เผยโฉมหน้างามๆของผู้โชคดีทั้ง 4 ท่านจากประเทศต่างๆกันที่ล้อบบี้ของโรงแรม
1.Anis จากประเทศมาเลเซีย
2.Wensa จากประเทศอินโดเนเซีย
3.Amelie จากประเทศไต้หวัน
4.ALbert จากประเทศไทย
จริงๆแล้วการเดินจากสถานีไปวัดนั้นใช้เวลาเพียง 5 นาที ถือว่าเป็นการเดินที่เรื่อยๆเพลินๆ จอยไปกับธรรมชาติ สะพาน และร้านค้าเล็กที่อยู่ระหว่างทาง เป็นไปได้ว่านี่เป็นวันแรกและเป็นสถานที่แรกของวันทำให้ทุกคนมีพลังงานเหลือเฟือตื่นเต้นกับทุกอย่างที่เจอระหว่างทาง เราหยุดถ่ายรูปแทบทุกจุดและใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้
หลังจากที่ใช้เวลาประมาณหนึ่งในการถ่ายภาพทุกจุดที่เดินผ่าน เราก็มาถึงพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ
พระพุทธรูปองค์นี้ใหญ่อลังกาลมาก และเราคิดว่าในญี่ปุ่นจะไม่ค่อยมีพระพุทธรูปใหญ่ๆอย่างนี้เท่าไรนัก เราก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งในการเก็บภาพเป็นที่ระลึก จากนั้นก็เตรียมเดินทางกลับไปที่สถานีเพื่อไปยังจุดหมายต่อไป ซึ่งขากลับพวกเราต้องทำเวลากันหน่อยเพราะรถไฟจะมาในอีก 10 นาที ถ้าหากเราพลาดขบวนนี้ไป เราต้องรอกันอีกครึ่งชั่วโมงเลยหละค่ะ สุดท้ายเราก็ขึ้นรถทัน!!!
จุดหมายต่อมาคือสวน Oohori ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Hakata โดยพวกเราจะต้องนั่งรถไฟกลับเข้าเมืองประมาณหนึ่งชั่วโมงและเดินต่อไปที่สวนอีกประมาณ 5 นาที
Oohori park เป็นสวนสาธารณะที่มีพื้นที่กว้างขวาง เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่นานาชนิด มีทางเดินทอดยาว รวมไปถึงมีทะเลสาบใหญ่ๆ ที่มีเรือถีบรูปทรงหลากหลายให้บริการ ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันธรรมดา แต่ก็มีผู้คนมาเที่ยวที่นี่กันอย่างหนาตา เพราะเป็นเดือนเมษายนที่นักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นเองจะมาชมความงามของซากุระกันนั่นเอง พวกเราเดินด้วยความตื่นตาตามทางเรื่อยๆก็มาเจอจุดที่มีดอกซากุระเป็นหมื่นดอกและซุ้มขายอาหารเต็มไปหมดเลย
ขอบอกว่าอาหารน่ารับประทานและกลิ่นยั่วยวนมากซะจนเราเกือบจะเดินไปซื้อหมดทุกอย่าง ผู้คนที่มาที่นี่จะพกผ้าปูสีฟ้า มานั่งปิกนิกใต้ต้นซากุระกันค่ะ
บางต้นก็ออกดอกบานเต็มต้นแล้ว บางต้นก็ยังไม่บาน พวกเราจึงต้องพยายามจัดหามุมดีๆเพื่อที่จะได้ภาพสวยๆกลับมาเป็นที่ระลึก ซึ่งแน่นอนว่านักท่องเที่ยวตรงจุดนี้ก็เนืองแน่นกว่าจุดอื่นๆ
เราใช้เวลาที่นี่กันพักหนึ่ง แล้วก็ต่อรถไฟไปที่สถานี Nakasukawabata เพื่อไปเที่ยวศาลเจ้า Kushida ซึ่งต้องเดินต่อไปจากสถานีรถไฟอีกประมาณ 7 นาที
หลังจากชมศาลเจ้าแล้ว ทุกคนก็อยากจะกลับไปดูของตามร้านค้าที่เรียงรายอยู่ตามทางเข้าศาลเจ้า มีทั้งของกินและของขายเต็มไปหมด สำหรับมื้อเย็นนี้เราก็ได้ฝากท้องที่ร้านราเมน ได้ยินมาว่า Hakata ขึ้นชื่อเรื่องราเมน เรามาถึงที่แล้วจะพลาดได้ยังไงใช่ไหมคะ เราเดินเข้าร้านที่มีชื่อว่า “Number One” ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี
เมื่อถึงเวลากลับ พวกเรากลับมาที่สถานี Hakata ที่เป็นสถานีที่ใหญ่ที่สุด ที่นี่มีร้านขายของที่ระลึกมากมาย ซึ่งสินค้าและแพ็กเกจล่อตาล่อใจอยากจะซื้อกลับมาทั้งหมดจริงๆค่ะ เรียกได้ว่ามีหมื่นหมดหมื่นจริงๆ มีทั้งขนม สตอร์เบอร์รี่ ราเมน และไข่ปลา ซึ่งในFukuoka จะมีร้านขายของฝากของที่ระลึกที่จะรวมสินค้าและผลิตภัณฑ์ทุกอย่างไว้ในร้านเดียว
Comments