
จังหวัดไซตามะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของโตเกียว นอกจากจะเดินทางสะดวกจากตัวเมืองแล้ว ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมาย ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่เราอยากแนะนำให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ครั้งนี้เราเดินทางกับคุณนัท อินฟลูเอนเซอร์ชาวไทย เพื่อจะไปค้นหาเสน่ห์ของไซตามะในทริป 2 คืน 3 วัน
เริ่มต้นวันที่ 1! "รถไฟด่วนพิเศษชิชิบุ Laview" จากสถานี Ikebukuro ไปยังสถานี Seibu Chichibu

ทริปสู่ไซตามะเริ่มต้นที่สถานี Ikebukuro ในโตเกียว ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวที่สถานี Ikubukuro สาย Seibu จะมีพนักงานพูดภาษาอังกฤษประจำอยู่ด้วย

รถไฟด่วนพิเศษ Laview เชื่อมโยงสถานี Ikebukuro กับแหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ของไซตามะ เช่น โทโคโรซาวะ ฮันโน และชิชิบุ ด้วยรถไฟสายเดียว


คาซุโยะ เซจิมะ สถาปนิกชื่อดังระดับโลก เป็นผู้ออกแบบรถไฟ Laview ที่โดดเด่นด้วยหน้าต่างบานใหญ่และเบาะที่นั่งสีเหลืองขบวนนี้ บนรถไฟมีปลั๊กไฟและ Wi-Fi ให้ใช้งาน ทำให้เหมาะสำหรับทำงานระหว่างเดินทางอีกด้วย จะใช้เวลาเดินทางไปยังสถานี Seibu Chichibu เพียง 77 นาทีซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางครั้งนี้
- รถไฟด่วนพิเศษ Laview (Seibu Railway):https://www.seiburailway.jp/railways/laview/
สวมชุดกิโมโนชิชิบุเมเซ็น เดินเล่นในเมือง และลิ้มลอง "วาราจิคัตสึด้ง" สำหรับมื้อกลางวัน


ตั้งแต่ยุคไทโชถึงต้นยุคโชวะ (ประมาณ 100-130 ปีก่อน) ชุดกิโมโนชิชิบุเมเซ็นเคยได้รับความนิยมเนื่องจากเป็นชุดที่ดูดีมีระดับแต่สวมใส่ได้ง่าย และยังมีลวดลายที่ทันสมัยแปลกตาและโดดเด่น ศูนย์เช่าชุดเมเซ็น Irohatori ที่หอชิชิบุฟุรุซาโตคัง มีบริการให้เช่ากิโมโนพร้อมบริการสวมใส่ นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ไปที่หอชิชิบุเมเซ็นคังซึ่งสามารถทดลองย้อมผ้าได้ด้วย


ศาลเจ้าชิชิบุ มีงานแกะสลักที่โดดเด่น เช่น "ลิงโลดสามตัว" ที่ตรงกันข้ามกับลิงสามตัวที่พบเห็นได้ในศาลเจ้านิกโกโทโชกู และยังมี "เซียมซีน้ำ ซึ่งจุ่มโอมิคุจิลงไปในน้ำเพื่อเสี่ยงทายดวงชะตา คุณสามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายรูป พร้อมเดินเล่นเที่ยวเมืองในชุดกิโมโน และสนุกกับการตะลุยชิมในร้านอาหารที่มีอยู่มากมาย

สำหรับมื้อกลางวัน ขอแนะนำวาราจิคัตสึด้ง เมนูท้องถิ่นที่ประกอบด้วยเนื้อหมูทอด 2 ชิ้นใหญ่ที่มีปริมาณเยอะมากจนล้นออกจากถ้วย !
- ศูนย์เช่าชุดเมเซ็น Irohatori:https://irohatori.com
- หอชิชิบุเมเซ็นคัง:https://www.meisenkan.com/english/
- ศาลเจ้าชิชิบุ:https://www.chichibu-omotenashi.com/en/guide/spot_08.html
มาเพลิดเพลินกับทิวทัศน์จากบานหน้าต่างรถไฟหัวจักรไอน้ำ SL Paleo Express กันเถอะ


