เรื่องราวลี่ลับและสยองขวัญ ตอนที่ 55: เรื่องสยองเกี่ยวกับคริสต์มาส

  • 24 ธันวาคม 2021
  • Mon
  • Mon

เรื่องราวลี่ลับและสยองขวัญ ตอนที่ 55: เรื่องสยองเกี่ยวกับคริสต์มาส

อ่านหัวเรื่องแล้วอาจจะนึกว่า เรื่องคริสต์มาสมันจะมีเรื่องสยองได้ยังไง แต่ที่นี่ญี่ปุ่นครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ในวันนี้เราจะมาดูเรื่องสยองเกี่ยวกับคริสต์มาสกันสักสองเรื่องนะครับ

เหตุผลที่ลางาน

เหตุผลที่ลางาน

ก็ไม่เชิงว่าจะเป็นเรื่องแนวผีสางนางไม้อะไรนะครับ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่รู้สึกได้ถึงอันตรายต่อชีวิตครับ
เมื่อปีก่อนตอนช่วงสิ้นปี ในฝ่ายที่ผมทำงานอยู่ก็มีพนักงานใหม่เข้ามาหนึ่งคน กลางปีงบประมาณเนี่ยแหละครับ
ใส่แว่นออกแนวหรูหน่อย ๆ ก็เหมือนวัยรุ่นที่เพิ่งเข้าทำงานใหม่ยุคปัจจุบันครับ
แล้วผมก็ก็โดนให้ไปรับผิดชอบสอนงานเขา แต่ก็เป็นงานใช่ย่อยเลยครับ

ผมทำงานมาปีที่ 3 แล้ว แต่น้องแกก็เก่งมาก แบบเอาไปเทียบกับตัวผมสมัยเข้ามาทำงานปีแรกนี่คนละโลกเลยครับ
ในฝ่ายก็ดีใจกันใหญ่ มีพนักงานชั้นดีเข้ามาซะแล้วสิ อะไรทำนองนี้ครับ

แล้วพอหลังวันหยุดหลังจากที่พนักงานหน้าใหม่เข้าบริษัทมาได้ 1 สัปดาห์ ก็มีติดต่อมาว่า “เป็นหวัด ขอลาพัก” ครับ
ปีนี้ก็โคตรหนาวอยู่ ก็คงสุดวิสัยจริง ๆ แหละมั้ง เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากครับ
แต่ทว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทุกวันจันทร์ก็จะลาตลอดเลยครับ 4 สัปดาห์ติดเลย
ถามเหตุผลจากเจ้าตัว ก็อ้างว่าปวดท้องบ้าง เป็นหวัดบ้าง แถไปเรื่อยครับ

ยังหนุ่มยังแน่น แถมได้ยินมาว่าเพิ่งเคยมาใช้ชีวิตตัวคนเดียวด้วย เคยถามไปว่า นี่เที่ยวเล่นสนุกจนเพลินถึงวันอาทิตย์ วันจันทร์เลยลุกไม่ได้เหรอ หรือเป็นแค่โรคเกลียดวันจันทร์เฉย ๆ แต่เจ้าตัวก็เอาแต่พูดขอโทษครับขอโทษครับ
ผมเลยบอกว่า “ช่วยไม่ได้ คราวหลังถ้าจะลา ไปโรงบาลแล้วให้ออกใบรับรองมาด้วยนะ” แล้วก็ปล่อยไป

แต่พอขึ้นสัปดาห์ถัดมา ก็ยังขอลาอีกครั้งครับ
แต่วันลาหยุดก็คือวันลาหยุด ผมก็พอจะรู้เหตุผลของรอบนี้อยู่บ้างครับ
วันที่หมอนี่ขอหยุดนั้น มันคือวันที่ 25 ธันวาคม วันคริสต์มาสนั่นเองครับ
ผมก็ “อ๋อ อยู่กับสาวแหละสินะ

ส่วนทางพวกกูนี่ การอยู่กับคนรักในวันคริสต์มาสเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว แต่หมอนี่นี่ ยังเป็นพนักงานใหม่ แต่กลับโดดงานไปจู๋จี๋กันรึเนี่ย” ผมเริ่มฉุนขึ้นมา แต่เกินครึ่งก็คือแอบอิจฉาด้วยแหละครับ
แต่ว่าครั้งนี้คือการหยุดงานโดยไม่แจ้งเหตุผลด้วยเนี่ยสิครับ ทางบริษัทก็ประมาณว่า “เฮ้ย ยังเป็นพนักงานใหม่อยู่เลย ทำอะไรของมันวะ” จนมีคำสั่งให้ผมไปหาน้องใหม่ที่อพาร์ทเมนท์ครับ

