก็จะเจอกับหน้าต่างที่เราชมวิวทะเลคุโระชิโอะได้ด้วย!
เมื่อเดินออกมาทางด้านนอกแล้วเราก็จะเจอกับโซนของพะยูนและเต่าทะเล พะยูนซึ่งเป็นต้นแบบของนางเงือก เราสามารถเข้าชมได้อย่างใกล้ชิดที่ชั้นใต้ดิน ส่วนทางด้านโซนเต่าทะเลนั้นจะมีบ่อทรายให้เต่าทะเลได้วางไข่และเราก็สามารถเห็นลูกเต่าตัวน้อยได้ด้วย ต่อจากนั้นเราก็จะไปยังโรงละครโอคิจัง ซึ่งเป็นโชว์ปลาโลมา มีรอบการแสดงวันละ 4 รอบ(ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน แสดงวันละ 5 รอบ) สามารถมาชมกันได้ค่ะ
กรณีที่ออกไปจากพิพิธภัณฑ์และต้องการจะกลับเข้ามาอีกครั้งก็สามารถทำได้ โดยแจ้งต่อพนักงาน จากนั้น พนักงานจะแสตมป์ที่มือไว้ แต่สามารถเข้าออกได้เพียงวันเดียวกันเท่านั้น และต้องพกบัตรเข้าชมติดตัวไว้ตลอดเวลาด้วยนะคะ
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1850 เยน
เวลาเปิดทำการ : 8:30 – 18:30 (เดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน ให้บริการถึง 20:00)
ย้อนเวลาไปยังอดีตอาณาจักรริวกิว ชมความงามของปราสาทชูริและบริเวณรอบๆ!
อาณาจักรริวกิวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 450 ปี ในอดีตปราสาทชูริได้เป็นศูนย์กลางความเจริญทั้งการปกครอง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และด้านวัฒนธรรม ซึ่งปัจจุบันได้รับบันทึกเป็นมรดกโลกไว้
การเข้าชมภายในบริเวณปราสาทชูริ ได้แบ่งออกเป็นสองโซนก็คือ โซนที่เข้าชมได้ฟรี และโซนที่ต้องเสียค่าเข้าชม สำหรับจุดที่สามารถเข้าชมฟรีนั้นจะเริ่มตั้งแต่บริเวณ “ชุเรมง” ไปจนถึงหน้าประตูทางเข้า “เซเด็น” เราสามารถชมส่วนที่ได้รับเป็นมรดกโลกอย่าง Sonohyan-utaki Stone Gate โซนพิพิธภัณฑ์และหอชมวิว ส่วนทางด้านที่ต้องเสียค่าเข้าชมก็คือตั้งแต่ “ประตูโฮชินมง” เป็นต้นไป และตัวปราสาทชูริทั้งหมด
หากเราจะชมแบบไม่เร่งรีบก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้าต้องการเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำคืนก็ต้องรอให้พระอาทิตย์ตกดิน เพราะที่นี่ก็มีการประดับไปยามค่ำคืนจนถึงเวลาเที่ยงคืน
สำหรับผู้ที่มีเวลา เราก็อยากแนะนำให้ลองไปที่บริเวณสวนสาธารณะชูริ ใช้เวลาเดินเล่นประมาณหนึ่งชั่วโมงสี่สิบนาที เมื่อเดินไปเรื่อยๆ จะพบกับศาลเจ้าของเทพเจ้าเบ็นไซเท็น และบริเวณ “ริวตัน” จะปรากฎภาพปราสาทชูริสะท้อนบนเงาน้ำก็เป็นอีกจุดที่อยากให้แวะมาเก็บภาพกัน และส่วนที่เป็นบริเวณสุสานของราชวงศ์ริวกิว นอกจากนี้ยังมีต้นอาคากิต้นใหญ่อายุกว่า 200 ปี จากนั้นก็แวะพักดื่มชาที่ร้านบุคุบุคุกันสักพัก ใครอยากจะเช่าจักรยานไว้ขี่เล่นชมวิวก็ได้ แต่ตรงนี้น้อยคนนักที่จะรู้
ค่าเข้าชมปราสาทชูริ : เข้าได้ตามสะดวก โซนที่ต้องจ่ายค่าเข้าชม 820 เยน
เวลาทำการ : 8:30 – 19:00 (เดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน เปิดถึง 20:00 และเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม เปิดถึง 18:00)
ต้องซื้อตั๋วเข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที
วันหยุด : วันพุธของสัปดาห์แรกและวันถัดไปในเดือนกรกฎาคม
เป็นยังไงคะกับคอร์สการท่องเที่ยวครึ่งวัน สำหรับคุณจะเลือกสถานที่ไหนที่อยากจะเที่ยวชมแบบจุใจกันคะ? ช่วยโหวตกันหน่อยนะคะว่าอยากไปที่ไหนมากกว่ากัน ระหว่าง “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอกินาว่าชูราอุมิ” กับ “ปราสาทชูริ” และช่วยบอกเหตุผลหน่อยนะคะว่าทำไมถึงเลือกที่นั่น
Comments