SL Paleo Express ของ Chichibu Railway เป็นรถไฟหัวจักรไอน้ำที่สามารถเดินทางไปขึ้นจากโตเกียวได้ใกล้ที่สุด ชื่อ "Paleo" มาจาก "Paleoparadoxia" ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัตว์ทะเลที่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่ชิชิบุเมื่อ 20 ล้านปีก่อน
โดยปกติรถไฟขบวนนี้จะวิ่งในวันเสาร์และวันหยุด โดยรถไฟจะวิ่งระหว่างสถานี Kumagaya และ Mitsumineguchi มีเที่ยววิ่งไปกลับวันละ 1 รอบ ซึ่งทุกที่นั่งต้องจองล่วงหน้า หากใช้บัตร Chichibu Free Pass ของ Seibu Railway ก็สามารถขึ้นลงระหว่างสถานี Nogami ถึงสถานี Mitsumineguchi ได้อย่างอิสระ ทำให้สะดวกและคุ้มค่า
นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายไอศกรีมเจลาโตสูตรพิเศษ แฮมเบอร์เกอร์ อาหารกล่อง และสินค้าของที่ระลึกจากรถไฟหัวจักรไอน้ำ SL ภายในรถไฟด้วย

มีผู้คนมากมายที่ส่งเสียงและโบกมือเพื่อส่งขบวนรถไฟที่สถานีระหว่างทางหรือตามริมทางรถไฟ มาโบกมือกลับก็สนุกไม่น้อยเลยทีเดียว

วิวจากสะพานอาราคาวะเคียวเรียวที่ทอดข้ามหุบเขานากาโทโระระหว่างทางนั้นสวยงามมาก นอกจากนี้ ที่สถานี Chichibu และสถานี Nagatoro ขบวนรถไฟจะหยุดให้นานกว่าปกติเล็กน้อย คุณจึงสามารถลงจากรถไฟเพื่อไปถ่ายภาพเก็บความทรงจำได้อย่างเต็มที่
- Chichibu Railway SL Paleo Express:https://www.chichibu-railway.co.jp/en/steam-locomotive.html
*กรุณาดูข้อมูลล่าสุดจากหน้าเว็บไซต์ทางการด้านบนของ Chichibu Railway
ล่องเรือ "นากาโทโระ ไลน์คุดาริ" กิจกรรมที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเยือนชิชิบุ

"นากาโทโระ ไลน์คุดาริ" เป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมที่จะพาคุณล่องแม่น้ำอาราคาวะผ่านเมืองมินาโนะและนากาโทโระ โดยมีสองเส้นทางให้เลือก ได้แก่ เส้นทาง A จากสะพานโอยะฮานะบาชิในเมืองมินาโนะไปยังอิวะดะตามิ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร และเส้นทาง B จากอิวะดะตามิไปยังสะพานทาคาซาโกะ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรเช่นเดียวกัน ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับทั้งเส้นทาง A และ B ที่เชื่อมต่อกันได้อีกด้วย
ครั้งนี้ พวกเราได้ลองไปสัมผัสเส้นทาง A โดยเริ่มต้นจากการสวมเสื้อชูชีพและลงเรือญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม (วะเซ็น) เพื่อออกเดินทาง ในเรือจะมีฝีพายอยู่ด้านหน้าและด้านหลังอย่างละ 1 คน คอยควบคุมเรือพร้อมกับบรรยายแนะนำเกี่ยวกับทิวทัศน์ระหว่างทางที่อยู่ตรงหน้าอีกด้วยแม่น้ำที่มีความลึกและไหลเอื่อยๆ เรียกว่า 'โทโระ' ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสถานที่ 'นากาโทโระ' การล่องเรือท่ามกลางกระแสน้ำที่นิ่งสงบ พร้อมเพลิดเพลินไปกับเสียงน้ำและวิวทิวทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย อาจมีบางจุดที่กระแสน้ำไหลแรงจนทำให้น้ำกระเซ็นขึ้นมา แต่ไม่ต้องกังวล เพราะมีถุงพลาสติกกันน้ำเตรียมไว้ให้ด้วย !


