เรื่องผี ๆ บางทีก็ไม่ได้สยองไปซะทุกเรื่องครับ มีทั้งแบบอบอุ่นจากผีที่มาช่วย มาร่ำลา ไปจนถึงแบบเฮฮาตามประสาผีเปิ่น ๆ ครั้งนี้เรากลับมาดูเรื่องผีฮาเฮกันอีกสักสองเรื่องนะครับ
ยายที่เอาแมวมาให้ดู
ในห้องของชั้นที่มักจะเกิดอาการผีอำและเสียงอะไรแปลก ๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ก่อนหน้านี้ก็เป็นค่ะ ตอนที่กำลังจะหลับก็เจอผีอำเข้า
แต่พอดีว่าเจอบ่อย ๆ จนชิน เลยไม่ได้สนใจอะไรแล้วพยายามหลับให้ลง แต่กลับเจออะไรบางอย่างที่ต่างไปจากทุกครั้ง
รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาทับตัวอยู่ค่ะ
นี่ก็เพิ่งเจอเป็นครั้งแรกด้วย เลยกลัวเอามาก ๆ เลยค่ะ ลองพยายามสวดมนตร์ในหัว แต่ก็ไม่เป็นผล
ลองกล้า ๆ กลัว ๆ ลืมตาดู ก็เห็นยายคนนึงโผล่หน้ามามองจากข้างเตียง
ไม่ใช่ยายที่เป็นญาติโกโหติกานะค่ะ ยายที่ไหนก็ไม่รู้
ชั้นก็ ฮึ้ย และกำลังจะหลับตาหนี
แต่จู่ ๆ ยายก็หยิบอะไรที่ทับตัวผมอยู่ขึ้น แล้วเอามาอุ้มให้ชั้นเห็นชัด ๆ
มันคือแมวค่ะ
“น่ารักมั้ย? แมวตัวนี้น่ารักมั้ย? สุด ๆ เลยเนอะ?” ยายแกยิ้มด้วยสีหน้าที่เหมือนจะพูดแบบนั้น แล้วก็จากไป
เจ้าแมวก็ผละหนีออกจากอ้อมกอดของยาย วิ่งทะลุผนังไป แต่ยายแกวิ่งไล่ตามแมวไปชนผนังเข้าอย่างจัง ทำท่ามึนงงสักพัก แล้วก็เดินออกทางประตูเหมือนคนปกติค่ะ
มันก็น่ารักดีอยู่นะคะ แต่ยายแกตั้งใจจะให้ชั้นทำยังไงต่อ ชั้นก็ไม่รู้เลยค่ะ
มันก็น่ารักดีอยู่นะ
“เงี้ยแอวววว”
เสียงร้องมันน่ารักดีค่ะ
แล้วเสียงที่ยายแกชนผนังดัง ปั้ง! เนี่ย คือเสียงเดียวกับเสียงแปลก ๆ ที่ได้ยินประจำเลยค่ะ
หรือว่ายายแกจะอาศัยอยู่ที่นี่นะ…
---------------------------
สรุปแล้วยายแกเป็นคนหรือผีก็ไม่รู้นะครับ เข้ามาในห้องได้โดยไม่มีเสียง แต่ตอนวิ่งตามแมวขาออกกลับชนผนังซะดังลั่นเลย... แถมเป็นแบบนี้ทุกวันด้วยนะครับ สงสัยไปห้องอื่น ๆ มาทุกวันแหง
ดูเรื่องต่อไปกันดีกว่าครับ เรื่องนี้เคยเอาไปลงในเพจส่วนตัวมาแล้ว หลายคนอาจจะจำได้ ถือซะว่ามาแชร์ในแพลตฟอร์มอื่นก็แล้วกันครับ
สลัดมันฝรั่งบด
ผมเป็นคนประเภทที่มองไม่เห็นผี แต่จะรู้สึกขนลุกเวลามีอะไรไม่ดีอยู่ใกล้ ๆ ครับ แล้วในสมัยเรียนมหาลัยช่วงนึง ก็เจออะไรไม่ดีนั่นเข้ามาตามติดจนหลอนเลยครับ
ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอามาจากไหน แต่พออยู่ที่บ้าน นอกจากจะเจอปรากฏการณ์แปลก ๆ อันนึงแล้ว ก็จะเจอในความฝันทุกคืนด้วยครับ
ลักษณะที่เจอนั้นก็พิลึกพิลั่นเหลือเกินครับ
หลาย ๆ ส่วนของร่างกายของผู้คนมากหน้าหลายตาทุกเพศทุกวัย บีบอัดติดกันจนเหมือนสลัดมันฝรั่งบด