ผมเลยต้องไปที่อพาร์ทเมนท์ตามที่เขียนไว้ในใบเรซูเม่ครับ
แต่พอลองกดออดก็ไม่ออกมารับ
โทรไปก็ไม่รับ
ผมก็คิดว่า อ๋อ ก็คงจะพาสาวออกไปเที่ยวตั้งแต่หัววันแหละมั้ง แล้วก็พินิจพิเคราะห์ว่าควรจะเอาไงต่อดี
แต่พอลองเอามือบิดลูกบิดดู ก็ดันบิดได้ครับ

ผมลองยื่นหน้าไปส่องดูข้างใน ก็เห็นว่าข้างในนั้นมืดมาก ประมาณว่าขนาดกลางวันแสก ๆ ยังเหมือนปิดม่านมิดชิดจนมืดเลยครับ
เฮ่ย ○○ อยู่มั้ย ไม่สบายเหรอ” ผมลองเรียกดู ก็ไม่มีคำตอบใด ๆ ครับ
ผมก็มีความคิดนึงวูบเข้ามาในหัวว่า “ฮึ่ย หรือว่าจะไม่ได้โดดงาน แต่ป่วยหนักจนลุกมาโทรศัพท์ไม่ได้
แถมยังเป็นหลังวันหยุดต่อเนื่องสามวันด้วย อาจจะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ที่สุดเลยก็ได้

ผมก็รู้ว่ามันไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ถือวิสาสะเข้าไปในห้องของพนักงานใหม่ครับ
พอเข้าไปแล้วลองเปิดไฟดู ก็ต้องถึงกับผงะครับ เพราะมีผู้หญิงนั่งอยู่ที่โต๊ะอุ่นขาโคทัตสึนั่นเองครับ
ผมก็ร้องเสียงหลง “เหวอ” กระโดดโหยงเลยครับ แต่พอดูดี ๆ ผู้หญิงคนนั้น เป็นตุ๊กตาน่ะครับ
แถมยังลงรายละเอียดสมจริงมาก ถ้าไม่ได้มองจากด้านหน้าตรง ๆ ก็คงไม่นึกว่าเป็นตุ๊กตาเลยครับ

แต่ในห้องผู้ชายกลับมีตุ๊กตาขนาดเท่าตัวจริงนี่ อาจจะนึกไปถึงเรื่องทางนั้นกันนะครับ แต่นี่มันแปลกยิ่งกว่านั้น
บนโต๊ะโคทัตสึมีคริสต์มาสเค้ก ไก่ทอด อาหารอื่น ๆ แล้วก็ยังมีแก้วไวน์ อารมณ์ประมาณว่าคู่รักเพิ่งฉลองคริสต์มาสกันสองต่อสองที่นี่เลยครับ
ไอ้หมอนี้ แอบมีความวิปริตแปลก ๆ งั้นเหรอเนี่ย

พอถึงตรงนี้ ผมเริ่มเหงื่อแตกเป็นเม็ด ๆ
ทันใดนั้นเอง ประตูหน้าอพาร์ทเมนท์ก็เปิดขึ้น
เจ้าตัวนั่นเองครับ
พนักงานเข้าใหม่คนนั้นยืนอยู่ตรงนั้น

คาเอเดะจ๋า กลับมาแล้วจ้า
ตอนนั้นผมก็รู้ได้ทันที หมอนี้ไม่ปกติแน่นอน มันอันตรายเกินระดับวิปริตไปคนละมิติแล้วครับ
รุ่นพี่ มาทำอะไรครับ

พนักงานเข้าใหม่มองผมด้วยสายตาโคตรเย็นชาที่ไม่เคยเห็น ณ ที่ทำงานมาก่อนเลยครับ
ทีแรกตั้งใจว่าถ้าเจอจะตั๊นหน้ามันให้เข็ดสักหน่อย แต่เจอแบบนี้เข้า ความคิดนั้นก็หนีหายไปไหนก็ไม่รู้ครับ