จุดสิ้นสุดของเส้นทาง A อยู่ที่ "อิวะดะตามิ" ซึ่งทั้งสองฝั่งของแม่น้ำอาราคาวะแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและอนุสรณ์ธรรมชาติแห่งชาติ ลักษณะพิเศษของที่นี่คือชั้นหินที่ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 85 ล้านถึง 66 ล้านปีก่อน (ในช่วงยุคครีเทเชียสในมหายุคมีโซโซอิก) ชั้นหินที่เคยสะสมอยู่ใต้ท้องทะเลถูกดันลึกลงไปใต้ดินประมาณ 20-30 กิโลเมตร ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากแรงกดดันมหาศาลจนกลายเป็นหินที่มีลักษณะคล้ายเสื่อทาทามิซึ่งมีการแบ่งเป็นสี่เหลี่ยม เชิญมาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคฟอสซิลได้ที่นี่
ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมถึงวันที่ 31 ธันวาคม เรือจะหยุดให้บริการ ส่วนในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ จะมีการให้บริการในรูปแบบ "เรือโคทัตสึ" อันแสนอบอุ่นแทน
- ล่องเรือนากาโทโระ ไลน์คุดาริ:https://www.chichibu-railway.co.jp/en/nagatoro.html
ตื่นตากับไฟประดับใบไม้เปลี่ยนสีในสวน 'ทสึคิโนะอิชิโมมิจิ'


สวน "ทสึคิโนะอิชิโมมิจิ" ในเมืองนากาโทโระจะมีอนุสาวรีย์หินจารึกบทกวีของทาคาฮามะ เคียวชิ (ค.ศ. 1874-1959) กวีชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสวนแห่งนี้


สวนนี้มีพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร และมีต้นไม้กว่า 200 ต้น ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมีการประดับไฟในสวน สร้างบรรยากาศที่โรแมนติกและงดงาม จึงเหมาะกับการมาเยี่ยมชมในช่วงกลางคืน โดยจะเปิดไฟตั้งแต่ 16:00 ถึง 21:00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไปคือ 300 เยน *ข้อมูลเกี่ยวกับเวลาทำการและค่าธรรมเนียม เป็นข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2024)
- การแสดงไฟประดับสวนทสึคิโนะอิชิโมมิจิ (ศูนย์ท่องเที่ยวเมืองนากาโทโระ):https://www.nagatoro.gr.jp/kanko-english/
เต็มอิ่มกับกิจกรรมอย่างซาวน่าและบาร์บีคิว พร้อมสระว่ายน้ำ ณ รีสอร์ตหรู "ชิชิบุเบตเท โคมุระ"


รีสอร์ตส่วนตัวสุดหรู "ชิชิบุเบตเท โคมุระ" (Chichibu Bettei Komura) ในป่าแห่งนี้เปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน 2024 ซึ่งจำกัดการเข้าพักเพียงวันละ 4 กลุ่ม และรองรับกลุ่มละไม่เกิน 6 คนเท่านั้น ทำให้เหมาะสำหรับทั้งคู่รัก ครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน ที่นี่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ซาวน่า และบ่อน้ำพุร้อนแบบกึ่งกลางแจ้ง ให้คุณได้พักผ่อนแบบไร้กังวลจากสายตาผู้อื่น


อาหารบาร์บีคิวสุดพิเศษของรีสอร์ตประกอบด้วยเนื้อวัววากิวจากจังหวัดไซตามะ และหมูหมักมิโสะอันเป็นเอกลักษณ์ของชิชิบุ คุณไม่ควรพลาดมาสัมผัสกับบาร์บิคิวสุดพิเศษที่สามารถลิ้มรสชาติพื้นเมืองและวัตถุดิบท้องถิ่นได้
- "ชิชิบุเบตเท โคมุระ" (Chichibu Bettei Komura):https://www.chichibu-privatevilla-komura.com
วันที่ 2 เริ่มต้นจากทัวร์วัดในโยโกเซะที่มีภาพกระดาษตัด "โกะชุอิน" อันงดงาม

