FUN! JAPAN PR

เส้นทางแนะนำสำหรับทริป 4 วัน 3 คืน อิวาเตะ และอาโอโมริ ในบริเวณโทโฮคุ "เที่ยวญี่ปุ่นมุมใหม่... กิจกรรมสุดประทับใจ" : เพลิดเพลินกับฤดูหนาว... ชมหนึ่งในสามถ้ำหินปูนที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น สนุกไปกับสกีและสโนว์บอร์ด และนั่งรถไฟเตาผิงสายซึการุ!

  • 13 มีนาคม 2023
  • Angie CHENG

ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku)

ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ของประเทศญี่ปุ่นนั้นประกอบด้วย 6 จังหวัด ได้แก่ อาโอโมริ (Aomori), อิวาเตะ (Iwate), อาคิตะ (Akita), ยามากาตะ (Yamagata), มิยางิ (Miyagi) และฟุคุชิมะ (Fukushima) เนื่องจากมีสภาพอากาศและภูมิประเทศที่เอื้ออำนวย ทำให้ที่นี่มีผลไม้ที่สดใหม่ อาหารทะเลรสเลิศ และธรรมชาติที่สวยงามที่ไม่สามารถหาดูที่อื่นได้

โครงการ "เที่ยวญี่ปุ่นมุมใหม่... กิจกรรมสุดประทับใจ" โดยองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น จะนำเสนอเส้นทางแนะนำของแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้คุณสามารถสนุกสนานได้เมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเคยมาแล้วหรือมาเที่ยวเป็นครั้งแรกก็ตาม ในครั้งนี้เราจะขอนำเสนอเส้นทางแนะนำสำหรับทริป 4 วัน 3 คืน ที่อิวาเตะ (Iwate) และอาโอโมริ (Aomori) ในบริเวณโทโฮคุ มาดูกันเลย!

เส้นทางแนะนำ "โทโฮคุประเทศญี่ปุ่น - อิวาเตะ, อาโอโมริ"


Day1

พระโพธิสัตว์กวนอิมใหญ่แห่งเมืองคามะอิชิ ⇒ ชายหาดโจโดงาฮามะ ⇒ พักแรมที่เมืองมิยาโกะ

Day 2

เมืองมิยาโกะ ⇒ มื้อเที่ยง (บินดง) ⇒ ถ้ำริวเซ็นโด ⇒ พักแรมบริเวณสถานีโมริโอกะ

Day 3
 
สถานีโมริโอกะ ⇒ กิจกรรมระบายสีเครื่องเขินด้วยวิธีของอัปปิ (พิพิธภัณฑ์ฮะจิมันไต) ⇒ ลานสกีอัปปิ โคเก็น ⇒ พักแรมที่อัปปิ โคเก็น

Day 3
ขอแนะนำเส้นทางนี้ด้วย!

อัปปิ โคเก็น ⇒ ปั่นจักรยานเสือภูเขาชมที่ราบสูงฮะจิมันไตและอัปปิ โคเก็น ⇒ พักแรมที่เมืองโมริโอกะ

Day 4

เมืองโมริโอกะ ⇒ พิพิธภัณฑ์เนบุตะ วะ รัสเซะ ศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจังหวัดอาโอโมริ ⇒ รถไฟเตาผิงสายซึการุ ⇒ ชาโยคัง พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์โอซามุ ดะไซ ⇒ พักแรมที่เมืองอาโอโมริ

ไปสู่โลกแห่งหิมะสีเงินโดยรถไฟเตาผิง

https://www.japan.travel/th/th/japan-activities/tohoku/itineraries-3/

เที่ยวญี่ปุ่นมุมใหม่... กิจกรรมสุดประทับใจ

https://www.japan.travel/th/th/japan-activities/

บริเวณอิวาเตะ

[สถานที่ท่องเที่ยว] พระโพธิสัตว์กวนอิมใหญ่แห่งเมืองคามะอิชิ (Kamaishi Daikannon Statue): สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคู่รักที่ถูกปกป้องโดยพระโพธิสัตว์กวนอิมใหญ่ที่มองออกไปยังทะเล

พระโพธิสัตว์กวนอิมใหญ่แห่งเมืองคามะอิชิ (Kamaishi Daikannon Statue)

"พระโพธิสัตว์กวนอิมใหญ่แห่งเมืองคามะอิชิ (Kamaishi Daikannon Statue)" เป็นรูปปั้นสีขาวบริสุทธิ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิมเกียวรัน โดยตั้งอยู่บนที่สูงที่คาบสมุทรคามะซากิเมืองโอฮิระซึ่งสามารถมองเห็นอ่าวคามะอิชิทั้งหมดได้ รูปปั้นนี้มีความสูงถึง 48.5 เมตร และเป็นหนึ่งใน "รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม 33 องค์"

ภายในรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมจะถูกแบ่งเป็น 13 ชั้น และมีการประดิษฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม 33 องค์ และเทพเจ้าแห่งความโชคดีทั้งเจ็ดอีกด้วย นอกจากนี้ เนื่องจากมีพื้นที่สำหรับชมวิวที่ชั้น 11 และ 12 ทำให้ไม่เพียงแต่จะสามารถเพลิดเพลินไปทิวทัศน์ของทะเล ท้องฟ้าสีคราม และรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมจากภายนอกเท่านั้น แต่ผู้ที่เดินทางมาสักการะยังสามารถเข้าไปด้านใน และขึ้นไปชมทิวทัศน์ของทะเลที่สวยงามได้อีกด้วย

ภายในบริเวณยังมีจุดให้ถ่ายรูปอีกมากมาย และมีเครื่องราง (Omamori/โอมาโมริ) และเซียมซีญี่ปุ่น (Omikuji/โอมิคุจิ) ที่ไม่เหมือนที่อื่นอีกด้วย อย่าลืมมาแวะที่นี่!

พระโพธิสัตว์กวนอิมใหญ่แห่งเมืองคามะอิชิ (Kamaishi Daikannon Statue)

พระโพธิสัตว์กวนอิมใหญ่แห่งเมืองคามะอิชิ (Kamaishi Daikannon Statue)

  • ที่อยู่: 3-9-1 Ohira-cho, Kamaishi City, Iwate Prefecture
  • เวลาทำการ: 9:00-17:00 เวลาทำการแตกต่างกันไปในแต่ฤดู
  • การเดินทาง: นั่งรถบัสอิวาเตะเคงโคซือจากสถานีคามะอิชิ ไปลงที่ "คามะอิชิไดคันนงอิริกุจิ" หรือ"คันนงอิริกุจิ" และเดินประมาณ 10 นาที
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: http://kamaishi-daikannon.com/

[สถานที่ท่องเที่ยว] ชายหาดโจโดงาฮามะ (Jodogahama Beach): ทิวทัวศ์สุดอลังการ "ดุจดั่งสรวงสวรรค์"

ชายหาดโจโดงาฮามะ (Jodogahama Beach)

"ชายหาดโจโดงาฮามะ (Jodogahama Beach)" ตั้งอยู่ที่เมืองมิยาโกะ (Miyako) จังหวัดอิวาเตะ และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติซันริคุ ฟุคโค (Sanriku Fukko National Park) คุณสามารถพลาดเพลินไปกับลักษณะทางธรณีวิทยาที่มีเอกลักษณ์ และทิวทัศน์ของทะเลสีฟ้าใสสะอาด ที่นี่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติในฐานะวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ในฤดูร้อนก็สนุกไปกับชายหาดที่ได้รับความนิยมจากผู้คนในท้องถิ่น และในฤดูหนาวก็สามารถชมทิวทัศน์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะซึ่งดูแปลกตาได้อีกด้วย

นอกจากจะสามารถนั่งเรือท่องเที่ยวและเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์สุดอลังการของชายฝั่งเว้าแหว่งจากบนดาดฟ้าเรือที่กว้างขวางได้ที่ชายหาดโจโดงาฮามะแล้ว ยังสามารถนั่งเรือซัปปะ (Sappa bune/เรือขนาดเล็ก) และเข้าไปชม "ถ้ำสีฟ้า (Ao no doukutsu)" อย่างใกล้ชิดได้อีกด้วย เมื่อถูกล้อมรอบด้วยทะเลสีฟ้ามรกตอันสวยงามแล้วละก็ คุณจะต้องรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกอีกแห่งหนึ่งอย่างแน่นอน!

ชายหาดโจโดงาฮามะ (Jodogahama Beach)

ชายหาดโจโดงาฮามะ (Jodogahama Beach)

  • ที่อยู่: 32-69 Hitachihama-cho, Miyako City, Iwate Prefecture
  • การเดินทาง: นั่งรถบัสอิวาเตะคิตะจากสถานีมิยาโกะ ไปลงที่ "โอคุโจโดงาฮามะ"
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://www.city.miyako.iwate.jp/kanko/jyoudogahama.html

[อาหารรสเลิศ] บินดง (Bindon): ของขึ้นชื่อใหม่ของมิยาโกะ ที่สามารถลิ้มรสข้าวหน้าปลาดิบ (Kaisendon) และโอฉะสึเกะ (Ochazuke/ข้าวราดน้ำชา) ได้พร้อมกันในทีเดียว

 บินดง (Bindon)

เป็นเรื่องปกติที่จะเก็บรักษาอาหารทะเลต่างๆ เช่น หอยเม่นที่เพิ่งจับมาสดๆ ในขวดนมที่ใส่น้ำทะเลที่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วที่บริเวณชายฝั่งของจังหวัดอิวาเตะ และเนื่องจากมีรสชาติความอร่อยสดใหม่ที่สามารถลิ้มรสได้เพียงแค่ที่นี่เท่านั้น ทำให้อาจกล่าวได้ว่าเป็นของขึ้นชื่อของมิยาโกะอีกด้วย