อ่ะ เอ่อ ก็น้องเล่นไม่มาบริษัทน่ะ พี่เป็นห่วง ก็เลย...
"พอดีคาเอเดะเป็นหวัดน่ะครับ กำลังจะโทรไปแจ้งพอดี
ขะ... คาเอเดะ? สะ... สวยดีนะ
ถ้าทำให้มันโกรธคงเป็นเรื่องแน่ ต้องพยายามเล่นไปตามน้ำก่อนครับ
ตอนนี้แผ่นหลังผมเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

แล้วก็ การถือวิสาสะเข้ามาในห้องคนอื่นแบบนี้ มันผิดวิสัยคนธรรมดาไม่ใช่เหรอครับ อ๋อ แบบนี้ใช่มั้ยครับ ถ้าผมไม่กลับมาก็ตั้งใจจะทำอะไรมิดีมิร้ายกับคาเอเดะเหรอครับ
ปะ..ป่าว ใครจะไปทำอะไรตุ๊ก... ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นหรอก
ผมพยายามไม่ให้หลุดพูดคำว่าตุ๊กตาออกไปสุดชีวิต
โกหก มึงก็ตั้งใจจะพรากคาเอดะไปจากกูใช่มั้ย

พนักงานเข้าใหม่เดินลงส้นไปในครัว
เฮ้ย ซวยแล้ว
ห้องหมอนี่อยู่ชั้นสอง แต่ตอนนั้นผมไม่สนอะไรแล้ว ผมเปิดหน้าต่าง ออกไปทางระเบียงแล้วโดดลงชั้นหนึ่ง
หยุดนะโว่ย!

กูจะฆ่ามึง! ใครที่จะพรากคาเอเดะไปจากกู กูจะฆ่าให้ตายให้หมดเลย!
เสียงด่าทอของพนักงานใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนดังมาจากชั้นบน
มึงรออยู่ตรงนั้นเลย! เดี๋ยวกูลงไปฆ่ามึงแน่!
เสียงประตูเปิดดังขึ้น ผมไม่หันรีหันขวาง ผมวิ่งหนีสุดชีวิต ตะโกนไปพลาง ๆ ว่า “ใครก็ได้! ช่วยด้วย!

เคราะห์ร้ายที่ดันอยู่ในแถบชนบท ไม่มีแม้แต่วี่แววผู้คนเลยสักคน
เจอแบบนี้ ผมคิดเลยว่าอาจจะโดนฆ่าตายจริง ๆ เข้าก็ได้ เลยวิ่งเอาชีวิตรอดไปประมาณ 20 นาที
เอาจริง ๆ จำไม่ได้หรอกครับว่าวิ่งกี่นาที แต่เสียงโทรเข้ามือถือทำให้ผมกลับมาได้สติครับ
เป็นสายจากหัวหน้านั่นเองครับ
พอลองหันหลังกลับไปดูก็ไม่เห็นใครแล้ว ผมเลยโล่งอก จึงกดรับโทรศัพท์ไปครับ

พนักงานใหม่โดนตำรวจจับ เรื่องมันเป็นมายังไง” อะไรประมาณนี้ครับ
พอถามกลับไป ก็ได้ความว่า หมอนั้นถือมีดเดินไปตามถนน แล้วบังเอิญรถตำรวจผ่านมาเจอพอดี แถมยังตะโกนชื่อผมกับคำว่า “จะฆ่า จะฆ่า” ด้วย ตำรวจเลยเห็นว่าคงไม่ดีแน่ จึงรวบตัวเอาไว้ก่อนครับ
หลังจากนั้นผมก็ขอให้หัวหน้ามารับ ไปที่ห้องของพนักงานใหม่เพื่อเอารองเท้าที่ถอดไว้ แล้วจึงไปที่สถานีตำรวจครับ
พอเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ตำรวจฟัง พนักงานใหม่ก็ถูกแอดมิดเข้าโรงบาลไปครับ
เห็นว่าเป็นโรงบาลด้านนั้นเลยน่ะครับ
แน่นอนว่า พนักงานใหม่ก็ถูกให้ออกจากงานไปครับ

ช่วงสิ้นปีก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นครับ
ความรู้สึกสยองจนหน้าถอดสี มันทำให้รู้สึกถึงเสียงซ่าให้หูเลยครับ
ไม่เคยคิดว่าช่วงท้ายปีเบญจเพสจะมีอะไรแบบนี้เข้านะครับเนี่ย
ขนาดว่าไปสะเดาะเคราะห์มาแล้วนะครับเนี่ย...

