※This article was published in February 2017※
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2013 UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสูงกว่า 3,776 เมตร และตั้งอยู่ในพื้นที่ของจังหวัด Shizuoka และ Yamanashi ภูเขาไฟฟูจิเป็นสถานที่ปีนเขาชั้นดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูร้อนระหว่งเดือนกรกฏาคมไปจนถึงกลางเดือนกันยายน กิจกรรมปีนฟูจิซังถือได้ว่าเป็นกิจกรรมยอดฮิตสำหรับหนุ่มๆสาวๆและนักเดินทางเลยหละค่ะ ในปี 2012 ตอนที่เรายังเป็นสาวมหาลัย ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัง Nagaoka เราได้มีโอกาสไปปีนภูเขาไฟฟูจิกับเพื่อนสมัยเรียน ตอนแรกก็กลัวนะคะ แต่เพื่อนๆบอกว่าปลอดภัยและไม่น่ากลัวหรอก ใครที่ไม่เคยปีนเขามาก่อนเลยก็สามารถขึ้นไปบนยอดฟูจิซังได้ เอาหละ...เราต้องลองสักครั้งใช่ไหมคะและเราก็ได้พบว่าการที่เราได้ตัดสินใจในครั้งนั้นได้กลายมาเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเราเลยหละค่ะ
ตอนอยู่จุดเริ่มต้น ใจชื้นมากเลยค่ะ เพราะมีเพื่อนรวมทางที่จะปีนเขาไปด้วยกันทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติเป็นร้อยคนเลย ตอนนั้นเราอยู่กันที่ภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 5 ณ ความสูง 2,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเลยทีเดียว เราเริ่มเดินทางกันตอน 2ทุ่ม เพื่อที่จะได้ไปถึงทันพระอาทิตย์ขึ้นพอดี โดยพวกเราเลือกเส้นทางที่ชื่อว่า Yoshida trail ซึ่งจะมีจุดพักเรื่อยๆระหว่างการเดินทางของเรา มีน้ำและอาหารขายด้วย ไม่ต้องกลัวว่าจะหิวจนหมดแรงไปซะก่อน รวมถึงยังมีร้านน้ำชาที่จะมีบริการที่พักค้างแรมสำหรับนักเดินทางที่ป่วยหรืออยากพักเอาแรงก่อนที่จะเริ่มเดินทางวันถัดไป โดยที่ราคาต่อคืนจะประมาณ 5,500เยน – 8,000 เยนเลยต่อคนค่ะ ถือว่าราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมาะสำหรับผู้ที่ไปต่อไม่ไหวจริงๆค่ะ ถือว่าเป็นโลเคชั่นที่ดีบนภูเขาไฟฟูจิเลยนะคะ
สำหรับเราแล้วการเดินทางครั้งนี้เหมือนเป็นการไปทัวร์มากกว่าไปผจญภัย พวกเราถ่ายรูปกันตลอดทางเลยค่ะ แวะตรงไหนเป็นอันต้องถ่ายรูปก่อน ทริปนี้เราจอยกับอาหารและเครื่องดื่มกันสุดๆ เหมือนกินบนนี้อร่อยกว่ากินข้างล่างทั้งๆที่ก็อาหารยี่ห้อเดียวกันนี่แหละ เมื่อปีนขึ้นไปเกือบถึงยอดแล้วจะพบว่ามีคนยืนต่อแถวตามเชือกกั้นกันยาวเหยียด ปรากฎว่าคนเขาต่อแถวเพื่อรอปั้มบนไม้กันค่ะ เหมือนกับเป็นเครื่องการันตีว่า คุณได้เดินทางมาจนถึงยอดเขาแล้วนะ ซึ่งการต่อแถวจะใช้เวลานานมาก แต่คนก็ยอมที่จะรอกันค่ะเพราะตราปั้มบนไม้ถือว่าเป็นของที่ระลึกที่มีคุณค่าต่อใจอย่างมาก อีกอย่างที่เราประทับใจสุดๆเลยคือ บนนี้ ที่ความสูงกว่า 3,772 เมตรมีที่ทำการไปรษณีย์ด้วยค่ะ! ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถส่งโปสการ์ดจากยอดฟูจิซังกลับไปหาคนที่บ้านหรือส่งไปให้คนสำคัญได้จากบนนี้เลยหละ
ปกติแล้วเราจะใช้เวลาเพียง 6-7 ชั่วโมงแบบไม่ต้องพักเยอะในการปีนไปถึงยอดของฟูจิซังแล้วค่ะ แต่ตอนที่เราไป กว่าจะถึงยอดก็ปาเข้าไปตี 4 แล้ว พวกเราใช้เวลากันกว่า 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว และตอนนั้นมีอุณหภูมิเพียงแค่ 0 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง ก่อนจะถึงจุดสูงสุดของภูเขา จะมีทางเข้าที่มีรูปปั้นสิงโตขนาบข้างซ้ายขวาเป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่า คุณพิชิตจุดสูงสุดของภูเขาไฟฟูจิได้สำเร็จแล้ว ที่ด้านบนมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบเลยค่ะ ทั้งห้องน้ำ ร้านอาหาร รวมถึงร้านขายของที่ระลึก เมื่อถึงเวลาประมาณตี 5 เป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังค่อยๆเคลื่อนตัวออกมาจากเมฆผืนใหญ่ที่แผ่โอบล้อมภูเขา แสงอาทิตย์สีส้มจางๆค่อยๆขยับมาทักทายนักท่องเที่ยว ชวนรู้สึกถึงการเริ่มต้นใหม่ ความงามของภาพที่เห็นสะกดเรา ณ ตอนนั้นให้ไม่อยากคลาดสายตาจากสิ่งที่เห็นตรงหน้าเลยหละค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นทั้งประทับใจทั้งมีความสุข เราก็เลยหยิบกล้องออกมาเก็บภาพความทรงจำไว้สักหน่อย เมื่อต้องกลับไปอินโดนีเซียสักวันหนึ่ง แล้วได้หยิบภาพของตัวเองถือธงชาติอินโดนีเซียบนจุดสูงสุดของภูเขาไฟฟูจิขึ้นมาดูจะช่วยให้เรายังคงระลึกถึงวันที่เรามีความสุขและภูมิใจในตัวเองที่สุดในฐานะที่ครั้งหนึ่งเราเคยได้พิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิได้สำเร็จแล้วนะ
Comments