วิธีการกินที่ไม่เหมือนใครนี้เป็นที่มาของ "บินดง (Bindon)" ซึ่งเป็นอาหารที่นำวัตถุดิบตามฤดูกาลของมิยาโกะมาใส่ไว้ในขวดนม โดยจะใช้ปลาแซลมอน ปลาค็อด ไข่ปลาแซลมอน ปลาหมึก และหอยเม่นเป็นหลัก

 บินดง (Bindon)

นตอนแรกให้รับประทานเป็นข้าวหน้าปลาดิบ (Kaisendon) โดยนำส่วนผสมครึ่งหนึ่งมาวางไว้บนข้าว จากนั้นก็ราดซอสโชยุและวาซาบิลงไป หลังจากนั้นก็รับประทานเป็นโอฉะสึเกะ (Ochazuke) โดยนำส่วนผสมที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งใส่ลงไปในชามและราดด้วยน้ำซุปดาชิ แน่นอนว่าสามารถนำมารับประทานตามวิธีที่คุณชอบได้อีกด้วย! เนื่องจากสามารถรับประทานด้วยวิธีต่างๆ ได้พร้อมกันในทีเดียว รับรองว่าคุณจะต้องไม่เบื่ออย่างแน่นอน!

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: สมาคมการท่องเที่ยวและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมมิยาโกะ https://kankou385.jp/special_kiji/4482/

[สถานที่ท่องเที่ยว] ถ้ำริวเซ็นโด (Ryusendo Cave): หนึ่งในสามถ้ำหินปูนที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ดูลึกลับและอลังการ

ถ้ำริวเซ็นโด (Ryusendo Cave)

"ถ้ำริวเซ็นโด (Ryusendo Cave)" เป็นหนึ่งในสามถ้ำหินปูนที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เช่นเดียวกับ "ถ้ำอะคิโยะชิ (Akiyoshido Cave)" ที่จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) และ "ถ้ำริวกะโด (Ryugado Cave)" ที่จังหวัดโคจิ (Kochi) นอกจากนี้ ยังถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานธรรมชาติแห่งชาติพร้อมกับค้างคาวที่อาศัยอยู่ภายในถ้ำอีกด้วย

เนื่องจากน้ำในทะเลสาบใต้ดินภายในถ้ำนั้นมีความใสมาก ทำให้ส่องแสงประกายเป็นสีน้ำเงินสดที่ดูเหมือนดั่งอัญมณีเมื่อส่องด้วยแสงไฟ ถึงแม้ว่าภายในถ้ำจะมีความชื้นสูงและเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวก็ตาม จะมีลูกศรและป้ายบอกทางที่สามารถเข้าใจได้ง่ายจัดไว้อยู่ เพียงแค่เดินตามป้ายนำทางและทำการสำรวจโลกลึกลับแห่งนี้แล้วละก็ คุณจะต้องเข้าใจเสน่ห์ของที่นี่ได้อย่างลึกซึ้งแน่นอน

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะทราบว่าถ้ำนี้มีความยาวทั้งหมด 4,088 เมตร เนื่องจากยังคงอยู่ระหว่างการสำรวจทำให้มีส่วนที่ยังไม่ถูกค้นพบมากมาย กล่าวกันว่าถ้ำนี้มีความยาวมากกว่า 5,000 เมตร โดยจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปชมได้เป็นระยะ 700 เมตร

ถ้ำริวเซ็นโด (Ryusendo Cave):

ถ้ำริวเซ็นโด (Ryusendo Cave)

  • ที่อยู่: 1-1 Aza Kannari, Iwaizumi, Iwaizumi-cho, Shimohei-gun, Iwate Prefecture
  • เวลาทำการ: 8:30-17:00
  • ค่าธรรมเนียม: ผู้ใหญ่ (อายุมากกว่านักเรียนชั้นมัธยมปลายขึ้นไป) 1,100 เยน, อายุต่ำกว่านักเรียนชั้นมัธยมต้น 550 เยน
  • การเดินทาง: นั่งรถบัส JR จากสถานีโมริโอกะ ไปลงที่ "ริวเซ็นโดมาเอะ" (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที)
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: http://www.iwate-ryusendo.jp

[กิจกรรม, ท่องเที่ยว] กิจกรรมระบายสีเครื่องเขินด้วยวิธีของอัปปิ (Appi lacquerware painting) และพิพิธภัณฑ์ฮะจิมันไต (Hachimantai City Museum): สัมผัสประสบการณ์ระบายสีตะเกียบที่ไม่เหมือนใคร ด้วยวิธีการทาสีแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น

Appi Urushi Studio

พื้นที่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ รวมถึงเขตอัปปิ (Appi) เมืองฮะจิมันไต (Hachimantai) นั้น เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตอุรุชิ (Urushi/ยางรัก) ในญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโจมง และยังเป็นแหล่งผลิตเครื่องเขินที่มีคุณภาพสูงไม่ว่าจะเป็นในด้านความโปร่งแสง สีสัน และความแข็งอีกด้วย

"Appi Urushi Studio" ได้สืบทอดวิธีการทำเครื่องเขินแบบดั้งเดิมมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากจะใช้ไม้และอุรุชิที่ทำจากวัสดุธรรมชาติที่ผลิตในประเทศ 100% แล้ว ยังผลิตเครื่องเขิน เช่น เครื่องครัวและจานชามต่างๆ ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเข้ากับการใช้ชีวิตของคนสมัยใหม่อีกด้วย โดยมีเอกลักษณ์คือความเรียบง่ายที่ใช้เมื่อไหร่ก็ไม่เบื่อ นอกจากจะมีสีสวยสดแล้ว ยังมีความทนทานอีกด้วย เหมาะสำหรับให้เป็นของขวัญหรือจะนำไปใช้เองก็ได้

Appi Urushi Studio

ภายในสตูดิโอจะมีการจัดแสดงและขายผลงานต่างๆ ที่สวยงามเหมือนดั่งงานศิลปะด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถร่วมกิจกรรมระบายสีเครื่องเขินแบบอัปปิในแบบของคุณได้อีกด้วย "พิพิธภัณฑ์ฮะจิมันไต (Hachimantai City Museum)" ที่อยู่ติดกันนั้น มีการจัดแสดงโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น วัฒนธรรมระบายสีเครื่องเขินแบบอัปปิ เครื่องปั้นดินเผาที่ขุดพบในพื้นที่ ตุ๊กตาดินเผา และการเกษตรสมัยใหม่

พิพิธภัณฑ์ฮะจิมันไต (Hachimantai City Museum)

พิพิธภัณฑ์ฮะจิมันไต (Hachimantai City Museum)

Appi Urushi Studio

  • ที่อยู่: 230-1 Kamasuda, Hachimantai city, Iwate Prefecture
  • เวลาทำการ: วันอังคาร-วันอาทิตย์ 9:30-17:00
  • วันหยุด: วันจันทร์ (เปิดทำการหากเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์), อาจปิดทำการในวันปีใหม่
  • การเดินทาง: ลงรถไฟที่สถานี JR อาระยะชินมาจิ และเดินประมาณ 10 นาที
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://www.appiurushistudio.com

พิพิธภัณฑ์ฮะจิมันไต (Hachimantai City Museum)

  • ที่อยู่: 230 Kamasuda, Hachimantai city, Iwate Prefecture
  • เวลาทำการ: วันอังคาร-วันอาทิตย์ 9:00-16:30 (เปิดให้เข้าได้ถึง 16:00)
  • วันหยุด: วันจันทร์ (หากเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์จะหยุดในวันถัดไป), หยุดวันปีใหม่ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม ถึง วันที่ 3 มกราคม
  • การเดินทาง: ลงรถไฟที่สถานี JR อาระยะชินมาจิ และเดินประมาณ 10 นาที
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://www.city.hachimantai.lg.jp/site/hachimantaisihakubutsukan/

[กิจกรรม] อัปปิ โคเก็น สกีรีสอร์ต (Appi Kogen Ski Resort): สนุกสนานไปกับสกี สโนว์บอร์ด และเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่สวยงามของแดนหิมะและอนเซ็นธรรมชาติ

อัปปิ โคเก็น สกีรีสอร์ต (Appi Kogen Ski Resort)

"อัปปิ โคเก็น สกีรีสอร์ต (Appi Kogen Ski Resort)" นั้นเป็นลานสกีชื่อดังแห่งหนึ่งของโทโฮคุ นอกจากจะมีพื้นที่ที่กว้างขวางที่มีเส้นทางทั้งหมด 21 คอร์ส ซึ่งมีความยาวทั้งหมดกว่า 43,100 เมตรแล้ว ยังมี "คิดส์แลนด์" สำหรับเด็ก และทัวร์เดินลุยหิมะที่สามารถสังเกตระบบนิเวศน์ในหิมะได้อีกด้วย ทำให้สามารถสนุกสนานได้ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ก็ตาม!

อัปปิ โคเก็น สกีรีสอร์ต (Appi Kogen Ski Resort)

หลังจากเพลิดเพลินไปกับสกีและสโนว์บอร์ดแล้ว ก็ต้องไม่ลืมไปถ่ายรูปเอามาลงอินสตาแกรมด้วย! ขอแนะนำให้ขึ้นกระเช้ากอนโดลาไปชมต้นไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งบนยอดเขาด้วย! ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสจะสามารถชมภูเขาอิวาเตะ และมองเห็นจังหวัดอาโอโมริได้ด้วย ถึงแม้จะไม่สามารถเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดได้ก็ตาม แต่คุณก็สามารถสัมผัสเสน่ห์ของดินแดนหิมะได้ด้วยอากาศที่เย็นสบาย และพาวเดอร์สโนว์ที่เปล่งประกายเมื่อโดนแสงอาทิตย์!