---------------------------

สำหรับวัยเบญจเพศของญี่ปุ่น ก็มีหลายรอบครับ สำหรับผู้ชายก็ตอน 25 กับ 42 ครับ ส่วนผู้หญิงจะเป็น 19 กับ 33 ครับ

ก็ไม่รู้นะครับว่า ที่ผ่านมาเคยโดนครอบครัวเอา "คาเอเดะ" ไปทิ้งจนเก็บกดหรือยังไง เพราะเพิ่งมาใช้ชีวิตคนเดียวด้วยก็น่าจะเพิ่งเคยเอาคาเอเดะมาอยู่ด้วยนะครับ

เมอรี่คริสต์มาส

เมอรี่คริสต์มาส

สมัยเด็ก อะรากาว่าซังเคยเชื่อเรื่องซานตาคลอสเหมือนกันเด็กคนอื่น ๆ แต่พอเข้าโรงเรียนประถม ก็เริ่มสงสัยในตัวตนของซานตาคลอส
“พ่อแม่ชั้นนะ เคร่งเอามาก ๆ เลยล่ะ”

พ่อแม่เป็นข้าราชการต๊อกต๋อยทำงานในที่ว่าการของจังหวัด เพราะงั้นพอขอตุ๊กตาแบรนด์ Sylvanian Families ก็ได้ของถูก ๆ ตามห้างแทน พอขอเครื่องเล่นเกม ก็ได้ดิคชันนารี่อิเล็คทรอนิคแทน เลยเริ่มรู้ทีละนิดทีละหน่อยว่า ซานตาคลอสอะไรนั่น คงไม่จริงหรอก แต่ก็ยังไม่อยากปักใจ 100%

คริสต์มาสปีนั้น ตื่นมาข้างหมอนก็มีหนังสือภาพสัตว์โลกวางไว้ให้ อะรากาว่าซังเลยเดินห่อไหล่ไปโรงเรียนอย่างผิดหวัง
“เด็กคนอื่น ๆ ได้เกมเอย ตุ๊กตาน่ารัก ๆตัวเบ้อเริ่มเอย แทบทุกคน ปวดใจสุด ๆ
แล้วก็ไม่อยากโดนเด็กคนอื่น ๆ ถามว่า “
ได้อะไรจากซานตาคลอสเหรอ?” เลยต้องทำตัวเหมือนอากาศไร้ตัวตนตลอดทั้งวันเลย

ขากลับก็เดินตามเส้นที่ปกติไม่เดินผ่านเพื่อหลบหน้าเพื่อนร่วมชั้น พอผ่านเคยชุมชนไป ทะลุไปโผล่ที่สวนสาธารณะ ก็มีเสียงเรียกให้อะรากาว่าซังหยุดเดิน
พอลองหันกลับไปมอง ก็เห็นลุงคนหนึ่ง ในสภาพที่ค่อนข้างโทรม ๆ ผิดกับพ่อแม่หรือลุงที่เป็นญาติกัน
แต่ก็ไม่เชิงว่าจะเป็นคนเร่ร่อน ถ้าให้ยกตัวอย่าง ก็เหมือนจับเอาพนักงานมาตกบ่อโคลน อะไรประมาณนั้น (จากคำพูดของอะรากาว่าซัง)

คุณหนู คุณหนูมีของที่อยากได้มั้ย?
มี!” อะรากาว่าซังรีบตอบทันควัน คุณลุงเลยพูดต่อ
ใช่มั้ยล่ะ ใช่มั้ยล่ะ

รอบ ๆ อะรากาว่าซังก็ไม่มีผู้ใหญ่ที่ไม่ได้สวมชุดสูทคนอื่น ๆ เลยสักคน เพราะงั้น อะรากาว่าซังในวัยเด็กเลยคิดไปเองว่า
หรือว่าคุณลุงคนนี้คือซานตาคลอสตัวจริง
ไม่ได้มีหนวดเคราเหมือนที่อ่านเจอในหนังสือ แต่ดวงตาที่ใหญ่โตนั้นก็ใสแจ๋วราวกับทะเลสาบ
มืออันใหญ่โตก็เอื้อมมาลูบศีรษะอะรากาว่าซัง