ก็เป็นความฝันที่เห็นปุ๊บก็รู้ว่าเป็นความฝันทันทีครับ แต่ก็จะได้ยินเสียงมากมาย พูดว่าช่วยด้วยเอย พูดถึงความคับแค้นใจเอย อภัยให้ไม่ได้เอย เสียงโหยหวนครวญคราง เสียงตวาดเกรี้ยวโกรธ เสียงด่าทอ มากมายแย่งกันพูด บวกกันรูปร่างที่น่าสะอิดสะเอียนแล้ว ตื่นมาทีไรก็อ้วกทุกครั้งเลยครับ
แน่นอนว่าทั้งสภาพร่างกายและจิตใจก็ย่ำแย่เอามาก ๆ จนไปที่มหาลัยไม่ไหวเลย แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จนเริ่มถอดใจไปครึ่งนึง คิดประมาณว่า ถ้าเป็นงี้ต่อไปสงสัยคงต้องตายเพียงลำพังเอย ตายไปคงถูกเอาไปผสมกลายเป็นส่วนหนึ่งของสลัดมันฝรั่งบดเอย ถ้าถูกเอาไปผสมในนั้น อย่างน้อยก็คงไม่โดดเดี่ยวเดียวดายเอย
ในช่วงนั้นเอง เพื่อนสนิทเก่าแก่ที่จบ ม.ปลายแล้วออกไปทำงานเลยจู่ ๆ ก็โทรมาหา ถ้าให้สรุปเรื่องที่คุย ก็ประมาณว่า “ไม่รู้สิ รู้สึกคาใจอะไรสักอย่าง เลยโทรไปอ่ะ เดี๋ยวไปค้างน่ะ มึงอยู่บ้านอย่าไปไหนล่ะ”
เอาจริง ๆ ก็ขี้เกียจรับแขกนะ แต่ไหน ๆ ก็ไม่ธุระอะไรต้องทำ แถมเป็นเพื่อนประเภทที่ไม่ค่อยฟังคำพูดของคนอื่นอยู่มาตั้งแต่สมัยก่อน เลยให้มาค้างที่บ้านครับ
พอมาถึงบ้าน เพื่อนก็ไม่ได้คุยเรื่องอะไรใหญ่โตเลยสักนิด มาจัดห้องให้โดยไม่ได้ขอ นั่งเล่นเกมคนเดียว เตรียมอาหารสำหรับสองคนให้ เตรียมน้ำอุ่นใส่ในอ่าง เหมือนมาใช้ชีวิตในบ้านตัวเองอยู่ที่บ้านคนอื่นยังไงยังงั้นเลยครับ แล้วก็ดื่มเหล้าจนเมาหลับไป
ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์กับความเหนื่อยล้าจากการคอยดูแลแขก เลยได้หลับสนิทเต็มที่ครับ แต่ในฝัน ไอ้เจ้าสิ่งนั้นมันก็โผล่มาอีกจนได้ครับ
ระหว่างที่พูดโน่นทำนี่ตามใจชอบแบบทุกที จู่ ๆ เพื่อนสนิทก็ปรากฏตัวขึ้นระหว่างผมกับไอ้เจ้าสิ่งนั้น
“อ่าว เฮ่ย?” ผมยังงง ๆ อยู่ เพื่อนก็ตัดบทด้วยประโยคเดียว
“พูดพร่ำอะไรกันวะ แ่งน่ารำคาญเว่ย!”
สลัดมันฝรั่งบดก็เงียบกริบ
แล้วเพื่อนสนิทก็ลุยต่อ คว้าเอาหน้าของคนนึงในสลัดมันฝรั่งไว้ แล้วลากตัวออกมาปาใส่พื้นดัง แผละ แล้วไปนั่งนิ่งตรงหน้าคนที่ถูกลากออกมา
“นั่งลงซะ! มึงเคียดแค้นอะไร มึงมีอะไรที่อภัยให้ไม่ได้ มึงอยากให้คนนอกอย่างพวกกูทำอะไรให้ แล้วมึงจะทำอะไรทดแทนให้ ทำแล้วพวกกูจะได้อะไร ห๊ะ!?” แล้วเพื่อนก็เงียบรอคำตอบ
“เอ่อ อ่า อืม...” ฟังคนที่เจออย่างนี้ไปจนพูดไม่ถูกอยู่สักพัก
“พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลยเว่ย! คนต่อไป เอ้า! มึง!”แล้วก็คว้าหน้าคนต่อไป ดึงพรวด ปาแผละลงพื้น
“นั่งลงซะ! มึงล่ะ... มึงก็ด้วยเหรอ เอ้า คนต่อไป!”
พรวด แผละ
“นั่ง! เอ้า ต่อไป!”
