เมื่อพูดถึงวันที่ 5 พฤษภาคม ก็จะนึกถึง "วันเด็ก" (こどもの日 / Kodomo no Hi / โคโดโมะโนะฮิ) ของญี่ปุ่นค่ะ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงรายละเอียดเกี่ยวกับวันเด็ก แนะนำความหมายและที่มาที่น่าแปลกใจของวันเด็กในญี่ปุ่น กิจกรรมในวันเด็ก ไปจนถึงอาหารที่แนะนำสำหรับวันเด็กค่ะ เรายังจะแนะนำกิจกรรมและเทศกาลยอดนิยมที่จัดขึ้นในวันเด็กด้วย ดังนั้นอ่านบทความนี้ไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงกันนะคะ
ความหมายและที่มาของวันเด็ก
อย่างแรก เราจะมาอธิบายถึงความหมายและที่มาของวันเด็กกันค่ะ วันที่ 5 พฤษภาคมเป็นวันที่ทุกคนรู้จักและรักในฐานะวันเด็กของญี่ปุ่น แต่วันนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร? มาสัมผัสประวัติศาสตร์ของวันเด็กกันค่ะ
ประเพณี "ทังโกะโนะเซ็คคุ" ที่ถ่ายทอดมาจากประเทศจีน
วันเด็กนั้นแรกเริ่มเดิมที เป็นการฉลองที่เรียกว่า "ทังโกะโนะเซ็คคุ" (端午の節句 / Tango no Sekku) ค่ะ และทังโกะโนะเซ็คคุนี้ก็มีที่มาจากประเทศจีน
ประมาณ 2,300 ปีที่แล้ว มีชายคนหนึ่งนามว่า "ชวี เอวี๋ยน" (屈原 / Qu Yuan / Kutsu Gen) เป็นขุนนางคนสนิทกับกษัตริย์ของแคว้นฉู่ในประเทศจีน ชวีเอวี๋ยนเป็นคนที่มีความยุติธรรมและมนุษยธรรมอน่างมาก และได้รับความไว้วางใจจากกษัตริย์และประชาชน แต่ชวีเอวี๋ยนกลับเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุที่ไม่คาดคิด โดยเหล่าผู้คนที่ชอบใจในตัวเขา และถูกขับไล่ออกจากแคว้น กล่าวกันว่าชวีเอวี๋ยนได้รับผลกระทบทางจิตใจจากเหตุการณ์นี้ และไปกระโดดแม่น้ำมี่หลัวปลิดชีวิตของตนเองค่ะ
ใช่วงเวลานั้น ผู้คนได้พากันโยนข้าวเหนียวลงไปในแม่น้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ฝูงปลาเข้าไปใกล้ร่างกายของชวีเอวี๋ยน อุบัติการณ์นี้นำไปสู่การจัดงานประจำปีเพื่อบริการสวดมนต์ให้กับชวีเอวี๋ยน และที่สำคัญคือ มันได้กลายเป็นทังโกะโนะเซ็คคุ ซึ่งเป็นประเพณีที่จะสวดมนต์เพื่อความสงบสุขของประเทศไปในที่สุดค่ะ
กลายเป็นงานเทศกาลแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ
การฉลองทังโกะโนะเซ็คคุครั้งแรกในญี่ปุ่นเริ่มขึ้นในสมัยนาระ มีการจัดพิธีเพื่อขับไล่ภัยพิบัติ และในวัง ดอกโชบุ (หรืออายาเมะ ดอกไอริส) และโยโมกิ (โกฐจุฬาลัมพาญี่ปุ่น) จะถูกนำไปวางไว้ใต้รางน้ำหลังคา เหล่าข้าราชการก็ตกแต่งรัดเกล้าด้วยดอกโชบุ และแขวนลูกบอลที่ทำจากใบโชบุบนเสากันค่ะ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแสดงความกล้าอย่างเช่นการยิงธนูบนม้าและการแข่งม้าเพื่อขับไล่วิญญาณร้ายที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรม ในภาคเอกชน โชบุจะถูกวางไว้ใต้รางน้ำหลังคา และเด็กๆ จะดึงคันธนูขนาดเล็ก และการแข่งปาหินที่เรียกว่า อินจิ (印地 / Inji) ก็ถูกนำมาปฏิบัติกันอย่างขันแข็งค่ะ
ในสมัยเอโดะ วันสำคัญทางพิธีกรรมของรัฐบาลโชกุนโทคุงาวะถูกแต่งตั้งเป็นวันที่ 5 พฤษภาคม ดังนั้น ทังโกะโนะเซ็คคุที่ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบันจึงกลายเป็นกิจกรรมที่ยังคงมีอยู่ในประเพณีญี่ปุ่นค่ะ ตามกาลสมัย ทังโกะโนะเซ็คคุก็ได้กลายเป็นวันที่ฉลองการเกิดและการเติบโตของเด็กผู้ชายไปในที่สุดค่ะ
ทำไมคนญี่ปุ่นถึงฉลองวันเด็กในวันที่ "5 พฤษภาคม"?
