การใช้มือหรือการขยับนิ้วเพื่อสื่อความหมายหรือแสดงอารมณ์ผ่าน "สัญลักษณ์มือ" หรือการใช้ร่างกายและสีหน้าสื่อสารโดยไม่ต้องใช้คำพูดเรียกว่า "ท่าทาง" ซึ่งสะดวกมากในการสื่อสารความตั้งใจไปยังผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ท่าทางและสัญลักษณ์มือมีความแตกต่างกันไปตามภูมิภาคหรือพื้นที่ หากไม่ทราบความแตกต่างนี้ อาจทำให้เกิดความสับสนหรือประหลาดใจได้ ในบทความนี้ เราจะอธิบายถึงความหมายและวิธีการใช้ท่าทางและสัญลักษณ์มือที่คนญี่ปุ่นใช้บ่อย ๆ
(1) สัญลักษณ์ OK
1-1. ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งทำเป็นวงกลม
การทำวงกลมเล็ก ๆ ด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งในญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เพื่อยืนยันหรือเห็นด้วยกับความคิดเห็นหรือข้อเสนอ เช่น ถ้ามีคนถามว่า "ทำแบบนี้ได้ไหม?" คุณสามารถตอบว่า "OK" หรือ "ไม่เป็นไร" พร้อมกับทำสัญลักษณ์นี้ได้ อย่างไรก็ตาม สัญลักษณ์นี้ไม่ควรใช้กับผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าหรือต่อสาธารณชน
1-2. ยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วทำวงกลม
การยกมือทั้งสองข้างขึ้นและเชื่อมเข้าด้วยกันเป็นวงกลมเหนือศีรษะก็หมายถึง "OK" เช่นกัน ท่านี้ใช้เมื่อต้องการสื่อสารกับคนที่อยู่ไกลและไม่สามารถตะโกนให้ได้ยินได้
1-3. พยักหน้า
การพยักหน้าเป็นการแสดงความเห็นด้วยหรือต้องการบอกว่าเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด โดยมักพยักหน้าพร้อมพูดว่า "อื้ม" หรือ "ใช่ ใช่" เพื่อเสริมให้เข้าใจชัดเจนขึ้น
1-4.เครื่องหมายวงกลมในคำตอบที่ถูกต้อง
ในขณะที่ต่างประเทศอาจใช้เครื่องหมาย "✓" เพื่อแสดงคำตอบที่ถูกต้อง แต่ในญี่ปุ่นมักใช้เครื่องหมาย "〇" และเครื่องหมาย "✕" สำหรับคำตอบที่ผิดพลาด นอกจากนี้หากคำตอบถูกต้องบางส่วน อาจใช้ "△" เพื่อแสดงความถูกต้องบางส่วน
(2)สัญลักษณ์และท่าทางการปฏิเสธ
2-1. โบกมือไปมาในแนวขวางหน้าตัวเอง
เมื่อต้องการปฏิเสธ การโบกมือไปมาข้างหน้าตัวเองเป็นวิธีบอกว่า "ไม่ใช่" หรือ "ไม่ใช่อย่างนั้น" มักพูดว่า "ไม่ค่ะ/ครับ" หรือ "ไม่ใช่เลย"
2-2. ทำมือเป็นเครื่องหมายกากบาท
การทำเครื่องหมายกากบาทขนาดใหญ่ด้วยมือสองข้างหน้าตัวเองเป็นวิธีการปฏิเสธอย่างเด่นชัด โดยเฉพาะเมื่อต้องการบอกว่า "ไม่" กับคนที่อยู่ไกล แต่ไม่ควรใช้กับผู้ใหญ่หรือในสถานการณ์ที่เป็นทางการ
2-3. ส่ายหน้า
การส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธที่หมายความว่า "ไม่" ยิ่งส่ายหัวแรงเท่าไร ก็ยิ่งหมายถึงการปฏิเสธอย่างชัดเจนมากขึ้น
2-4. เวลาไม่แน่ใจให้เอียงคอ 45 องศา
เมื่อถูกถามคำถามที่ไม่แน่ใจหรือไม่สามารถตอบได้ทันที การเอียงคอเล็กน้อยบ่งบอกว่า "ไม่แน่ใจ" หรือ "ไม่ทราบ" และมักพูดว่า "อืม" หรือ "ยังไม่แน่ใจ" พร้อมกับท่าทางนี้ บางทีก็กอดอกด้วย
(3)สัญลักษณ์มือที่เกี่ยวกับการเงินหรือการขอชำระเงิน
3-1.ไขว้นิ้วชี้สองข้างเป็นเครื่องหมายกากบาทเล็ก ๆ
ท่านี้มักใช้ในร้านอาหารเมื่อต้องการเรียกเก็บเงิน โดยทำเครื่องหมายกากบาทเล็ก ๆ ด้วยนิ้วชี้ทั้งสองข้าง และพูดว่า "ขอคิดเงินค่ะ/ครับ" โดยไม่รบกวนคนรอบข้าง มักใช้โดยผู้สูงอายุ และเป็นวิธีการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการ
3-2. ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ทำวงกลม
การทำวงกลมด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้พร้อมหันฝ่ามือขึ้น หมายถึง "เงิน" ซึ่งมักใช้ในบทสนทนาเกี่ยวกับเงิน เช่น "ลงทุนได้เงินมาเยอะ" หรือ "สร้างบ้านต้องใช้เงินมาก"โดยที่ไม่ต้องออกปากพูดให้คนรอบๆได้ยิน
(4) ท่าทางที่ใช้ในการโต้ตอบกับผู้อื่น
4-1. กวักมือ
การทำท่าเรียกให้มาหาเช่น "มานี่" หรือ "มาทางนี้" มักใช้เมื่อต้องการเรียกคนที่อยู่ห่างออกไป โดยการหันฝ่ามือลงแล้วขยับข้อมือขึ้นลง หรืออาจทำด้วยการหันฝ่ามือขึ้นและใช้นิ้วชี้กวักเข้าหาตัวเอง แต่ท่านี้จะไม่ใช้กับผู้ที่มีอาวุโสกว่า ในทางกลับกัน หากต้องการบอกให้ไปไกล ๆ จะหงายหลังมือขึ้นแล้วปัดออกไป การเคลื่อนไหวของมืออาจดูเล็กน้อย แต่มีความหมายต่างกันอย่างชัดเจน
4-2. ชี้นิ้วไปที่ตัวเองหรือหน้าอก
เมื่อคุณต้องการพูดถึงตัวเองในการสนทนา มักจะใช้นิ้วชี้ชี้ไปที่จมูก ใบหน้าทั้งหมด หรือหน้าอกของตนเอง ในทางกลับกัน หากต้องการชี้ไปที่อีกฝ่าย มักจะชี้ไปที่จมูก ใบหน้า หรือหน้าอกของเขาหรือเธอ อย่างไรก็ตาม การชี้นิ้วไปที่คนอื่นอาจทำให้รู้สึกไม่ดี โดยเฉพาะในที่สาธารณะหรือเมื่อสื่อสารกับผู้ที่มีอาวุโสกว่า ดังนั้น การชี้นิ้วมักจะใช้ในบทสนทนาที่เป็นกันเองระหว่างเพื่อนมากกว่า
(5)ท่าทางที่ใช้เวลาเดิน
5-1. ยกมือขึ้นตอนกำลังข้ามถนน
เมื่อเด็ก ๆ ข้ามถนนที่มีเครื่องหมายคนข้ามหรือทางม้าลาย พวกเขาจะยกมือขึ้นเพื่อบอกให้คนขับรถทราบว่า "ฉันกำลังจะข้าม" หรือ "ฉันกำลังข้ามอยู่" โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร เพื่อให้คนขับเข้าใจว่าพวกเขาจะข้ามถนนจริง ๆ ในขณะที่ผู้ใหญ่จะไม่ยกมือขึ้น แต่จะมองตาคนขับและพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อสื่อสารว่า "ฉันจะข้าม" หรืออาจยกมือขึ้นเล็กน้อยแล้วก็ลดมือขณะข้ามถนน
นอกจากนี้ คนขับรถก็อาจยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อสื่อความหมายว่า "เชิญข้ามได้เลย" เพื่อให้คนที่ข้ามถนนรู้สึกปลอดภัยในการข้ามถนน ในเดือนเมษายน 2021 มีการปรับปรุง "หลักการจราจร" เพื่อระบุว่า "เมื่อข้ามถนน ควรยกมือขึ้นหรือทำสัญญาณเพื่อแจ้งเจตนาข้ามถนนให้กับคนขับทราบ" ซึ่งได้มีการบันทึกไว้หลังจากที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลา 43 ปี
5-2. การทำท่าทางขณะเดินผ่านระหว่างคน
เมื่อคุณต้องเดินผ่านระหว่างผู้คนหรือเมื่ออยู่ในฝูงชน บางครั้งคุณอาจยกมือหนึ่งขึ้นเล็กน้อยและขยับขึ้นลงเล็กน้อยเป็นจำนวนครั้ง การเคลื่อนไหวนี้เรียกว่า "ท่าทางตัดมือมีด" (手刀を切る) ซึ่งเป็นท่าทางที่นักมวยปล้ำซูโม่ใช้เมื่อพวกเขาได้รับรางวัลหลังจากการแข่งขันเช่นกัน
การเดินผ่านใครสักคนถือว่าเป็นการเสียมารยาท ดังนั้นท่าทางนี้จึงถูกใช้เพื่อแสดงความเคารพ นอกจากนี้ยังใช้เมื่อคุณต้องการขอโทษหรือสื่อความหมายว่า "ขอโทษ" ในสถานการณ์ที่ไม่สะดวกจะพูด การทำท่าทางนี้จะทำให้คุณสร้างความประทับใจที่ดีให้กับคนอื่นได้
(6)ท่าทางที่หมายถึงคนรักหรือคู่รัก
6-1. การยกนิ้วโป้งขึ้น (สำหรับชายคนรักหรือสามี)
การยกนิ้วโป้งขึ้นเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เพื่อบ่งบอกถึงคู่รักผู้ชายหรือสามี การทำท่าทางนี้เป็นการสื่อสารโดยไม่ต้องพูดคำว่า "คนรัก" โดยทั่วไปจะไม่ใช้ในที่สาธารณะ แต่จะใช้บ่อยในงานเลี้ยงหรือการสนทนาที่ไม่เป็นทางการกับเพื่อน
6-2. การยกนิ้วก้อยขึ้น (สำหรับหญิงคนรักหรือคู่รัก)
การยกนิ้วก้อยขึ้นเป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึงแฟนผู้หญิงหรือคู่รักที่เป็นผู้หญิง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อบ่งบอกถึงคนรักอีกด้วย ท่าทางนี้มักเห็นได้ในบทสนทนาระหว่างคนที่สนิทสนมกัน
(7)ท่าทางที่ใช้เวลาถ่ายรูป
7-2. ชูสองนิ้ว
เมื่อถ่ายภาพ ผู้ถ่ายมักจะพูดว่า "ไฮ ชีส" ทำให้คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยกนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นในท่าทาง ชูสองนิ้ว (Peace sign) โดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจจะใช้มือเดียวหรือสองมือก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถวางมือที่ทำสัญลักษณ์นี้ไว้บนศีรษะเพื่อสร้างท่าทาง "หูแมว" ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้สัญลักษณ์นี้ เช่น "ชูสองนิ้วกลับด้าน" (Ura Peace) หรือ "ชูสองนิ้วที่คาง" (Ago Peace)
7-3. ชูนิ้วโป้ง
การยกนิ้วโป้งขึ้นเป็นการแสดงถึงความเห็นด้วยและกล่าวว่า "ดีมาก!" ซึ่งยังเป็นท่าที่ใช้ได้เวลาถ่ายภาพด้วย
7-4.ทำมือรูปหัวใจด้วยมือสองข้าง
โดยเฉพาะในหมู่สาวๆมักจะใช้สองมือทำเป็นหัวใจ นอกจากนี้ยังมีการสร้างหัวใจโดยให้แต่ละคนทำครึ่งหนึ่งของหัวใจแล้วถ่ายภาพร่วมกันด้วย
(8)ท่าที่ทำไม่ได้เป็นอันขาด
8-1. การชี้คนด้วยนิ้ว
การชี้นิ้วไปยังคนหรือสิ่งของพร้อมกับพูดว่า "นั่น" หรือ "นี่" เป็นการกระทำที่ทำให้ฝ่ายที่ถูกชี้รู้สึกไม่ดี ถ้าจำเป็นต้องชี้ไปที่สิ่งของหรือคนจริงๆ ควรจัดเรียงนิ้วมือให้เรียบร้อยและหงายฝ่ามือขึ้น ใช้ทั้งมือแทนที่จะใช้นิ้วชี้นิ้วเดียวเพื่อให้ดูสุภาพมากขึ้น
8-2. การยกนิ้วกลาง
ใช้แสดงถึงความโกรธ ความดูถูก หรือการดูหมิ่น และทำให้ผู้ถูกทำท่าทางนี้ใส่รู้สึกไม่ดีอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ควรใช้โดยเด็ดขาด เคยมีกรณีที่แฟนบอลที่ยกนิ้วกลางในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลถูกห้ามเข้าชมตลอดชีวิต
8-3 การกดนิ้วหัวแม่มือลง
เป็นสัญลักษณ์ดูหมิ่นอย่างรุนแรง เช่น "ตกนรก" และถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามในเกือบทุกประเทศรวมถึงญี่ปุ่นด้วย เป็นสัญลักษณ์ที่ตรงข้ามกับ "ยกนิ้วโป้งให้" หรือที่เรียกว่า "กดนิ้วโป้งลง" ซึ่งใช้ในเวลาชมกีฬาเพื่อแสดงการโห่
(9) วิธีการนับจำนวน
มีสองวิธีในการนับคือ “วิธีการพับนิ้วจากมือที่เปิดอยู่ โดยเริ่มจากนิ้วหัวแม่มือ (A)” และ “วิธีการยกนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วหัวแม่มือจากมือที่กำ (B)”
(A)วิธีการพับนิ้วจากมือที่แบอยู่
- แบมือทั้งสองข้าง แล้วพับนิ้วหัวแม่มือข้างหนึ่ง
- หุบนิ้วชี้เพื่อให้ได้1
- หุบนิ้วกลางด้วยเพื่อให้ได้2
- หุบนิ้วนางด้วยเพื่อให้ได้า3
- พับนิ้วทั้ง 5 ของมือข้างเดียวให้หมด
- รักษาท่าทาง "5" แล้วพับนิ้วหัวแม่มือของมืออีกข้างหนึ่ง
- หุบนิ้วชี้ของมืออีกข้างเพื่อให้ได้ 6
- หุบนิ้วกลางของมืออีกข้างเพื่อให้ได้ 7
- หุบนิ้วกลางของมืออีกข้างเพื่อให้ได้ 8
- เพิ่มนิ้วก้อยของมืออีกข้างเพื่อให้ได้ 9
(B)วิธีการยกนิ้วจากมือที่กำอยู่ด้วยนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางตามลำดับ
จากมือทั้งสองกำอยู่ ยกนิ้วชี้ข้างหนึ่งขึ้น
ยกนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นตรงเหมือนการทำสัญลักษณ์ชี้เป็นเลขสอง
ยกนิ้วนางขึ้น
ยกนิ้วก้อยขึ้น
ยกนิ้วทั้ง5ขึ้นด้วยมือข้างหนึ่ง
รักษาท่าทาง "5" แล้วยกนิ้วชี้ของมืออีกข้างวางไว้บนฝ่ามือ
ยกนิ้วกลางขึ้น
ยกนิ้วนางขึ้น
ยกนิ้วก้อยขึ้น
ยกทั้งสิบนิ้วของทั้งสองมือขึ้น
ทั้งหมดที่แนะนำไปข้างต้นนี้คือการแนะนำสัญลักษณ์และท่าทางที่คนญี่ปุ่นมักใช้ คุณคิดอย่างไรบ้าง? บางท่าทางอย่างอาจทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี ดังนั้นควรใช้ด้วยความระมัดระวังด้วยนะ!
Comments