อัปปิ โคเก็น สกีรีสอร์ต (Appi Kogen Ski Resort)

นอกจากนี้ ยังมีโรงแรมของลานสกีตั้งอยู่ภายในบริเวณด้วย โดยมีบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร อนเซ็นธรรมชาติ ไปจนถึงบริการให้เช่าอุปกรณ์สกี ดังนั้นจึงสามารถสนุกสนานไปกับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องพกอุปกรณ์หนักมาด้วย หากคุณอยากสัมผัสความสนุกของการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดแล้วละก็ ต้องมาที่อัปปิ โคเก็น สกีรีสอร์ต (Appi Kogen Ski Resort)!

อัปปิ โคเก็น สกีรีสอร์ต (Appi Kogen Ski Resort)

  • ที่อยู่: Appi Kogen, Hachimantai City, Iwate Prefecture
  • เวลาทำการ: ลิฟท์, กระเช้ากอนโดลา 8:30-17:00 กรุณาตรวจสอบสถานะการทำการที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
  • การเดินทาง: นั่งรถรับส่ง (ไม่ต้องจองล่วงหน้า) จากสถานี JR อัปปิ โคเก็น ไปลงที่ "คราวน์พลาซ่า"

มาเล่นหิมะให้สนุกสุดๆ ในลานหิมะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย

https://www.japan.travel/th/th/japan-activities/activities/418/

[อาหารรสเลิศ] วังโกะโซบะ (Wanko Soba): ของขึ้นชื่อของโมริโอกะ (Morioka) ที่เต็มไปด้วยความสนุก

วังโกะโซบะ (Wanko Soba)

คุณเคยเห็นในรายการวาไรตี้ของญี่ปุ่นไหม? วังโกะโซบะ (Wanko Soba) เป็นอาหารชนิดหนึ่งซึ่งพนักงานจะเติมโซบะขนาดพอดีคำใส่ในชามให้กับลูกค้าพร้อมกับส่งเสียงให้สัญญาณอย่างต่อเนื่อง และชามที่กินเสร็จแล้วจะถูกนำมาวางเรียงซ้อนกันตรงหน้าจนสูง โดยพนักงานจะไม่หยุดเสิร์ฟโซบะจนกว่าเราจะบอกให้หยุด!

วังโกะโซบะ (Wanko Soba) เป็นอาหารสำหรับ "การต้อนรับแขก (Omotenashi)" แบบอิวาเตะ หากรับประทาน 15 ชามก็จะเท่ากับโซบะสำหรับ 1 ที่ คุณสามารถลิ้มรสชาติได้หลากหลายแบบโดยใส่เครื่องปรุงต่างๆ เช่น ซาชิมิปลามากุโระ, นาเมโกะโอโรชิ (Nameko oroshi), วาซาบิ (Wasabi), สาหร่ายทะเล (Nori), งา, อิชโชสึเกะ (Isshozuke) และต้นหอม หากน้ำซุปจะเริ่มเต็มชามแล้วก็ไม่จำเป็นต้องก็ไม่ต้องซดให้หมดชาม คุณสามารถเทใส่ลงไปในชามบนโต๊ะได้ มาสนุกไปกับการกินตามจังหวะของคุณ การปิดฝาชามให้พนักงานเห็นจะเป็นสัญญาณบอกให้ "หยุด" เมื่อคุณรู้สึกอิ่มแล้ว กรุณาทานโซบะที่อยู่ในชามให้หมดก่อนแล้วค่อยปิดฝา

วังโกะโซบะ (Wanko Soba)

แต่พอไปจริงๆ แล้ว ก็ถูกพนักงานกระตุ้นให้กินอีกเรื่อยๆ จนกลายเป็นการแข่งขันว่าเราจะปิดฝาเร็วกว่าพนักงานหรือพนักงานจะเติมโซบะเร็วกว่ากัน สุดท้ายแล้วก็กินไปถึง 46 ชาม ซึ่งเท่ากับโซบะ 3 ทีเลยทีเดียว! เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมาก! สำหรับผู้ที่สนใจ ขอแนะนำให้ไปที่ร้านวังโกะโซบะชื่อดัง "อาซึมายะ (Azumaya)" ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีโมริโอกะ!

ร้านโซบะ อาซึมายะ (Azumaya)

  • ที่อยู่: 2F 8-11 Morioka Station Street, Morioka City, Iwate Prefecture (ทางเดินใต้ดินเชื่อมกับสถานี ทางออก A1)
  • เวลาทำการ: ช่วงกลางวัน 11:00-15:00, ช่วงเย็น 17:00-19:00L.O.
  • การเดินทาง: เดินประมาณ 2 นาทีจากสถานี JR โมริโอกะ
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://wankosoba.jp

บริเวณอาโอโมริ

[สถานที่ท่องเที่ยว] "พิพิธภัณฑ์เนบุตะ วะ รัสเซะ (Nebuta Museum Wa Rasse)" ศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจังหวัดอาโอโมริ (Aomori Prefecture's cultural and tourism exchange facility): เทศกาลฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโทโฮคุ

"เทศกาลเนบุตะของอาโอโมริ (Aomori’s Nebuta Festival)" จะถูกจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ถึงวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี กล่าวกันว่าเกิดจากการรวมตัวกันของการลอยโคมในแม่น้ำ (Toro nagashi/โทโรนากาชิ) ในเทศกาลทานาบาตะของจีน และ ประเพณี "เนมุรินากาชิ (Nemuri nagashi)" ของภูมิภาคโทโฮคุ

เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง จึงมีประเพณีในการขับไล่เนบุตะ (ความง่วง) ซึ่งเป็นอุปสรรคในการทำการเกษตรในฤดูร้อนที่นี่ และทำให้เกิดเทศกาลเนบุตะขึ้นมา โดยในทุกปีจะมีการสร้างโคมเนบุตะขนาดใหญ่มากกว่า 20 ตัว และจะนำไปแห่ในงานเทศกาลพร้อมกับการร้องเพลงและเต้นรำ

คุณสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเทศกาลเนบุตะ วิธีการสร้างโคม และชมโคมเนบุตะที่ได้รับรางวัลในแต่ละปีได้อย่างใกล้ชิดที่ "พิพิธภัณฑ์เนบุตะ วะ รัสเซะ (Nebuta Museum Wa Rasse)" ศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจังหวัดอาโอโมริ (Aomori Prefecture's cultural and tourism exchange facility) นอกจากโคมเนบุตะจะเป็นดูเป็นทรงสามมิติ มีสีสันที่สดใส และดูทรงพลังแล้ว ยังบอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์และตำนานต่างๆ อีกด้วย และเนื่องจากสามารถชมได้จาก 360 องศา ทำให้ดูน่าสนใจมากเลย!

และคุณยังสามารถซื้อ เช่น เสื้อยืด กระเป๋าผ้า มาส์กลายเนบุตะ และสินค้าขึ้นชื่อของเนบุตะต่างๆ ที่ไม่เหมือนใครได้ที่ร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย มีของจุกจิกน่าสนใจวางขายอยู่มากมายจนมือไม่ว่างเลย!

"พิพิธภัณฑ์เนบุตะ วะ รัสเซะ" ศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจังหวัดอาโอโมริ (“Nebuta Museum Wa Rasse” Aomori Prefecture's cultural and tourism exchange facility)

  • ที่อยู่: 1-1-1 Yasukata, Aomori City
  • เวลาทำการ: 9:00-18:00 (เดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 9:00-19:00), เปิดให้เข้าได้ถึง 30 นาทีก่อนเวลาปิด
  • วันหยุด: วันที่ 31 ธันวาคม, วันที่ 1 มกราคม, วันที่ 9 สิงหาคม, วันที่ 10 สิงหาคม

  • การเดินทาง: เดินประมาณ 1 นาทีจากสถานี JR อาโอโมริ
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: http://www.nebuta.jp/warasse/foreign/hantai.html

[กิจกรรม, ท่องเที่ยว] เพลิดเพลินกับฤดูหนาวด้วย "รถไฟเตาผิงสายซึการุ (Tsugaru Railway Line “Stove train”)" : ถ้าหากได้มาเยือนแดนหิมะของโทโฮคุแล้วละก็ห้ามพลาดรถไฟที่ไม่เหมือนใครขบวนนี้

เพลิดเพลินกับฤดูหนาวด้วย

"รถไฟสายซึการุ (Tsugaru Railway Line)" วิ่งจากสถานีโกะโชะงะวะระไปจนถึงสถานีนากาซาโตะโดยมีระยะทางรวมกว่า 20 กิโลเมตร จะใช้เวลาการวิ่งประมาณ 45 นาทีต่อเที่ยว ซึ่งเป็นรถไฟที่จะเปิดทำการในระยะเวลาจำกัด และยังมีเอกลักษณ์เฉพาะซึ่งจะเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูกาลอีกด้วย ในฤดูร้อนจะเป็นรถไฟกระดิ่งลม ในฤดูใบไม้ร่วงจะกลายเป็นรถไฟจิ้งหรีดกระดิ่ง และในครั้งนี้เราขอแนะนำ "รถไฟเตาผิง (Stove Train)" ในฤดูหนาว

เพลิดเพลินกับฤดูหนาวด้วย

รถไฟเตาผิงจะเปิดทำการตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมในปีถัดไป จะมีเตาผิงติดตั้งอยู่ภายในรถไฟสไตล์เรโทร ทำให้สามารถชมวิวทิวทัศน์ของหิมะจากหน้าต่างรถไฟระหว่างนั่งผิงไฟในฤดูหนาวท่ามกลางบรรยากาศอันโรแมนติกได้

เพลิดเพลินกับฤดูหนาวด้วย

นอกจากนี้ ยังมีปลาหมึกย่างขายภายในรถไฟอีกด้วย โดยปลาหมึกจะถูกย่างด้วยตาข่ายบนเตาผิงจนกว่าจะกรอบดูน่ากิน ถ้าหากได้มานั่งกินปลาหมึกย่าง เบนโตะ หรือดื่มสาเกบนรถไฟระหว่างเพลิดเพลินไปกับโลกสีขาวภายนอกหน้าต่างแล้ว รับรองว่าจะต้องเป็นความทรงจำอันสวยงามของการเดินทางอย่างแน่นอน!

