เมื่อพูดถึง "100 ปราสาทขึ้นชื่อแห่งญี่ปุ่น" ในจังหวัดฟุกุอิ สิ่งแรกที่ทุกคนมักจะนึกถึงก็คือ "ปราสาทมารุโอกะ" (丸岡城 / Maruoka-jo) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 หอปราการปราสาทที่คงสภาพเดิม แต่จังหวัดฟุกุอิก็ยังมีปราสาทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าปราสาทมารุโอกะ ปราสาทอิจิโจดานิ (一乗谷城 / Ichijodani-jo) ตั้งอยู่ในหุบเขาริมแม่น้ำและล้อมรอบด้วยเมืองในอาณัติปราสาทที่กว้างขวางและคึกคัก และมีฉายาว่า "เกียวโตน้อยแห่งโฮคุริคุ" ค่ะ
ปราสาทบนภูเขาที่เหนือจินตนาการ "ซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระ อิจิโจดานิ"
"ปราสาทอิจิโจดานิ" (一乗谷城 / Ichijodani-jo) ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งใน 100 ปราสาทขึ้นชื่อแห่งญี่ปุ่น แท้จริงแล้วเป็นส่วนหนึ่งของ "ซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ" (一乗谷朝倉氏遺跡 / Ichijodani Asakura Clan Historic Ruins) "อิจิโจดานิ" (一乗谷 / Ichijodani) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "ซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ" เป็นหุบเขาแคบ ๆ กว้างประมาณ 500 เมตรในแนวตะวันออก-ตะวันตก และยาวประมาณ 3 กิโลเมตรในแนวเหนือ-ใต้ ตามแนวแม่น้ำอิจิโจดานิ ห่างจากอำเภอฟุกุอิไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร
ตัวพื้นที่อิจิโจดานิเองก็ล้อมรอบด้วยภูเขาทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตก และทิศใต้ และมีแม่น้ำอาสุวะไหลอยู่ทางทิศเหนือ จึงเป็นป้อมปราการทางธรรมชาติด้วย ในการคมนาคมที่สะดวกสบายนั้น ไม่เพียงแค่มีการใช้แม่น้ำอิจิโจดานิ สาขาของแม่น้ำอาสุวะ เป็นเส้นทางคมนาคมเท่านั้น แต่อิจิโจดานิซึ่งตั้งอยู่ติดกับอำเภอโอโนะก็ยังมีตำแหน่งที่สำคัญในเชิงกลยุทธ์อีกด้วย ดังนั้นในปี 1467 ผู้ครองแคว้นในยุคเซ็งโกคุ "ตระกูลอาซาคุระ" (朝倉 / Asakura) ซึ่งครอบครองดินแดนเอจิเซ็น (越前国 / Echizen on Kuni ปัจจุบันคือจังหวัดฟุคุอิ) ก็มีฐานมั่นอยู่ในอิจิโจดานิค่ะ ผู้ครองแคว้นคนที่ 7 อาซาคุระ ทาคาคาเงะ (朝倉孝景 / ASAKURA Takakage) ได้สร้างปราสาท คฤหาสน์ซามูไร และวัดขึ้นในแถบอิจิโจดานิ ทำให้กลายเป็นเมืองการค้าที่เจริญรุ่งเรืองค่ะ
น่าเสียดายที่หนึ่งร้อยปีต่อมาในปี 1573 เมืองก็พ่ายแพ้ต่อโอดะ โนบุนากะ (織田信長 / ODA Nobunaga) และเมืองในอาณัติปราสาทก็ถูกเผาจนวอดวาย โบราณสถานแห่งนี้ได้รับการขุดค้นมาตั้งแต่ปี 1967 และปัจจุบันถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานพิเศษระดับชาติที่เรียกว่า "ซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ" นั่นเองค่ะ
ซากเมืองยุคกลางที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
แม้ว่า โอดะ โนบุนากะ จะทำการเผาทำลอยจนหมด แต่การขุดค้นในภายหลังเปิดเผยว่า ซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ ที่มีพื้นที่ 278 เฮกตาร์ ก็ยังถูกฝังอยู่ในสภาพดีและมีการขุดพบโบราณวัตถุต่าง ๆ จากซากโบราณสถานด้วย ทำให้เป็นที่แน่ชัดว่าเมืองนี้เป็นเมืองยุคกลางอันมีค่ามาก (ยุคกลางของญี่ปุ่นนับตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 12 ถึงปลายศตวรรษที่ 16)
ด้วยเหตุนี้ ซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ จึงถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานพิเศษระดับชาติ ภายในนั้น ซากสวนต่าง ๆ ก็ถูกกำหนดให้เป็นจุดวิวสวยพิเศษ และโบราณวัตถุมากมายที่ขุดพบจากซากโบราณสถานก็ยังถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญด้วย มีโบราณสถานเพียง 6 แห่งในญี่ปุ่นที่ได้รับ "การแต่งตั้งระดับชาติ 3 อย่าง" ซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิก็ยังเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์เพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคโฮคุริคุ จากประเด็นทั้งหมดที่กล่าวมา คุณค่าของซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิก็เป็นที่เห็นได้ชัดเลยใช่มั้ยคะ
(นอกเหนือจากซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิแล้ว สถานที่ที่ได้รับการแต่งตั้งระดับชาติ 3 อย่าง ก็ได้แก่ วัดคินคาคุติ วัดกินคาคุจิ วัดไดโกจิอารามซันโบอิน ในกรุงเกียวโต พระราชวังเฮโจ ในจังหวัดนารา และศาลเจ้าอิตสึคุจิมะ ในจังหวัดฮิโรชิม่า)
"เกียวโตน้อยแห่งโฮคุริคุ" ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเกียวโต
จังหวัดฟุกุอิและกรุงเกียวโตก็ตั้งอยู่ติดกัน และมีการสัญจรไปมาที่หนาแน่นบนถนนที่เรียกว่า "ซาบะไคโด" (鯖街道 / Saba Kaido เส้นทางข้ามจังหวัดปลาซาบะ) ที่เชื่อมระหว่างฟุกุอิและเกียวโต "ซาบะไคโด" ครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นทางส่งอาหารทะเลที่จับได้จากอ่าววาคาสะไปยังเกียวโต นอกจากนี้ ปลาซาบะยังเป็นอาหารทะเลที่จับได้มากที่สุดที่นี่ ดังนั้นถนนสายนี้จึงได้ชื่อว่า "ซาบะไคโด" ค่ะ
ดินแดนเอจิเซ็นซึ่งเจริญรุ่งเรืองอย่างมากภายใต้การปกครองของตระกูลอาซาคุระ ได้รับการเยี่ยมชมจากเหล่าปัญญาชน เช่น ขุนนางและพระสงฆ์จากเกียวโตและนารา เนื่องจากเหล่าผู้มาเยือนเหล่านี้ได้นำวัฒนธรรมเกียวโตอันหลากหลายมาสู่ที่นี่ ทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า "เกียวโตน้อยแห่งโฮคุริคุ" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาซาคุระ โยชิคาเงะ (朝倉義景 / ASAKURA Yoshikage) ผู้นำรุ่นที่ 11 ก็มีความสนใจในวรรณคดีและศิลปะเป็นอย่างมาก และชื่นชอบศิลปะ เช่น ภาพวาดและกวีนิพนธ์วากะ จึงไม่เป็นการกล่าวเกินจริงที่จะบอกว่า อิจิโจดานิในเวลานั้นเป็นเมืองในอาณัติปราสาทที่มีความรุ่งเรืองทางศิลปะวรรณกรรมค่ะ
4 “ซากสวน” ที่เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรม
"สวน" (庭園 / Teien) เป็นสถานที่จัดงานชุมนุมกวีนิพนธ์วากะและพิธีชงชา กิจกรรมซึ่งเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมเกียวโต ดังนั้น จากซากสวนทั้ง 4 ภายในซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ เราจึงสามารถสรุปได้ว่าตระกูลอาซาคุระให้ความสำคัญกับวรรณกรรมและศิลปะอย่างมากค่ะ
ซากสวนคฤหาสน์อาซาคุระ (朝倉館跡庭園 / Asakura Yakata-ato Teien) ซากสวนคฤหาสน์สุวะ (諏訪館跡庭園 / Suwa Yakata-ato Teien) ซากสวนยูโดโนะ (湯殿跡庭園 / Yodono-ato Teien) และซากสวนวัดนันโยจิ (南陽寺跡庭園 / Nanyoji-ato Teien) เรียกรวมกันว่า "สวนตระกูลอาซากุระ อิจิโจดานิ" (一乗谷朝倉氏庭園 / Ichijodani Asakura Family Garden) คฤหาสน์อาซาคุระ ที่อาซาคุระ โยชิคาเงะ เคยอาศัยอยู่ มีคฤหาสน์อันโอ่อ่าที่ตัวโยชิคาเงะได้ใช้ชีวิตประจำวัน ตลอดจนแปลงดอกไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นและงานหินที่วิจิตรงดงาม คฤหาสน์สุวะเป็นที่อยู่อาศัยของภรรยาของโยชิคาเงะ "โคะโชโช" (小少将 / Koshosho) และมีพื้นที่สวนที่ใหญ่ที่สุด ซากยูโดโนะเป็นสวนที่เก่าแก่ที่สุด และมีรูปแบบและบรรยากาศที่แตกต่างจากสวนอื่น ๆ วัดนันโยจิเป็นสำนักชีที่ อาซากุระ ซาดาคาเงะ (朝倉貞景 / ASAKURA Sadakage) ผู้นำรุ่นที่ 9 สร้างขึ้นเพื่อลูกสาว ว่ากันว่าในสวนไม่ได้มีเพียงการเรียงหินที่มีน้ำตกสามขั้นเท่านั้น แต่ยังมีต้นอิโตซากุระที่สวยงามอยู่หน้าสวนด้วย ในปี ค.ศ. 1568 อาชิคางะ โยชิอากิ (足利義昭 / ASHIKAGA Yoshiaki) ผู้ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเซอิไทโชกุนคนที่ 15 (คนสุดท้าย) แห่งรัฐบาลสำเร็จราชการโดยโชกุนสมัยมุโรมาจิภายในปีเดียวกัน ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานชมดอกซากุระที่นี่เช่นกัน
ละครย้อนยุคของ NHK เรื่อง "Kirin ga Kuru" (麒麟がくる หรือ Awaiting Kirin) ในปี 2020 ยังได้จำลองสวนอันกว้างใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยตระกูลอาซาคุระแห่งอิจิโจดานิอีกด้วยค่ะ
ตระกูลอาซาคุระกับประวัติศาสตร์มายา 100 ปี
เมืองในอาณัติปราสาทอิจิโจดานิที่สร้างโดยตระกูลอาซาคุระมีความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองมาเป็นเวลากว่า 100 ปี อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ 100 ปีที่ราวกับภาพมายาก็ถูกเผาทำลายลงในพริบตาด้วยเปลวเพลิง ดังนั้น อาคารที่พบในซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุรอิจิโจดานิ เช่น คฤหาสน์ซามูไรและบ้านห้องแถวของเมืองในอาณัติปราสาทในสมัยนั้น ทั้งหมดล้วนถูกจำลองขึ้นใหม่โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยค่ะ
