นอกจากภูมิภาคโทโฮคุจะเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมายในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ไม่ว่าจะเป็นใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงาม ทิวทัศน์หิมะสุดน่าทึ่ง ไปจนถึงการจัดไฟแสนโรแมนติก แต่อาหารอร่อยก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว เพราะว่าโทโฮคุซึ่งเป็นขุมทรัพย์อาหารนั้นมีอาหารอร่อยที่เหมาะสำหรับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ! ในครั้งนี้เราจะขอแนะนำเมนูเส้นและเนื้อวากิวที่ต้องลิ้มรสชาติในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวจากแต่ละจังหวัดในโทโฮคุ ทุกเมนูมีรสชาติที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น ห้ามพลาดมารับประทานนะคะ
[เมนูเส้นจานโปรดของผู้คนในท้องถิ่น]
[อาโอโมริ] นิโบชิราเมง
"ซึการุราเมง" หรือนิโบชิราเมงเป็นเมนูเส้นจานโปรดของผู้คนในซึการุ จังหวัดอาโอโมริ ราเมงนี้ใช้ซุปที่ทำจากนิโบชิซึ่งเป็นปลาตากแห้งที่ทำจากปลาอาจิหรือปลาอิวาชิที่สามารถจับได้เป็นจำนวนมากในอ่าวมุตสึมาตั้งแต่สมัยก่อนค่ะ ถึงแม้ว่าที่มาของราเมงนี้จะมีหลายทฤษฎีก็ตาม แต่กล่าวกันว่านิโบชิถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันทั้งที่บ้านและร้านอาหารในภูมิภาคซึการุมาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงถูกนำมาใช้กับเส้นจีนด้วย ทำให้เกิดเป็นซึการุราเมงซึ่งผสมผสานน้ำซุปดาชิและโชยุเข้าด้วยกันอย่างดีค่ะ
ในปัจจุบัน มีร้านจำนวนมากที่เสิร์ฟซึการุราเมงแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นราเมงที่ผสมผสานซุปนิโบชิกับซุปที่ทำจากสัตว์ เช่น กระดูกหมูและกระดูกไก่ ไปจนถึงราเมงที่ใส่ซุปสาหร่ายทะเลเพิ่มเข้าไปอีก ทำให้คุณสามารถเลือกลิ้มรสชาติซึการุราเมงแบบต่างๆ ได้ตามความชอบ ทั้งแบบเบาๆ และแบบแบบเข้มข้นค่ะ
[อากิตะ] อินะนิวะอุด้ง
อินะนิวะอุด้งเป็นหนึ่งในสามอุด้งชื่อดังของญี่ปุ่นซึ่งเป็นอุด้งแห้งที่ทำด้วยวิธีการยืดด้วยมือ (เทะโนเบะ) โดยมีต้นกำเนิดในอินะนิวะ จังหวัดอาคิตะ ตั้งแต่สมัยเอโดะตอนต้นและถูกสืบทอดต่อมาเป็นระยะเวลามากกว่า 350 ปี ผู้คนเริ่มปลูกข้าวสาลีเพื่อเอาชีวิตรอดจากฤดูหนาวที่รุนแรงซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะเป็นเวลายาวนานกว่าครึ่งปี หลังจากนั้นก็คิดค้นอาหารสำรองสำหรับฤดูหนาวทำให้เกิดเป็นอินะนิวะอุด้งค่ะ
เส้นของอินะนิวะอุด้งจะบางและแบนกว่าเมื่อเทียบกับเส้นอุด้งในพื้นที่อื่นๆ เส้นอุด้งที่ต้มแล้วมีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มทำให้ทานง่าย ถึงแม้ว่าจะบางแต่ก็ยังคงมีความเหนียวแน่นค่ะ อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจของอุด้งนี้คือ เมื่อยกเส้นขึ้นส่องกับแสง คุณจะสังเกตเห็นสีขาวที่มีความโปร่งใสของเส้นได้อีกด้วยค่ะ
[อิวาเตะ] วังโกะโซบะ
"วังโกะโซบะ" เป็นโซบะที่รับประทานตามเสียงให้สัญญาณของพนักงาน โดยจะเติมโซบะสำหรับหนึ่งคำลงในชามเปล่าให้ทีละคำค่ะ นอกจากนี้ ยังมีธรรมเนียมที่แข่งขันกันว่าใครสามารถกินได้มากที่สุดอีกด้วย สิ่งที่คุณต้องรู้เมื่อไปรับประทานวังโกะโซบะคือวิธีการหยุดค่ะ เมื่อกินหมดชามพนักงานจะเอาเส้นโซบะมาเติมให้เรื่อยๆ ดังนั้น ถ้าหากอิ่มแล้วต้องรีบปิดฝาทันทีเลยนะคะ ถึงแม้ว่าจะสามารถสนุกไปกับการแข่งขันว่าใครสามารถกินได้มากกว่ากันก็ตาม แต่ยังสามารถรับประทานวังโกะโซบะกับเครื่องเคียงอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น ผักดองหรือซาชิมิ ขอแนะนำให้ลองรับประทานวังโกะโซบะกับเครื่องเคียงเหล่านี้ตามจังหวะของคุณเองด้วยค่ะ
[มิยางิ] มาโบยากิโซบะ
"มาโบยากิโซบะ" ซึ่งนำมาโบโทฟุ (เต้าหู้ผัดพริกเสฉวน) มาราดบนยากิโซบะนั้นเป็นหนึ่งในอาหารจานโปรดของผู้คนในเซนได โดยแต่เดิมเป็นอาหารสำหรับพนักงานของร้านราเมงในเมืองเซนไดค่ะ ในปัจจุบันมีมากกว่า 50 ร้านที่เสิร์ฟ "มาโบยากิโซบะ" ในเมืองเซนได
รสชาติและเนื้อสัมผัสแตกต่างกันไปในแต่ละร้านอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นร้านที่พิถีพิถันในการนึ่งและตากเส้นสดให้แห้ง หลังจากนั้นก็นำไปแช่น้ำร้อนให้กลับมานิ่มและเอาไปอบก่อนเสิร์ฟ หรือร้านที่ใช้เส้นที่ทำจากแป้งจากภูมิภาคโทโฮคุ มาโบโทฟุที่นำมาราดของแต่ละร้านก็ใช้เครื่องเทศและเครื่องปรุงที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ความเผ็ดและความเข้มข้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ ขอแนะนำให้ลองเปรียบเทียบรสชาติกันเพื่อหารสชาติที่คุณชอบนะคะ
[ยามากาตะ] ยามากาตะโซบะ
โซบะเป็นอาหารดั้งเดิมที่ถูกสืบทอดมาในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดยามากาตะ ในปัจจุบัน "โซบะไคโด (ถนนโซบะ)" เป็นพื้นที่ที่มีร้านโซบะมารวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก คุณสามารถอิ่มอร่อยไปกับโซบะที่หลากหลายของแต่ละถนนได้ โดยหนึ่งในนั้นคือ "โมะกามิกาวะซันนันโชะ โซบะไคโด" ที่เมืองมุรายามะ คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับ "อิตะโซบะ" ซึ่งนำเส้นโซบะหนาสำหรับหนึ่งคนหรือหลายคนมาเสิร์ฟด้วยแผ่นไม้ยาว ที่มีของโซบะนี้คือ "โซบะฟุรุไม" ซึ่งเป็นการเสิร์ฟโซบะบนแผ่นไม้ขนาดใหญ่พร้อมสาเกค่ะ นอกจากนี้ ยังกล่าวกันว่าเมืองมุรายามะเป็นต้นกำเนิดของโซบะไคโดอีกด้วยค่ะ มีเส้นโซบะหลากหลายประเภทที่ถูกสืบทอดกันมาในแต่ละพื้นที่ของที่ยามากาตะ ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับโซบะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามในแต่ละท้องถิ่นได้ค่ะ