งั้นอันนี้ให้คุณหนูละกัน รับรองว่าของข้างในต้องถูกใจคุณหนูแน่นอน” คุณลุงก็เอากล่องขนาดใหญ่เท่าลูกบาสที่ห่อด้วยกระดาษห่อสีคริสต์มาสยื่นมาให้
ขอบคุณค่า!” อะรากาว่าซังในวัยเด็กออกปากขอบคุณด้วยเสียงดังสดใส
จากความรู้สึกตอนจับ ก็พอจะรู้เลยว่าเป็นกล่องไม้

เมอรี่คริสต์มาส!” ลุงกล่าว อะรากาว่าซังก็ยิ้มแป้นโบกมือให้

อะไรน้า อะไรน้า~” คิดไปเดินกระโดดโลดเต้นไปเลยเชียว
ตุ๊กตารึเปล่าน้า หรือจะเป็นเครื่องเกม?
พอถึงบ้านก็รีบเปิดกล่องของขวัญ ข้างในมีโถขนาดพอดีกล่องเลย
เอ้า อะไรน้า” เปิดฝา หลับตา เอามือล้วงแบบลุ้นว่าจะเจออะไร

รู้สึกสาก ๆ พอลืมตาถอนมือออกมา ก็มีอะไรเหมือนทรายสีขาวติดตามแขนเสื้อและแขนขึ้นมา
เอ๊ะ หรือว่าจะอยู่ที่ก้นนะ
ครั้งนี้เลยล้วงจนลึกถึงศอก แต่ก็ไม่สัมผัสโดนอะไรนอกจากอะไรที่เหมือนทรายนั้นเลย
ล้วงควานหาอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งทรายขาวนั้นก็ร่วงหล่นออกมา

จนกระทั่ง
กลับมาแล้วจ้า
แม่ที่ลาครึ่งวันก็กลับมาถึงบ้านพอดี

แม่อะรากาว่าซังเห็นโถ ก็นึกว่าเป็นของที่ใช้สำหรับเป็นวาดรูป เลยถามแบบอมยิ้มมาว่า
อะไรละนั่น
แต่พออะรากาว่าซังกำลังจะอธิบาย รอยยิ้มนั้นก็หายไปทันที
ลูก ไปเอาไอ้นั่นมาจากไหน?!
เป็นเสียงตวาดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

รอยยิ้มที่อาจจะเคร่งขรึมแต่ใจดีที่เห็นทุกทีก็ไม่มีโผล่มาเลยสักแอะ
เอ่อ เอ่อ
แม่อะรากาว่าซังรีบเอามือปัดตามแขนและแขนเสื้อของอะรากาว่าซังอย่างลุกลี้ลุกลน
ท่าทีที่ไม่ธรรมดาของแม่ทำให้อะรากาว่าซังตื่นตระหนกจนพูดอะไรไม่ออก

ลูก นี่มันผงกระดูกนะ ส่วนนี่ มันโถบรรจุอัฐินะ

แม่ที่โวยวายว่านั่นเป็นกระดูกหลังจากที่ฌาปนกิจคน อะรากาว่าซังก็สติหลุดลอยยืนนิ่งไปเลย
ทรายขาวนั้นตกตรงโน้นตรงนี้ไปทั่วทั้งห้อง
เพราะงั้นชั้นถึงได้เกลียดคริสต์มาสแหละ” ที่อะรากาว่าซังพูดบ่อย ๆ ก็พอจะเข้าใจได้

พอถึงช่วงนี้ทีไร แม้แต่ในปัจจุบัน ก็ยังฝันเห็นอยู่เลย
คุณลุงสภาพเละเทะ มาเกาะอยู่ที่แขนขวาของชั้นน่ะ
”...

---------------------------

ก็ไม่รู้นะครับว่า คุณลุงคนนั้นเอาอัฐิตัวเองมาให้เพราะลูก ๆ หลาน ๆ ไม่มาดูแล จนกลายเป็นสื่อให้ตามติดอะรากาว่าซังที่แขนที่ล้วงลงไปในผงกระดูกนั่น หรือเป็นคนที่เอาอัฐิใครก็ไม่รู้มาให้เพื่อปล่อยของ

แต่ที่แน่ ๆ อะรากาว่าซังคงไม่ฉลองคริสต์มาสไปอีกนานเลยครับ หึหึหึหึหึ

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend