ญี่ปุ่นมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และทัศนียภาพที่งดงามของทั้ง 4 ฤดูกาล หากต้องการชื่นชมทัศนียภาพที่รู้สึกคุ้นเคยของญี่ปุ่น แนะนำให้มาที่เที่ยวที่ภูมิภาคชูบุซึ่งมีทิวทัศน์ของญี่ปุ่นดั่งเดิมอยู่ค่ะ
ในบทความนี้ เราจะมารายงานทริป 3 คืน 4 วัน ที่สตาฟของ FUN! JAPAN ได้ไปสัมผัสมาที่จังหวัดกิฟุและจังหวัดไอจิ! พร้อมกับแนะนำตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวด้วยค่ะ เนื่องจากแต่ละสถานที่มีเสน่ห์แตกต่างกันไป อย่าลืมนำไปใช้อ้างอิงสำหรับการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นในอนาคตของคุณด้วยนะคะ!
ตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวที่สามารถเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติและกิจกรรมในภูมิภาคชูบุ
วันที่ 1: เกาะซาคุชิมะ
คุณคิดว่าที่ไหนในจังหวัดไอจิเหมาะกับการถ่ายรูปลง Instagram อยู่ที่ไหนเอ่ย?
หากคุณต้องการถ่ายรูปเพื่อโพสต์บน SNS แล้วต้องไม่พลาดเกาะซาคุชิมะในอำเภอนิชิโอะครับ!
สามารถเดินทางไปยังเกาะซาคุชิมะได้ในเวลาประมาณ 20 นาที โดยนั่งรถไฟจากสถานีนาโกย่าไปยังสถานีนิชิโอะ และเปลี่ยนเป็นรถบัส หลังจากนั้นให้นั่งเรือข้ามฟากที่ท่าเรืออิชิกิครับ เกาะซาคุชิมะขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะแห่งการเยียวยาและศิลปะ นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว แต่ยังเต็มไปด้วยผลงานของศิลปินมากมายที่รอนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม
และผลงานที่มีชื่อเสียงอย่างมากคือ "โอฮิรุเนะเฮ้าส์ (บ้านนอนกลางวัน)" ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งครับ
รู้สึกผ่อนคลายไปกับการชมพระอาทิตย์ตกดินจากโอฮิรุเนะเฮ้าส์ ขณะนั่งรับลมและฟังเสียงคลื่นที่ซัดเข้ามา นอกจากนี้ยังมี "ที่จอดรถนกนางนวล" ซึ่งเป็นผลงานแสดงถึงรูปร่างของลมที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ด้วยนกนางนวล ผลงานนี้ก็ได้รับความสนใจอย่างมากใน SNS ครับ!
เกาะซาคุชิมะเป็นเกาะที่อยู่ห่างไกลซึ่งมีประชากรเพียง 252 คน และชาวเกาะมีความพอเพียงและใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ถึงแม้เราอยู่ที่เกาะนี้เพียงครึ่งวัน แต่ก็รู้สึกอิจฉาชาวเกาะที่ใช้ชีวิตสบายๆ มากเลยครับ! ต้องวางแผนและระวังเวลาของเที่ยวเรือให้ดีๆ ถ้าหากต้องการไปเที่ยวบนเกาะเพียงครึ่งวันนะครับ หากไม่ดูให้ดีๆ แล้วละก็ ทริปครึ่งวันอาจจะกลายเป็น 2 คืน 1 วันไปครับ
วันที่ 1: สวนส้มกามะโกริ
ส้มกามะโกริเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของอำเภอกามะโกริ จังหวัดไอจิ ดังนั้นเราจะพลาดไม่ได้ที่จะแวะสนุกสนานไปกับการเก็บผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่นี่ครับ
"สวนส้มกามะโกริ" เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเก็บผลไม้ได้ตลอดทั้งปี สามารถเก็บเกี่ยวส้มกามะโกริได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงธันวาคม เก็บสตรอเบอรี่ได้ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม และเก็บเกี่ยวเมล่อนได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนกันยายนค่ะ นอกจากนี้ยังมีองุ่นให้สามารถเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนจนถึงกลางเดือนกันยายนด้วยครับ
โดยสามารถทานผลไม้ที่เก็บเกี่ยวได้ทันที และทิ้งเปลือกส้มไว้ใต้ต้นส้ม ซึ่งจะกลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติครับ ใช้เปลือกให้เป็นประโยชน์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมครับ!นอกจากจะทานที่ร้านแล้ว ยังสามารถนำส้มประมาณ 1 กก. กลับบ้านเป็นของฝากได้อีกด้วย ตอนเก็บส้มนั้นให้จับส้มเบาๆ และค่อยๆ หมุนดึงออกไปครับ อย่าดึงลงมาแรงเกินไปนะครับ!
วันที่ 1: ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริ
หลังจากนั้นเราก็ไปเยือน "ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริ" ในอำเภอโทโยคาวะ จังหวัดไอจิ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในสามศาลเจ้าอินาริที่สำคัญในญี่ปุ่น และมีผู้มาสักการะกว่า 5 ล้านคนในแต่ละปี มีสถานที่ที่น่าสนใจมากมายภายในบริเวณศาลเจ้า โดยเฉพาะเรโคะซึกะซึ่งมีรูปปั้นจิ้งจอกมากกว่า 1,000 ตัวเรียงรายอยู่นั้นสวยงามมากเลยครับ เนื่องจากที่ญี่ปุ่นสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์มงคล อาจจะได้รับพลังมากมายหากแวะไปเยี่ยมเยือนนะครับ
เส้นทางไปสู่ "เรโคะซึกะ" เต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่มีความลึกลับที่รออยู่ตรงหน้า! หลังจากที่ถูกเชื้อเชิญด้วยบรรยากาศความศักดิ์สิทธิแล้ว เราก็เขียนคำอธิษฐานเพื่อสุขภาพบนแผ่นไม้ขอพรเอมะครับ ขอให้คําอธิษฐานเป็นจริงกันครับ!
วันที่ 1: เขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารโบราณ อาสึเกะ
ถ้าเกิดชอบถนนสายเก่าของญี่ปุ่นแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะไปเดินเล่นในเขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารโบราณ อาสึเกะครับ
เสน่ห์ของเมืองอาสึเกะในอำเภอโตโยต้านั้น คือทิวทัศน์ของเมืองที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยของยุคเอโดะตอนต้นอยู่
ในขณะที่เดินเล่นไปตามถนนต่างๆ ของเมืองอาสึเกะซึ่งถูกกำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารโบราณที่สำคัญ จะรู้สึกราวกับว่าบรรยากาศโดยรอบย้อนเวลากลับไปในอดีตเลยครับ นอกจากนี้ หากได้สวมชุดกิโมโนและรับประทานโกะเฮโมจิ (อาหารพื้นบ้านที่นำข้าวที่ไปบดเป็นโมจิมาเสียบไม้ และย่างด้วยซอสมิโซะ) ขณะเดินเล่นด้วยแล้ว จะรู้สึกเหมือนอยู่ในละครย้อนยุคเลยครับ!
ตรอกของเมืองอาสึเกะนั้นมีบรรยากาศของญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยเฉพาะ "ซอยมันริน" ในฝั่ง "ร้านหนังสือมันริน" มีความสวยงามเป็นพิเศษเลยครับ!
และเมื่อพูดถึงเมืองอาสึเกะแล้ว ก็ต้องนึกถึง "โครังเค" ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแน่นอนครับ สามารถเพลิดเพลินทิวทัศน์ของ 4 ฤดูได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเมื่อใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง สีส้ม สีเหลือง นักท่องเที่ยวมากมายหลงไหลในทิวทัศน์ที่ดูเหมือนดั่งภาพวาดนี้ครับ
วันที่ 2: โอบาระชิกิซากุระ
พูดถึงกิจกรรมในญี่ปุ่นที่สามารถเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันตระการตาของทั้ง 4 ฤดูกาลแล้ว ก็ต้องนึกถึงการชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิและการชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงครับ โดยในอำเภอโตโยต้ามีสถานที่ที่เราสามารถเพลิดเพลินไปกับการชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งคือเมืองโอบาระครับ
และเป็นสถานที่ที่รู้สึกประทับใจมากที่สุดในบรรดาสถานที่ที่ได้ไปเยือนมาในครั้งนี้ครับ ซากุระพันธุ์พิเศษที่เรียกว่าชิกิซากุระจะบานปีละสองครั้งในฤดูใบไม้ผลิ และตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว จะเริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นหากจังหวะดีก็จะสามารถชมทัศนียภาพสุดพิเศษที่ดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีบานสะพรั่งในเวลาเดียวกันได้ครับ!
ดอกซากุระสีขาวและสีชมพูที่สามารถชื่นชมได้ในฤดูหนาวนั้น มีบรรยากาศที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากดอกซากุระที่สามารถเห็นในได้ฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นครับ ยิ่งมีใบไม้เปลี่ยนสีเป็นพื้นหลังแล้ว ทำให้ดอกซากุระสวยงามและโดดเด่นยิ่งขึ้นราวกับหิมะที่ตกลงมาบนใบไม้เปลี่ยนสีเลยค่ะ สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีและดอกซากุระซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของญี่ปุ่นที่สี่ฤดูกาลได้ในเวลาเดียวกันเป็นประสบการณ์ที่พิเศษสุดๆ เลยครับ! เป็นจุดถ่ายรูปที่เป็นประเด็นใน SNS และใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนตั้งแต่แรกแล้ว เลยรู้สึกดีใจมากที่ได้มาครับ เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วย "ความสุข" ที่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงามครับ!
หากมีโอกาสได้มาเที่ยว ลองวางแผนมาชมชิกิซากุระในฤดูใบไม้ร่วงดูนะครับ
วันที่ 2: นากะเซ็นโดมาโกเมะจุกุ
ที่หมู่บ้านโบราณมาโกเมะจุกุบนถนนนากะเซ็นโดในจังหวัดกิฟุ มีทิวทัศน์เมืองเก่าที่สวยงามซึ่งยังคงบรรยากาศของเอโดะเอาไว้ ฟังเสียงน้ำและเสียงนกร้อง และเพลิดเพลินไปกับกับชมอาคารโบราณต่างๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากชีวิตประจำวันได้ครับ
ทิวทัศน์ในวันที่อากาศแจ่มใสนั้นดูเหมือนภาพถ่ายเลยค่ะ และโชคดีที่วันที่ไปเที่ยวนั้นสภาพอากาศดีทำให้สามารถถ่ายรูปสวยๆ ได้ง่ายเลยครับ♪
แนะนำให้ไปดื่มชาที่คาเฟ่ย้อนยุค และห้ามพลาดการช้อปปิ้งที่ร้านขายของที่ระลึกข้างถนนครับ!
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
■คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทความของวันที่ 3 และ 4
สนุกกับกิจกรรมและเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติของภูมิภาคชูบุ! พบประสบการณ์มากมายที่สามารถสัมผัสได้แค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ตอนที่ 2
https://www.fun-japan.jp/th/articles/12961
■คลิกที่นี่สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับภูมิภาคชูบุ
https://make-nostalgic-experience-gifu-aichi.jp/th/
Comments