นั่งรถไฟเตาผิงโบราณ พร้อมชมทิวทิศน์งดงามท่ามกลางหิมะขาวโพลน

https://www.japan.travel/th/th/japan-activities/activities/421/

[สถานที่ท่องเที่ยว] พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์โอซามุ ดาไซ "ชาโยคัง" (Dazai Osamu Memorial Hall "Shayokan") : ไปเยี่ยมชมบ้านเกิดของนักเขียนวรรณกรรม "ชื่อดัง" ในญี่ปุ่น

พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์โอซามุ ดาไซ

โอซามุ ดาไซ (Dazai Osamu) (ชื่อจริง: Shuji Tsushima /ชูจิ สึชิมะ) เป็นนักเขียนวรรณกรรมของญี่ปุ่น ซึ่งได้สามารถผลงานชื่อดังมากมาย เช่น "สูญสิ้นความเป็นคน (No Longer Human/Ningen Shikkaku)" และ "อาทิตย์สิ้นแสง (The Setting Sun/Shayo)" และเนื่องจากเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครและชีวิตที่เป็นตำนานของเขาทำให้ถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีกด้วย

"ชาโยคัง (Shayokan) คฤหาสน์เก่าตระกูลสึชิมะ)" นั้นตั้งอยู่ที่คานางิ เมืองโกะโชะงะวะระ และเป็นบ้านเกิดของโอซามุ ดาไซ คฤหาสน์หลังนี้ถูกสร้างขึ้นในปีเมจิที่ 40 (พ.ศ. 2450) นอกจากจะมีห้องรวมทั้งหมด 19 ห้องในชั้น 1 และชั้น 2 แล้ว ยังมีอาคารต่างๆ ภายในบริเวณบ้าน เช่น โกดังข้าวและสวนญี่ปุ่นอีกด้วย ทำให้ที่นี่เป็นคฤหาสน์หรูที่มีความกว้างถึง 680 สึโบ (2,248 ตารางเมตร)

พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์โอซามุ ดาไซ

นอกจากจะเปิดให้ชมพื้นที่ใช้สอยในบ้านของตระกูลสึชิมะได้แล้ว ยังมีการจัดแสดงรูปถ่ายการเติบโต สิ่งของที่เคยใช้ ผลงานวรรณกรรม และรูปถ่ายอันล้ำค่าของโอซามุ ดาไซภายในอาคารอีกด้วย คุณจะต้องเพลิดเพลินไปได้กับทุกส่วนแน่นอน

"ชาโยคัง" พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์โอซามุ ดาไซ (Dazai Osamu Memorial Hall "Shayokan")

  • ที่อยู่: 412-1 Asahiyama, Kanagi-cho, Goshogawara City, Aomori Prefecture
  • เวลาทำการ: เดือนเมษายนถึงกันยายน 9:00-17:30, เดือนตุลาคมถึงมีนาคม 9:00-17:00 (เปิดให้เข้าได้ถึง 30 นาทีก่อนเวลาปิด)
  • การเดินทาง: เดินประมาณ 7 นาที จากสถานีคานางิ รถไฟซึการุ
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://dazai.or.jp/

[สถานที่ท่องเที่ยว] พิพิธภัณฑ์โกะโชะงะวะระ ทะชิเนปุตะ (Goshogawara Tachineputa Hall): โคมเนบุตะขนาดใหญ่สุดอลังการ

พิพิธภัณฑ์โกะโชะงะวะระ ทะชิเนปุตะ (Goshogawara Tachineputa Hall)

"โคมทะชิเนปุตะ (Tachineputa)" ของโกะโชะงะวะระ (Goshogawara) เป็นโคมเนบุจะที่มีความสูงถึง 23 เมตร และน้ำหนักกว่า 9 ตัน โดยที่จะมีการสร้างโคมเนบุตะขนาดใหญ่ที่พิพิธภัณฑ์โกะโชะงะวะระ ทะชิเนปุตะ (Goshogawara Tachineputa Hall) และนำไปแห่ขบวนที่งานเทศกาล

ยังมีการจัดแสดงนิทรรรศการต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์อีกด้วย ที่ชั้น 4 จะมีที่นั่งสำหรับชมภาพยนตร์ซึ่งอยู่ระหว่างโคมทะชิเนปุตะขนาดใหญ่ 2 ตัว รับรองว่าคุณจะต้องรู้สึกลุ้นระทึกระหว่างนั่งชมสารคดีแน่นอน นอกจากนี้ หากเดินตามเส้นทางวนรอบอาคารตั้งแต่ชั้น 1 ถึง ชั้น 6 แล้ว ก็จะสามารถเดินชมผลงานโคมทะชิเนปุตะในแต่ละปีที่ถูกจัดแสดงอยู่ในห้องจัดนิทรรศการได้จาก 360 องศาอีกด้วย การออกแบบที่ละเอียดและสีสันที่งดงามนั้นทำให้ดูสวยงามมากเลย!

พิพิธภัณฑ์โกะโชะงะวะระ ทะชิเนปุตะ (Goshogawara Tachineputa Hall):

พิพิธภัณฑ์โกะโชะงะวะระ ทะชิเนปุตะ (Goshogawara Tachineputa Hall)

  • ที่อยู่: 506-10 Omachi, Goshogawara City, Aomori Prefecture
  • เวลาทำการ: 9:00-17:00 (เปิดให้เข้าได้ถึง 30 นาทีก่อนเวลาปิด)
  • การเดินทาง: เดินประมาณ 5 นาทีจากสถานี JR โกะโชะงะวะระ
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://tachineputa-official.jp/

【[อาหารรสเลิศ] โฮทาเทะโกะเซ็น (Hotate gozen): อาหารรสเลิศสุดหรูไม่เหมือนใครที่เต็มไปด้วยสารอาหาร

ร้านอาหารญี่ปุ่น โมโมโยะ (Momoyo)

าวมุตสึอุดมไปด้วยแพลงก์ตอนพืชจำนวนมาก เนื่องจากมีกระแสน้ำเย็นที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หอยเชลล์ (โฮทาเทะ) จะถูกเลี้ยงด้วยแพลงก์ตอนเหล่านั้นในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับในธรรมชาติ

นอกจากหอยเชลล์ที่ผลิตในอาโอโมริจะมีความสดและมีรสชาติหวานแล้ว เนื้อยังหนาแน่นอีกด้วย หอยเชลล์เข้ากับอาหารทุกประเภท ตั้งแต่อาหารญี่ปุ่น อาหารจีน ไปจนถึงอาหารตะวันตก และยังสามารถนำไปทำอาหารได้หลายแบบ ไม่ว่าจะนำไปกินสดๆ หรือนำไปทอด ย่างเนยด้วยเตาถ่าน หรือนำไปต้มก็ได้ ไม่เพียงเท่านั้น แต่หอยเชลล์ยังเป็นวัตถุดิบที่มีคุณค่าสูง เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ เช่น โปรตีน วิตามินบี 12 และทอรีน และยังมีปริมาณไขมันต่ำด้วย

ร้านอาหารญี่ปุ่น โมโมโยะ (Momoyo)

คุณสามารถลิ้มรส "โฮทาเทะโกะเซ็น (Hotate gozen)" ได้ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น "โมโมโยะ (Momoyo)" ในเมืองอาโอโมริ โดยเมนูนี้จะมีอาหารที่ทำจากหอยเชลล์ถึง 6 ชนิด ได้แก่ ซาชิมิหอยเชลล์, หอยเชลล์ย่างเนยด้วยเตาถ่าน, ซุป, ของทอด, ของดอง และไข่ตุ๋นสุดอร่อย นอกจากจะรับประทานได้อย่างเต็มอิ่มแล้ว ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับความอร่อยและรสสัมผัสที่แตกต่างกันของหอยเชลล์ในแต่ละเมนูได้อีกด้วย ต้องเป็นสวรรค์ของคนรักหอยเชลล์แน่นอน! นอกจากผู้ที่ชอบหอยเชลล์แล้ว หากคุณสนใจอาหารญี่ปุ่นแล้วละก็ต้องห้ามพลาดที่นี่!

ร้านอาหารญี่ปุ่น โมโมโยะ (Momoyo)"

  • ที่อยู่: 2-3-11 Honmachi, Aomori City, Aomori Prefecture
  • เวลาทำการ: ช่วงกลางวัน 11:00-14:00, ช่วงเย็น 17:00-22:00, ไม่มีวันหยุดประจำ
  • การเดินทาง: นั่งรถแท็กซี่ประมาณ 5 นาทีจากสถานี JR อาโอโมริ
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://www.momoyo-aomori.com/

ในครั้งนี้เราได้แนะนำโครงการ "เที่ยวญี่ปุ่นมุมใหม่... กิจกรรมสุดประทับใจ" โดยองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับจังหวัดอิวาเตะและจังหวัดอาโอโมริในบริเวณโทโฮคุ ครั้งหน้าที่เดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นด้วย อย่าลืมแวะมาเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ของดินแดนหิมะด้วย! โปรดตรวจสอบเว็บไซต์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม!

ไปสู่โลกแห่งหิมะสีเงินโดยรถไฟเตาผิง

https://www.japan.travel/th/th/japan-activities/tohoku/itineraries-3/

เที่ยวญี่ปุ่นมุมใหม่... กิจกรรมสุดประทับใจ

https://www.japan.travel/th/th/japan-activities/

หัวข้อเรื่อง

Recommend