[ฟุกุชิมะ] คิตะกาตะราเมง
คิตะกาตะราเมงเป็นหนึ่งในสามราเมงชื่อดังของญี่ปุ่นโดยมีเอกลักษณ์คือเส้นราเมงเหนียวหนึบ หนาและแบนเป็นพิเศษค่ะ กล่าวกันว่าต้นตำหรับของเมนูนี้คือราเมงที่ถูกขายที่ร้านโซบะจีนในปี 1927 หลังจากนั้นร้านอาหารจำนวนมากในคิตะกาตะก็เริ่มเสิร์ฟโซบะจีน ทำให้คิตะกาตะราเมงได้รับความนิยมมากขึ้น
ถึงแม้ว่าจะใช้ซุปโชยุซี่โครงหมูเป็นหลักก็ตาม แต่ว่าแต่ละร้านจะมีการดัดแปลงที่ไม่เหมือนกัน อย่างเช่นบางร้านก็เติมน้ำซุปดาชินิโบชิ บางร้านก็เปลี่ยนน้ำซุปเป็นซุปเกลือค่ะ นอกจากนี้ อีกหนึ่งเคล็ดลับความอร่อยของราเมงคิตะกาตะคือน้ำที่ใช้ในการทำเส้นซึ่งมาจากน้ำแร่ชื่อดังของภูเขาอีเดะในเมืองคิตะกาตะค่ะ
[สามเนื้อวากิวแห่งโทโฮคุ]
เนื้อวัวมาเอะซาวะ
"เนื้อวัวมาเอะซาวะ" เป็นหนึ่งในสามเนื้อวากิวแห่งโทโฮคุ เนื้อวัวที่สามารถใช้ชื่อมาเอะซาวะได้จะต้องเป็นเนื้อวัวขนดำที่ถูกเลี้ยงในมาเอะซาวะ เมืองโอชู จังหวัดอิวาเตะ และจะต้องมีคุณสมบัติตรงตาม "คำจำกัดความของเนื้อวัวมาเอะซาวะ" เท่านั้น โดยที่ผ่านมาได้รับรางวัลเกียรติยศถึง 6 ครั้งในการแข่งขันค่ะ นอกจากจะสามารถลิ้มรสความหวานของเนื้อสีสดที่มีลายหินอ่อนละเอียดแล้ว ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับเนื้อสัมผัสและรสชาติที่ละลายในปากได้อีกด้วย
เหมาะสำหรับนำไปทำอาหารที่ใช้เนื้อสัตว์เป็นหลัก อย่างเช่น เสต็ก เนื้อย่าง ชาบูชาบู และสุกี้ยากี้ค่ะ นอกจากนี้ "มาเอะซาวะกิว" ซึ่งนำเนื้อวัวมาย่างด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อดึงรสชาติความอร่อยออกมาจากเนื้อนั้นยังถูกเรียกว่า "ริคุโนะโทโระ (โทโระบนบก)" เปรียบเสมือนกับโทโระของปลามากุโระซึ่งเป็นโทโระในะทะเล ทำให้คุณสามารถลิ้มรสชาติความอร่อยของเนื้อวัวมาเอะซาวะได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ
เนื้อวัวเซนได
ในบรรดาวัวกว่า 20,000 ตัวที่ถูกส่งออกจากจังหวัดมิยางิในทุกปี มีวัวแค่ประมาณ 40% เท่านั้นที่มีคุณสมบัติตาม "คำจำกัดความของเนื้อวัวเซนได" และสามารถเรียกว่า "เนื้อวัวเซนได" ได้ค่ะ เนื้อวัวขนดำระดับ A5 และ B5 ที่ตรงตามมาตรฐานที่เข้มงวดเท่านั้นที่จะสามารถเรียกได้ว่าเป็น "เนื้อเซนได" เช่น ความสมดุลของลายหินอ่อนและเนื้อไม่ติดมัน และความละเอียดของเนื้อ