"คารามง" (唐門 / Karamon - ประตูมีซุ้มหลังคา) ที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดก็ถูกย้ายมาจาก อารามโชอุนอิน (松雲院 / Shounin) วัดประจำของ อาซาคุระ โยชิคาเงะ ต้นซากุระที่ปลูกอยู่ข้าง ๆ นั้น เมื่อบานในฤดูใบไม้ผลิ ก็จะแสดงถึงความรักในภาพวาด บทกวีวากะ และศิลปะวรรณกรรมอื่น ๆ ของโยชิคาเงะค่ะ
ข้อมูลสถานที่
- ชื่อสถานที่: ซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ (一乗谷朝倉氏遺跡 / Ichijodani Asakura Clan Historic Ruins) (ปราสาทอิจิโจดานิ / 一乗谷城 / Ichijodani-jo)
- ที่ตั้ง: Kidonouchi-cho, Fukui-shi
- การเดินทาง: จากสถานี JR Fukui ประมาณ 15 นาทีโดยรถไฟสาย Etsumihoku ไปลงที่สถานี Ichijodani
- เวลาทำการ: ตลอดเวลา
- ค่าเข้าชม: ฟรี
ข้อมูลสถานที่
- ชื่อสถานที่: ทิวทัศน์เมืองที่บูรณะมาจากซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ (一乗谷朝倉氏遺跡復原町並)
- ที่ตั้ง: Kidonouchi-cho, Fukui-shi
- การเดินทาง: จากสถานี JR Fukui ประมาณ 15 นาทีโดยรถไฟสาย Etsumihoku ไปลงที่สถานี Ichijodani
- เวลาทำการ: 9:00-17:00 น. (เปิดรับการเข้าชมจนถึง 16:30 น.)
- วันหยุดประจำ: วันหยุดสิ้นปีเก่าขึ้นปีใหม่ (28 ธันวาคม ถึง 4 มกราคม)
- ค่าเข้าชม: 330 เยน
พิพิธภัณฑ์โบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ เปิดขึ้นแล้วในเดือนตุลาคม 2022!
"พิพิธภัณฑ์โบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ" (一乗谷朝倉氏遺跡博物館 / Ichijodani Asakura Family Site Museum) ก่อตั้งขึ้นในอำเภอฟุกุอิเพื่อให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นตระหนักถึงความสำคัญของซากโบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ ซึ่งถูกขุดค้นมานานกว่า 50 ปีและค้นพบสิ่งประดิษฐ์ที่ขุดขึ้นมามากมาย ด้วยการจำลองคฤหาสน์อาซาคุระขนาดเท่าของจริง ภาพสามมิติขนาดใหญ่ของเมืองในอาณัติปราสาท และห้องจัดแสดงซากปรักหักพัง ผู้เข้าชมจะได้รับการแนะนำให้รู้จักกับประวัติศาสตร์ 100 ปีอันโด่งดังของตระกูลอาซาคุระโดยละเอียดยิ่งขึ้นค่ะ
ข้อมูลสถานที่
- ชื่อสถานที่: พิพิธภัณฑ์โบราณสถานตระกูลอาซาคุระอิจิโจดานิ (一乗谷朝倉氏遺跡博物館 / Ichijodani Asakura Family Site Museum)
- ที่ตั้ง: 8-10 Abakanakajimacho, Fukui-shi, Fukui
- การเดินทาง: จากสถานี JR Fukui ขึ้นรถไฟสาย Etsumihoku ประมาณ 15 นาที และลงที่สถานี Ichijodani จากนั้นเดินต่ออีก 3 นาที
- เวลาทำการ: 9:00-17:00 น.
- วันหยุดประจำ: วันจันทร์ วันหยุดสิ้นปีเก่าขึ้นปีใหม่ (29 ธันวาคม ถึง 2 มกราคม)
- ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 700 เยน นักเรียนมัธยมปลาย 400 เยน นักเรียนประถมและมัธยมต้น 200 เยน ผู้ที่อายุมากกว่า 70 ปี 350 เยน
- *ปัจจุบันจำเป็นต้องทำการจองทางออนไลน์ก่อนเข้าชมพิพิธภัณฑ์
Comments