แผละ
“นั่ง! เออ ต่อไป!”
แผละ
คนทุกเพศทุกวัยโดนด่ากราดเหมือนกันหมด ทุกคนถูกแยกออกจากก้อนสลัดมันฝรั่งบด
“พวกมึงเอาแต่ใจพูดความคับแค้นใจของตัวเอง แต่ไม่มีใครพูดได้เลยว่ามึงแค้นใครหรืออะไร นี่มันหมายความว่ายังไงกันวะ! เออ ถ้าเป็นคนรู้จักก็ว่าไปอย่าง นี่พวกมึงมาทำใส่คนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แถมไม่เสนอข้อแลกเปลี่ยนอะไรเลยด้วย มันเสียมารยาทนะ รู้ไว้ซะ! พอรวมกลุ่มกันแหละมึงพูดโน่นพูดนี่กันโครมคราม แต่พอโดนจับแยกออกมา กลับพูดอะไรกันไม่ออก กึ๋นแ่งหายไปไหนหมดวะ อ่อนสัส!” เพื่อนสวดไปหนึ่งชุด
สุดท้าย เพื่อนก็จบด้วย
“แต่ไหนแต่ไร คนธรรมดาอย่างพวกกูน่ะ ไม่มีความสามารถที่จะไปชี้ทางให้พวกมึงได้อยู่แล้ว ตอนนี้แยกกันเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแล้ว มึงจะไปศาลเจ้าไปวัดไปโบสถ์ไปหารูปปั้นจิโซก็ไปซะ ไปให้พวกท่านชี้ทางสว่างให้ไป๊! ที่เหลือก็เรื่องของมึง! ชิ่ว ๆ!” แล้วก็ไล่ให้สลายตัวกันไป
พอผมตื่นจากการนอนเต็มอิ่มที่ไม่ได้สัมผัสมานาน เพื่อนสนิทก็ทักทายด้วย “เหนื่อยมามากสินะ” (お疲れさん / otsukaresan) พร้อมเตรียมอาหารเช้าไว้ให้
แต่ก็คาใจ ไอ้สิ่งนั้นมันคืออะไร เลยลองถามดู แต่เพื่อนก็ให้คำตอบมาแค่
“ไม่รู้เว่ย! แต่คงเป็นยานพาหนะสำหรับ 40 คนที่พาผู้โดยสาร 39 ชีวิตไปล้มคว่ำจนขยับแยกจากกันไม่ได้ล่ะมั้ง?”
เลยถามต่อว่าทำไมถึงมาค้างที่บ้าน เพื่อนก็ตอบมาแบบงง ๆ ว่า
“ไม่รู้สิ ไม่มีหลักฐานอะไรหรอกนะ แต่มันก็มีอะไรทำนองว่า แผ่นบิงโกที่ชนะแน่นอน อะไรงี้ใช่มั้ยล่ะ”
เป็นคำตอบที่เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ เลยจบแบบงง ๆ ไปอย่างงั้น แต่หลังจบมหาลัย นาน ๆ ทีก็ยังติดต่อกับหมอนี่อยู่บ้าง ยังคงพูดคุยกันอยู่ครับ
---------------------------
ได้เพื่อนดีเป็นศรีแก่ตัวจริง ๆ นะครับ แถมยังเทศนาสั่งสอนผีได้ด้วย เพื่อนที่โผล่มาในยามที่จำเป็นจริง ๆ
เสริมเล็กน้อย おつかれさま (otsukaresama) ปกติจะใช้พูดเวลาเลิกงานหลังจากทำงานหนักครับ อารมณ์ประมาณว่า ขอบคุณที่ทำงานจนเหนื่อย แต่ในเรื่อง น่าจะเป็นมุกของเพื่อนที่ใช้คำพ้องเสียง お憑かれさま ที่แปลว่า ถูกแฝง (取り憑く toritsuku แปลว่าแฝง ตามรังควาน สิงสู่) ครับ ตื่นมาที่จริงควรพูด おはよう ohayou มากกว่า นี่ตื่นมาใช้คำนี้ อาจจะเพราะเพื่อนเหนื่อยจากที่นอนไม่พอทุกวัน หรือไม่ก็มุกนี้ครับ
จริง ๆ เรื่องแนวคนนิสัยแปลก ๆ ที่ไล่ผีได้นี่ เคยฟังบ่อยเหมือนกันครับ อาจจะเป็นลักษณะเฉพาะตัวของคนที่ไม่ค่อยกลัวผีมั้งครับ มีคนนึงดูหงิม ๆ ติ๋ม ๆ พอเจอผี เปลี่ยนนิสัยเป็นคนละคนเลยก็มีครับ
Comments