แล้วการจัดวันเด็กในวันที่ 5 พฤษภาคมนั้นมีที่มาจากไหนล่ะ? เหตุผลจะชัดเจนเมื่อเราพิจารณาความหมายของทังโกะโนะเซ็คคุซึ่งเป็นที่มาของวันนี้ค่ะ
ทังโกะโนะเซ็คคุ หมายถึง "การปัดรังควานในวัน 'มะแม' (午の日 / uma no hi) แรกของเดือนพฤษภาคม" แล้วทำไมวัน 'มะแม' ถึงเป็นวันที่ 5 ล่ะ? ข้อแรกเลยคือเพราะเสียงฟังดูเป้นมงคล และ '午' (uma - ปีม้าในปีนักษัตร มะแม) สามารถอ่านเป็น 'go' (五) ซึ่งหมายถึง 'ห้า' ก็ได้ค่ะ
ด้วยเหตุผลที่ว่ามานี้ จึงได้มีการตัดสินใจให้วันที่ 5 พฤษภาคมเป็นวันทังโกะโนะเซ็คคุและวันเด็ก ในปี 1948 ก็ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการว่าเป็นวันหยุดประจำชาติในประเทศญี่ปุ่นค่ะ
กิจกรรมที่ทำกันในวันเด็ก?
มาต่อกันที่การใช้เวลาในวันเด็กค่ะ คงคิดว่าต้องมีกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ที่ต้องทำในวันเด็กซึ่งเป็นประเพณีสำหรับบางครอบครัวใช่มั้ยค่ะ ในที่นี้ เราจะมาแนะนำ 3 กิจกรรมที่เป็นตัวอย่างในการใช้เวลาในวันเด็กค่ะ ลองมาค้นหาแนวคิดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของแต่ละกิจกรรมกันนะคะ
ตกแต่งด้วยธงปลาคาร์ป โคอิโนโบริ เพื่ออวยพรให้ประสบความสำเร็จ
เมื่อพูดถึงวันเด็ก คนส่วนใหญ่จะนึกถึงโคอิโนโบริ (ธงปลาคาร์ป) ก่อนเป็นอย่างแรกค่ะ
โคอิโนโบรินั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาให้เด็กๆ ประสบความสำเร็จในชีวิต ปลาคาร์ปเป็นปลาที่มีพลังชีวิตมาก มีตำนานที่เกี่ยวข้องกับการเกิดของโคอิโนโบริที่เกี่ยวข้องกับปลาคาร์ปอยู่ด้วยค่ะ
ในสมัยก่อน มีน้ำตกที่รุนแรงชื่อว่าริวมง (竜門 / Ryumon) อยู่ที่ทางต้นน้ำของแม่น้ำเหลืองในประเทศจีน กล่าวกันว่าปลาคาร์ปที่สามารถปีนขึ้นน้ำตกที่แสนยากลำบากนี้ได้จะเปลี่ยนร่างกลายเป็นมังกรบินขึ้นสู่สวรรค์ ดังนั้น ปลาคาร์ปก็จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จในชีวิตค่ะ
วัฒนธรรมการประดับธงปลาคาร์ป (โคอิโนโบริ) ก็ได้รับความนิยมในช่วงสมัยเอโดะ เชื่อกันว่าเริ่มต้นมาจากชาวเมืองที่ทำธงปลาคาร์ปเพื่อแข่งขันกับธงของตระกูลซามูไรค่ะ
สิ่งที่ประดับไว้บนสุดเหนือปลาคาร์ปที่มีสี 5 สีนั้น มาจากปรัชญาของธาตุทั้งห้าในจีนโบราณ และมีจุดประสงค์เพื่อขับไล่วิญญาณร้ายค่ะ
ประดับบ้านด้วยตุ๊กตาโกะกัตสึนินเกียวเพื่อคุ้มภัย
การประดับธงปลาคาร์ปด้านนอกและประดับบ้านด้วยตุ๊กตาซามูไรภายในบ้านเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมวันเด็กในเดือนพฤษภาคมค่ะ
ตุ๊กตาซามูไรเหล่านี้ที่เรียกว่า 'โกะกัตสึนินเกียว' (五月人形 / Gogatsu Ningyo) นั้นใส่ความหมายและความปรารถนาเพื่อปกป้องเด็กจากภยันตรายค่ะ ตุ๊กตามีเครื่องมือที่อาจหาญเช่นหมวกเหล็กคาบูโตะ ธนู และดาบ ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นสัญลักษณ์ของนักรบ และที่มาของการจัดเครื่องประดับเช่นนี้ก็มีมาตั้งแต่สมัยคามาคุระและสมัยมุโรมาจิที่เหล่านักรบซามูไรค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นค่ะ การตกแต่งบ้านด้วยชุดเกราะโยโรอิและหมวกคาบูโตะเพื่อเป็นการบำรุงรักษาอุปกรณ์โดยการให้ลมพัดผ่านเอาความชิ้นและฝุ่นออกไปก็ได้กลายเป็นธรรมเนียมขึ้นมาค่ะ
สำหรับนักรบซามูไร หมวกและเกราะเหล่านี้เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ป้องกันตัวเอง ดังนั้น ตุ๊กตาโกะกัตสึนินเกียวจึงมีความหมายที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความปรารถนาที่จะ "คุ้มครองลูกของตน" ค่ะ
อาบน้ำในอ่างน้ำอุ่นโชบุยุเพื่ออธิษฐานเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย
ในวันเด็กการอาบน้ำที่รักษาความเหนื่อยล้าในแต่ละวันก็กลายเป็นสิ่งพิเศษที่แตกต่างจากวันธรรมดาค่ะ
แช่ในอ่างน้ำอิริสที่เรียกว่า "โชบุยุ" (菖蒲湯 / shoubuyu) และทำร่างกายและจิตใจให้อุ่นขึ้น โชบุยุนี้เป็นประเพณีที่ได้รับการสืบทอดมามากกว่า 1,000 ปี โดยปรารถนาให้ชีวิตของลูกปราศจากโรคร้ายและภัยพิบัติค่ะ
อิริสนั้นมีกลิ่นเฉพาะตัวที่แรงใช่ไหมคะ? กลิ่นนี้เชื่อกันว่าสามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้าย ซึ่งทำให้เกิดวัฒนธรรมโชบุยุค่ะ นอกจากนี้ "菖蒲" (Shoubu / โชบุ - ไอริส) ยังทำให้คนญี่ปุ่นนึกถึงคำว่า "การแข่งตัดสิน" (勝負 / Shoubu) และ "ศิลปะการต่อสู้" (尚武 / Shoubu) ด้วยค่ะ จากความเป็นมงคลเหล่านี้ ก็ยังมีการใส่ความปรารถนาให้เด็กๆ โตขึ้นอย่างมีสุขภาพดีด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ไอริสยังมีผลดีต่างๆ เช่น ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด ผ่อนคลาย และป้องกันอาการปวดไหล่และปวดหลัง ถ้าคุณแช่น้ำในอ่างอาบน้ำไอริสหรือโชบุยุนี้ ทั้งครอบครัวก็คงจะสดชื่นเป็นแน่ค่ะ
อาหารอะไรที่ถือว่าเป็นมลคลที่ควรรับประทานในวันเด็ก?
หลังจากที่คุณได้ประดับ 'โคอิโนโบริ' ตกแต่งตุ๊กตา 'โกะกัตสึนินเกียว' และแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ 'โชบุยุ' แล้ว ก็คงจะรู้สึกหิวกันแล้วสินะคะ อาหารที่รับประทานกันทุกวันนั้นก็อร่อยอยู่แล้ว แต่จริงๆ แล้วยังมีอาหารที่ถือว่าจะนำโชคมาให้เมื่อรับประทานในวันเด็กค่ะ และเนื่องจากวันนี้เป็นวันเด็กที่พิเศษ ลองทานอาหารที่เรากำลังจะแนะนำเพื่อนำโชคดูก็ดีนะคะ
คาชิวะโมจิซึ่งช่วยสืบสายเลือดของตระกูลไม่ให้ขาดสาย
เมื่อพูดถึงอาหารตัวแทนแห่งวันเด็ก ก็คงหนีไม่พ้นคาชิวะโมจิ (柏餅 / Kashiwa Mochi - โมจิใบต้นโอ๊ค) ค่ะ
วัฒนธรรมในการรับประทานคาชิวะโมจินั้นเกิดขึ้นในสมัยเอโดะค่ะ ในสมัยนั้น "มิโสะอัน" (味噌餡 / Miso-an - ถั่วแดงกวนผสมมิโสะ) และ "ชิโอะอัน" (塩餡 / Shio-an - ถั่วแดงกวนรสเค็ม) ก็กำลังเป็นกระแสนิยมค่ะ
ต้นคาชิวะหรือต้นโอ๊คนั้นจะยังไม่ผลัดใบแม้แต่ในช่วงฤดูหนาวค่ะ และยังมีลักษณะเฉพาะตรงที่จะผลัดใบให้ร่วงก็ต่อเมื่อเริ่มมีการงอกใบใหม่ค่ะ นั่นก็คือ ต้นโอ๊คได้ถูกยกให้เป็นต้นไม้มงคลเพราะจะไม่ผลัดใบจนกว่าจะมีผู้สืบทอดต่อไปมาก่อนค่ะ
จากใบคาชิวะและข้าวตำโมจิซึ่งจำเป็นสำหรับพิธีกรรม ก็ก่อให้เกิดคาชิวะโมจิขึ้นมาค่ะ ความปรารถนาให้เด็กผู้ชายโตขึ้นอย่างแข็งแรงและมีผู้สืบสายเลือดเกิดขึ้นมาอย่างปลอดภัยก็ถูกถ่ายทอดไว้ในคาชิวะโมจิค่ะ
ใบคาชิวะไม่ได้เป็นเพียงแค่ของตกแต่งนะคะ อาจเรียกได้ว่าเป็นตัวละครหลักในเงามืดก็ยังได้ค่ะ
"ชิมากิ" สัญลักษณ์แห่งความภักดี
หลายครัวเรือนยังนำชิมากิ (ちまき / chimaki - บ๊ะจ่าง) มาเสิร์ฟเรียงบนโต๊ะอาหารกันในวันเด็กด้วยค่ะ
ชื่อ "ชิมากิ" นั้นมาจากการที่มันถูกห่อด้วยใบของพืชที่เรียกกันว่า "ชิกายะ" (茅 / chigaya - ฟางมุงหลังคา เช่นใบจาก หญ้าแฝก) ในยุคโบราณมันถูกเรียกว่า "ชิกายะมากิ" (茅まき / chigayamaki) คำว่า "茅" สามารถอ่านเป็น "ชิ" ได้ด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ชื่อ "ชิมากิ" ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายค่ะ
วัฒนธรรมของชิมากิหรือบ๊ะจ่างนั้น มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับชวีเอวี๋ยนซึ่งเป็นบุคคลในประเทศจีนสมัยโบราณซึ่งเราได้แนะนำไปแล้วในที่มาของเทศกาลทังโกะโนะเซ็คคุค่ะ ด้วยความที่ชวีเอวี๋ยนเป็นผู้ที่มีความภักดีสูง ได้รับความไว้วางใจจากทั้งกษัตริย์และประชาชน บ๊ะจ่างหรือชิมากิที่ถูกโยนลงในแม่น้ำเพื่อป้องกันร่างกายของชวีเอวี๋ยนจากปลาที่จะมากัดกินก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความภักดีค่ะ
ในสังคมปัจจุบัน มีหลายสถานการณ์ที่ต้องการความภักดี ความผูกพัน และความรู้สึกนึกคิดอย่างมนุษย์ค่ะ ในขณะที่กินชิมากิ อาจจะเป็นความคิดที่ดีที่จะระลึกถึงชวีเอวี๋ยนที่ได้รับความชื่นชมจากผู้คนมากมาย และเป็นโอกาสในการคิดเรื่องความภักดีค่ะ
"ซุซุกิและบุริ" ปลาแห่งการเลื่อนขั้น
ยังมีอาหารมงคลอื่นๆ สำหรับวันเด็กด้วยค่ะ ปลากระพง (スズキ / Suzuki / ซุซุกิ) และปลาหางเหลือง (ブリ / Buri / บุริ) ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก มีเหตุผลที่เหมือนกันสำหรับปลาทั้ง 2 ประเภทนี้ ทั้งคู่ถือว่าเป็น "ปลาแห่งการเลื่อนขั้น" ค่ะ
"ปลาแห่งการเลื่อนขั้น" หมายถึงปลาที่เปลี่ยนชื่อของตัวเองตามการเติบโต ชื่อของปลากระพงและปลาหางเหลืองเปลี่ยนไปดังนี้ค่ะ:
・ค็ปปะ (コッパ / Koppa)→เซโงะ (セイゴ / Seigo)→ฟุกโกะ (フッコ / Fukko)→ซุซุกิ (スズキ / Suzuki)
・วาคาชิ (ワカシ / Wakashi)→อินาดะ (イナダ / Inada)→วาราสะ (ワラサ / Warasa)→บุริ (ブリ / Buri)
แล้วทำไมการเปลี่ยนชื่อจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการเลื่อนขั้นล่ะ? เหตุผลนั้นเกี่ยวข้องกับประเพณีของซามูไรและนักวิชาการที่มีประเพณีในการเปลี่ยนชื่อเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่งหรือเมื่อพวกได้รับการเลื่อนตำแหน่ง จากสถานการณ์ที่ว่านี้ ปลากระพงและปลาหางเหลือง หรือ "ปลาแห่งการเลื่อนขั้น" จึงได้กลายเป็นอาหารที่เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวันเด็กไปค่ะ
นอกจากนี้ ปลาคัตสึโอะ (カツオ / Katsuo) ยังถือว่าเป็นสิ่งมงคลเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับคำว่า "ชายผู้มีชัยชนะ" (勝男 / Katsu-otoko หรืออ่านว่า Katsuo ก็ได้)
กิจกรรมและเทศกาลที่จัดขึ้นในวันเด็ก
สุดท้าย เราจะมาแนะนำกิจกรรมและเทศกาลที่จัดขึ้นทุกปีในวันเด็กค่ะ หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวันเด็ก อ่านไว้เป็นข้อมูลก็ดีนะคะ การไปร่วมงานกันทั้งครอบครัวก็จะสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจอย่างแน่นอนค่ะ
【กรุงโตเกียว】โตเกียวทาวเวอร์ "Koinobori" 333 ตัว และ "Sanma-nobori" ขนาดยักษ์
โตเกียวทาวเวอร์จัดงานที่มีธงปลาคาร์ปที่มีจำนวน 333 ตัวแหวกว่ายน้ำในท้องฟ้า ตรงกับความสูงของทาวเวอร์ที่มีความสูง 333 เมตรค่ะ
นอกจากนี้ยังมีซัมมะโนโบริที่มีรูปร่างเหมือนปลาซัมมะที่ยาวประมาณ 6 เมตร อาจจะสงสัยกันสินะคะว่าทำไมถึงเป็นปลาซัมมะ (サンマ / Sanma) จริงๆ แล้วธงปลาซัมมะนี้มีข้อความและการส่งเสริมให้กำลังใจในการสร้างสรรค์ใหม่ของอำเภอโอฟุนาโตะในจังหวัดอิวาเตะค่ะ
งานพิเศษในวันเด็กที่มีคนมากมายทุกปีนี้จัดขึ้นที่ประตูหน้าหลักชั้น 1 ของโตเกียวทาวเวอร์ นอกจากนี้ยังมีการจัดไฟประดับให้กับธงปลาคาร์ปในช่วงเวลางานเพื่อให้คุณสามารถสนุกสนานไม่ว่าจะเป็นในช่วงกลางวันหรือหลังตกเย็นค่ะ ลองไปสนุกกับมุมมองที่แตกต่างกันในช่วงวันและกลางคืนดูก็ดีนะคะ
【กรุงโตเกียว】MIDTOWN OPEN THE PARK
ที่ Tokyo Midtown จัดกิจกรรมที่คุณสามารถใช้เวลาอย่างสนุกสนานในบรรยากาศไม้ผลิใบใหม่สีเขียวสดใสค่ะ
ที่ลานหญ้า มีการวางแผนให้มีกิจกรรมโยคะ Mid-Park และทัวร์ Green & Bird สำหรับผู้ปกครองและเด็ก ทั้งสองกิจกรรมนี้สามารถเข้าร่วมได้ฟรีค่ะ
นอกจากนี้ ในการฉลองวันเด็ก ยังมีการตกแต่งด้วยธงปลาคาร์ปที่ทำให้กิจกรรมดูมีชีวิตชีวา ในชื่อ "Art Koinobori" ดีไซเนอร์และศิลปินทั้งในและต่างประเทศประมาณ 100 คนจะออกแบบธงปลาคาร์ปเฉพาะตัวด้วยธีม "การอวยพรให้เด็กๆ เติบโต" ปลาคาร์ปที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครนั้นคุ้มค่าแก่การชมค่ะ
สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์กับธงปลาคาร์ปที่แหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้าอย่างใกล้ชิด เราขอแนะนำ "Koinobori Kuguri" คุณสามารถเข้าไปในธงปลาคาร์ปขนาดยักษ์ที่มีความยาวรวมประมาณ 25 เมตรและเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 เมตร ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็ต้องพึงพอใจอย่างแน่นอนค่ะ
【จังหวัดคานากาว่า】เทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่ Kodomo no Kuni
ที่ Kodomo no Kuni จะมีกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากผู้ปกครองและเด็กๆ มีกิจกรรมที่สามารถเข้าร่วมได้มากมายในเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่ Kodomo no Kuni ดังนั้นคุณสามารถสนุกกับกิจกรรมต่างๆ เช่น กิจกรรมออกกำลังกายและงานฝีมือค่ะ
ใน "Nature Stamp Bingo" คุณสามารถสะสมตราสัญลักษณ์บนบิงโกการ์ดของคุณและสำรวจสวนสีเขียวสดใสได้ ใน "Try Street Performance" คุณสามารถไปลองท้าทายกับการจั๊กกลิ้ง เช่น การโยนบอล ดิอาโบโล และการหมุนจาน ใน "Make a Kabuto" คุณสามารถลองทำหมวกคาบูโตะขนาดใหญ่ที่คุณสามารถสวมใส่บนศีรษะได้ นอกจากนี้ "Performance Show" ที่คุณสามารถสนุกกับการแสดงสตรีทเพอร์ฟอร์มแนนซ์จากนักแสดงและ "Hero Show" ที่สามารถส่งเสียงเชียร์อย่างร้องแรงได้ก็จะถูกจัดขึ้นเช่นกันค่ะ
ถ้าคุณเข้าร่วมงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของ Kodomo no Kuni นี้ คุณจะสามารถสร้างความทรงจำมากมายกับครอบครัวได้ค่ะ โปรดทราบว่าบางกิจกรรมอาจถูกยกเลิกในกรณีที่ฝนตกนะคะ
【จังหวัดกุนมะ】เทศกาล Tatebayashi Koinobori no Sato
ถ้าคุณต้องการที่จะสัมผัสกับงาน Koinobori ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เราขอแนะนำเทศกาล Tatebayashi Koinobori Village งานนี้ได้ตั้งสถิติโลกกินเนสในเดือนพฤษภาคมของปีเฮเซมี่ 17 (ค.ศ. 2005) โดยการประดับโคอิโนโบริจำนวน 5,283 ตัว มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะเห็นธงปลาคาร์ปที่แหวกว่ายบนท้องฟ้าจำนวนมากมากได้ในคราวเดียวค่ะ ต่อให้ลองหาที่อื่นทั่วญี่ปุ่นก็อาจไม่พบค่ะ
รากฐานของงานโคอิโนโบริขนาดใหญ่นี้สามารถย้อนรอยไปยัง "Murota Doll Shop" ร้านขายตุ๊กตาได้ค่ะ ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อทางร้านเริ่มประดับธงปลาคาร์ปขนาดเล็กบนเชือกยาวหนึ่งเมตรที่หน้าร้านในช่วงฤดูขายตุ๊กตาในเดือนพฤษภาคม และมันได้พัฒนาเป็นงานท้องถิ่นขนาดใหญ่ในที่สุดค่ะ
หากคุณเยี่ยมชมในช่วง "Tatebayashi Sakura Festival" (จากต้นเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน) คุณสามารถสนุกสนานกับทั้งดอกซากุระและธงปลาคาร์ปได้พร้อมกัน ซึ่งเราแนะนำอย่างยิ่งค่ะ
สรุป
ในครั้งนี้ เราได้นำเสนอข้อมูลมากมาย ตั้งแต่ความหมายและที่มาของวันเด็ก ไปจนถึงกิจกรรมและเทศกาลที่จัดขึ้นในวันเด็กค่ะ
วันเด็กเต็มไปด้วยความปรารถนาที่หลากหลายสำหรับสุขภาพและความสำเร็จของเด็กๆ พลังงานที่เชิงบวกเช่นนี้กระจายไปทั่วชุมชน และมีกิจกรรมและเทศกาลที่เกี่ยวข้องจำนวนมากที่จัดขึ้นทั่วญี่ปุ่นค่ะ
Comments