ในเมืองชิชิบุมีวัดที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมถึง 34 แห่ง ซึ่งการเยี่ยมชมวัดเหล่านี้พร้อม "ล่าตราประทับ (โกะชุอิน) ตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในชิชิบุ" ก็เป็นที่นิยมมาก
ในครั้งนี้ พวกเราได้ไปยังวัดไดจิจิและวัดโฮโจจิในเมืองโยโกเซะ


ในเมืองโยโกเซะคุณสามารถถวายปัจจัย (แผ่นละ 1,000 เยนขึ้นไป) เพื่อรับตราประทับศักดิ์สิทธิ์ (โกะชุอิน) ที่ตกแต่งด้วยศิลปะการตัดกระดาษ (คิริเอะ) ที่งดงามและสุดละเอียดละออได้ที่ณ วัด 8 แห่ง นอกจากนี้ ยังสามารถชมภูเขาบุโคซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชิชิบุได้อย่างชัดเจนจากวัดแต่ละแห่งอีกด้วย
・สถานที่นมัสการในชิชิบุ:https://www.chichibu-omotenashi.com/fudasho/
สัมผัสประสบการณ์ศิลปะ ณ "โทโคโระซาวะซากุระทาวน์"


เดินทางออกจากชิชิบุไปยังบริเวณโทโคโระซาวะในช่วงเช้า "โทโคโระซาวะซากุระทาวน์" (Tokorozawa Sakura Town) ซึ่งตั้งอยู่ในแถบฮิกาชิโทโคโระซาวะเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมที่เผยแพร่วัฒนธรรมป๊อป และเต็มไปด้วยสถานที่ที่มีเอกลักษณ์มากมาย แหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครนี้มักจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ศาลเจ้า “มุซาชิโนะนิมาซุอุรุวาชิกิยามาโตะโนะมิยาชิโระ” เป็นศาลเจ้าที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัยได้อย่างลงตัว ซึ่งโดดเด่นด้วยภาพวาดนกฟีนิกซ์บนเพดาน และรูปปั้นหมาป่าขาวญี่ปุ่นที่เป็นสัญลักษณ์

"พิพิธภัณฑ์คาโดคาวะ มุซาชิโนะ" ออกแบบโดย คุมะ เคนโกะ สถาปนิกชื่อดัง สะดุดตากับความงดงามและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของตัวอาคารที่ถูกหุ้มด้วยหินแกรนิต


บนชั้น 4 ของพิพิธภัณฑ์มี “โรงละครชั้นหนังสือ” ที่สูงถึง 8 เมตร ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยหนังสือกว่า 20,000 เล่ม จะมีการจัดแสดงโปรเจกชันแมปปิงเป็นประจำ และยังมีแผนผังที่รองรับภาษาอังกฤษ จีน (ตัวเต็มและตัวย่อ) และเกาหลี รวมถึงแอปพลิเคชันไกด์เสียงที่รองรับภาษาต่างๆ ด้วย
พอข้ามสะพานไป ก็มุ่งไปยัง "ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวและของฝากโทโคโระซาวะ YOT-TOKO" ได้เลย ที่นี่จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง โดยเฉพาะชาซายามะซึ่งเป็นชาเขียวชื่อดังของเมืองนี้ นอกจากนี้ ยังมีขนมและของฝากที่ใช้ชาซายามะเป็นส่วนผสม ในโซนคาเฟ่คุณสามารถลิ้มลองซอฟต์ครีมชาซายามะ และชา ซายามะลาเต้ได้อีกด้วย
- โทโคโระซาวะซากุระทาวน์:https://tokorozawa-sakuratown.com/en/
- พิพิธภัณฑ์คาโดคาวะ มุซาชิโนะ:https://kadcul.com/en
อิ่มอร่อยกับมื้อกลางวันสุดพิเศษที่ปรุงด้วยผักในท้องถิ่นของจังหวัดไซตามะ ณ "SACULA DINER"


มื้อกลางวัน เรามากันที่ "SACULA DINER" ร้านอาหารบนชั้น 5 ของพิพิธภัณฑ์คาโดคาวะ มุซาชิโนะ ซึ่งเสิร์ฟอาหารที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นของไซตามะ โดยมีธีมคือ "จานอาหารที่มีเรื่องราว" เมนูแนะนำอย่าง "แฮมเบอร์เกอร์ดำขาว" (ราคา 2,000 เยน รวมภาษี) ซึ่งใช้ซอสเดมิกลาสเข้มข้นที่เคี่ยวถึง 4 วัน และซอสชีสผสมมัสตาร์ดที่มีรสชาติกลมกล่อมในจานเดียว ทำให้ได้ลิ้มรสที่หลากหลายและน่าประทับใจ (ข้อมูล ณ เดือนพฤษจิกายน 2024)
- SACULA DINER:https://kadcul.com/en/service/diner
มาเรียนรู้เกี่ยวกับชาซายามะที่ "Sayama Tea School"

“ชาซายามะ” ของจังหวัดไซตามะเป็นหนึ่งในสามชาญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติหวานเข้มข้นจนได้รับการยกย่องว่า "สีของชาต้องชิซุโอกะ กลิ่นหอมต้องอุจิ แต่รสชาติที่ดีที่สุดต้องซายามะ" และที่ "Sayama Tea School" คุณสามารถเลือกคอร์สจาก 3 ระดับ ได้แก่ ระดับต้น (tea picker) ระดับกลาง (challenger) และระดับสูง (deep diver) ได้ สำหรับครั้งนี้เราได้ลองคอร์สระดับกลางที่มีการบรรยายประกอบด้วย


คุณจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาโลก พร้อมกับสัมผัสประสบการณ์เก็บชาในไร่จริง ๆ ซึ่งใบชาที่เก็บสามารถนำกลับบ้านได้ หลังจากนั้นยังสามารถเยี่ยมชมโรงงานและลองทำงานจริง โดยเฉพาะกระบวนการ "คั่ว" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาซายามะกลิ่นหอมอบอวลจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ในช่วงท้ายจะมีการสอนวิธีการชงชาและชิมชากัน

หากผ่านการทดสอบจะได้รับประกาศนียบัตรด้วย สถานที่จัดกิจกรรมอยู่ในบ้านโบราณอายุกว่า 70 ปีชื่อ "วาโฮอัน" ซึ่งยังเปิดเป็นเกสต์เฮาส์ที่รองรับผู้เข้าพักได้สูงสุด 8 คน จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการมาสนุกกับชาซายามะร่วมกับเพื่อน ๆ
- Sayama Tea School:https://en.sayamagreenteaschool.com/
มื้อเย็นที่อิซากายะ อร่อยกับชุดปลาดิบและไก่ปิ้งเสียบไม้


อิซากายะ (ร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่น) เป็นสถานที่ที่รวมความสำราญในการดื่มและการกินอาหารเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่น สำหรับมื้อค่ำในวันที่สอง เราได้เดินทางไปยังโอมิยะเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ร้าน "Kushiyakitei Negi Omiya Nishiguchi Ten" ร้านนี้โดดเด่นด้วยเมนู "ต้นหอม" ตามชื่อร้าน (Negi แปลว่าต้นหอม) ถ้าพูดถึงต้นหอมในจังหวัดไซตามะแล้วก็ต้องนึกถึง "Fukaya Negi (ต้นหอมฟุคุยะ)" ที่มีชื่อเสียงในจังหวัด โดยต้นหอมชนิดนี้มีความหวานสูง โดยเฉพาะเมื่อนำไปปรุงด้วยความร้อน เมนูแนะนำคือไก่ย่างเสียบไม้ (เนกิมะ) และเทมปุระต้นหอมที่หวานอร่อย
- ร้าน Kushiyakitei Negi Omiya Nishiguchi Ten:https://negi-kushiyaki.jp/shop/oomiya_w.html
พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่ "REF Omiya by Vessel Hotels"


สามารถเดินไปยังโรงแรมแห่งนี้ได้จากประตูทางออกตะวันออกของสถานี JR Omiya เพียง 3 นาที การตกแต่งภายในของโรงแรมเน้นธีมสีเขียวที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของโอมิยะซึ่งเป็น "เมืองแห่งบอนไซ" บรรยากาศโดยรวมของโรงแรมเหมือนตั้งอยู่ในสวนที่เงียบสงบ จึงทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้

ห้องพักตกแต่งด้วยไม้ที่สร้างความอบอุ่น ถึงแม้จะเรียบง่ายแต่ก็ช่วยสร้างความผ่อนคลายให้ด้วย

อาหารเช้าในห้องอาหาร "Morning Food Market" ณ ชั้น 1 ได้รวบรวมอาหารท้องถิ่นในไซตามะมาให้คุณได้ลิ้มลองในที่เดียว
- REF Omiya by Vessel Hotels:https://www.vessel-hotel.jp/ref/omiya/
วันที่ 3
เบิกบานอารมณ์กับ "ฮานะโจซุ" ที่ศาลเจ้าเกียวดะฮาจิมัง


ในปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากจากการล็อกดาวน์ ศาลเจ้าเกียวดะฮาจิมังได้เริ่มต้นการจัด "ฮานะโจซุ" ตั้งแต่เดือนเมษายนในปีเดียวกัน เพื่อมุ่งมั่นที่จะ "มอบความสุขและความผ่อนคลายให้กับผู้มาเยือน"


"ฮานะโจซุ" คือการลอยดอกไม้สดในอ่างล้างมือที่ใช้สำหรับชำระล้างในศาลเจ้าที่เรียกว่า "โจซุยะ" บางวันจะมีการจัดกิจกรรมตกแต่งไฟประดับเพิ่มความงดงามในยามค่ำคืน อย่าลืมตรวจสอบกำหนดการก่อนมาเยี่ยมชมด้วย
- ศาลเจ้าเกียวดะฮาจิมัง:https://gyodahachiman.jp
- เกียวดะฮานะโจซุ:https://www.gyoda-kankoukyoukai.jp/hanachozu.html
มาเก็บภาพที่ระลึกย้อนอดีตแปลงโฉมเป็นซามูไรและนินจาแบบเต็มยศที่ "ปราสาทโอชิ"


ปราสาทโอชิในเมืองเกียวดะ เป็นหนึ่งในเจ็ดปราสาทชื่อดังแห่งคันโต โดยได้รับฉายาว่า “ปราสาทลอยน้ำ” เนื่องจากสามารถต้านทานและเหลือรอดจากการโจมตีด้วยการปล่อยน้ำเข้าท่วมปราสาทเมื่อปี 1590 โดยกองทัพโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ

รับรองว่าคุณจะต้องรู้สึกตกใจ เมื่อลองนึกว่านักรบโบราณต้องสวมเกราะซามูไรที่มีความหนักขนาดนี้ไปเข้ารบ

เพียงแค่ได้สวมใส่ชุดนินจาก็รู้สึกว่ามีความคล่องตัวมากขึ้นทันที คุณสามารถถ่ายภาพโดยให้ปราสาทโอชิเป็นฉากหลัง หรือทดลองขว้างดาวกระจายนินจา (ชูริเคน) และมาขยับร่างกายพร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมของนักรบญี่ปุ่นในยุคโบราณกัน
- กิจกรรมซามูไร ปราสาทโอชิ:https://www.gyoda-kankoukyoukai.jp/en/archives/tour/oshi-castle-samurai-costmume-experience
- กิจกรรมนินจา ปราสาทโอชิ:https://www.gyoda-kankoukyoukai.jp/en/archives/tour/oshi-castle-ninja-experience
สำรวจประวัติศาสตร์และลิ้มรสซอฟต์ครีมรสโชยุที่ "คินบุเอะ โชยุพาร์ค"

โชยุ หรือซีอิ๊วญี่ปุ่น เป็นเครื่องปรุงที่ญี่ปุ่นภูมิใจนำเสนอ โดยไซตามะยังมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตถั่วเหลืองและข้าวสาลีซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของโชยุ ในปัจจุบันมีโรงผลิตโชยุเก่าแก่หลายแห่งในจังหวัดที่ยังคงดำเนินกิจการมาถึงทุกวันนี้ ในเมืองคาวาชิมะซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดกับเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่างคาวาโกเอะ ที่นี่มีสถานที่ที่น่าสนใจคือ "คินบุเอะ โชยุพาร์ค" (Kinbue Soy Sauce Park) ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงงานผลิตโชยุเก่าแก่ "ฟูเอกิ โชยุ" ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1789 ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับสัมผัสประสบการณ์ โดยมีธีมคือ "กิน" "เรียนรู้" "ซื้อ" และ "เล่น"


คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับกรรมวิธีการผลิตโชยุได้ที่ "คินบุเอะ โชยุ รัคโค" (โรงเรียนโชยุคินบุเอะ) นอกจากคุณจะได้เข้าชมโรงงาน และดูถั่วเหลือง ข้าวสาลี หรือจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมักโชยุแล้ว ยังสามารถทดลองดมกลิ่นของโชยุได้อีกด้วย บรรยากาศภายในโรงหมักที่เต็มไปด้วยถังไม้ขนาดใหญ่ที่เรียงรายกันอย่างสวยงามนั้นชวนให้ตื่นตาตื่นใจ และต้องทำให้อดใจรอการบ่มหมักไม่ไหวแน่นอน

คุณสามารถลิ้มลองอุด้งทำสดใหม่แบบออริจินัล พร้อมน้ำซุปโชยุเข้มข้นสุดอร่อย ณ "ร้านอาหารโชยุคุระ" ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถชิมไอศกรีมซอฟต์ครีมรสโชยุ ที่มีกลิ่นหอมและรสชาติหวานมันเป็นเอกลักษณ์ หรือเลือกซื้อของฝาก เช่น ผงโชยุ บามคูเฮนรสโชยุ และยังมีโชยุที่หมักด้วยถังไม้ที่ร้านวางขายอยู่ด้วย
- คินบุเอะ โชยุพาร์ค:https://kinbue.jp/en
นั่งรถลากโบราณชิลๆ สำรวจคาวาโกเอะ

คาวาโกเอะ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโตเกียว โดยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่รู้จักกันในชื่อ "โคะเอโดะ" (เอโดะจิ๋ว) เนื่องจากยังคงหลงเหลืออาคารทรงโกดังแบบดั้งเดิม (คุระซุคุริ) หลังเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1893 ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศย้อนยุคให้กับเมืองได้อย่างดี


“รีโซนา โคะเอโดะเทอเรซ” (Risona Koedo Terrace) ซึ่งเปิดในเดือนพฤษภาคม 2024 ได้นำธนาคารมาปรับปรุงใหม่ บนชั้น 2 มี 'โคะเอโดะเด็ค' (Coedo Deck) ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอาคารทรงโกดังดั้งเดิมที่เรียงรายอยู่อย่างสวยงามได้


หากเลือกสำรวจเมืองด้วยรถลาก คุณจะได้สนทนากับคนลากรถ (ชะฟุ) อย่างสนุกสนาน พร้อมทั้งได้เรียนรู้จุดเด่นและประวัติศาสตร์ของคาวาโกเอะ รวมถึงบริการถ่ายรูปให้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีบริการไกด์ภาษาอังกฤษ หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้
- รถลาก อิทสึกิยะ:https://www.jinrikisha-itsukiya.com
มาค้นหาสถานที่โปรดในแบบฉบับของคุณในจังหวัดไซตามะกัน !
การเดินทาง 3 วัน 2 คืนในจังหวัดไซตามะเป็นยังไงกันบ้าง คุณสามารถสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติ หรือไปสวมชุดกิโมโนหรือเกราะซามูไรเพื่อสัมผัสยุคสมัยเก่าของญี่ปุ่น หรือเพลิดเพลินไปกับทั้งวัฒนธรรมเก่าและใหม่ของญี่ปุ่นได้ที่นี่ แน่นอนว่ายังสนุกกับอาหารอร่อยและการช้อปปิ้งได้อีกด้วย รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายแน่นอน อย่าลืมแวะไปเยือนด้วยตัวเองและค้นหาสถานที่ต่างๆ ที่ตรงกับรสนิยมของคุณในไซตามะกันนะ !
Comments