ดังนั้น คุณจึงสามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติกลมกล่อมนุ่มนวล เนื้อชุ่มฉ่ำเข้มข้น และไขมันและเนื้อไม่ติดมันที่มีสมดุลอย่างพอดี เหมาะสำหรับนำไปทำอาหารที่ใช้เนื้อสัตว์เป็นหลัก อย่างเช่น เสต็ก เนื้อย่าง สุกี้ยากี้ และชาบูชาบู เช่นเดียวกับเนื้อวัวมาเอะซาวะ รับรองว่าจะสามารถลิ้มรสความอร่อยของเนื้อวัวเซนไดได้อย่างเต็มที่ค่ะ
เนื้อวัวโยเนะซาวะ
"เนื้อวัวโยเนะซาวะ" ที่มีคุณสมบัติตรงตาม "คำจำกัดความของเนื้อวัวโยเนะซาวะ" นั้นขึ้นชื่อเรื่องเนื้อนุ่มละลายในปากและรสชาติอันกลมกล่อม ยิ่งไปกว่านั้นความหวานของไขมันและความอร่อยของเนื้อวัวยังเข้ากันได้ด้วยดีด้วยค่ะ หนึ่งในเคล็ดลับความอร่อยคือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำที่ละลายจากหิมะ ไปจนถึงความแตกต่างของอุณหภูมิในฤดูร้อนและฤดูหนาว หรือความแตกต่างของอากาศในช่วงกลางวันและกลางคืนของแอ่งโอคิทามะที่ใช้เลี้ยงวัวโยเนะซาวะ สภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมนี้ทำให้เกิดเนื้อลายหินอ่อนละเอียดและไขมันที่มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ เทคนิคการเลี้ยงดูและความพยายามของผู้ผลิตก็ยังมีความสำคัญต่อการผลิตเนื้อวัวโยเนะซาวะคุณภาพสูงเป็นอย่างมากค่ะ
ผู้ที่ทำให้เนื้อวัวโยเนะซาวะมีชื่อเสียงอย่างในทุกวันนี้คือครูสอนภาษาอังกฤษที่ถูกส่งมาประจำที่โยเนะซาวะในยุคเมจิช่วงต้น กล่าวกันว่า เมื่อเขาจะเดินทางกลับประเทศหลังจากครบวาระ เขาได้นำวัวหนึ่งตัวกลับไปที่โยโกฮามะด้วย และทำอาหารให้เพื่อนลองรับประทาน หลังจากนั้นความอร่อยของเนื้อวัวโยเนะซาวะก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเลยค่ะ
ไปตามหาอาหารอร่อยในฤดูหนาวของโทโฮคุกันเถอะ!
ในครั้งนี้เราได้แนะนำเมนูเส้นอย่างราเมน โซบะ อุด้ง และยากิโซบะจาก 6 จังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุ และสามเนื้อวัวชื่อดังของญี่ปุ่น อย่างเนื้อวัวมาเอะซาวะ เนื้อวัวเซนได และเนื้อวัวโยเนะซาวะ ซึ่งนอกจากจะเป็นอาหารจานโปรดของผู้คนในท้องถิ่นแล้ว ยังได้รับความนิยมจากทั่วประเทศอีกด้วยค่ะ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคโทโฮคุยังมีอาหารอร่อยในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวอีกมากมาย ห้ามพลาดมาลิ้มรสความอร่อยของฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่โทโฮคุพิเศษเฉพาะสำหรับผู้ที่เดินทางมาเยือนเท่านั้นนะคะ วัตถุดิบและอาหารอร่อยกำลังรอทุกท่านให้มาลิ้มลองอยู่ค่ะ
Comments