เรื่องราวลี้ลับและสยองขวัญ ตอนที่ 47: ไปรู้จักกับสัตว์นำโชคในญี่ปุ่น 3 ชนิด

  • 15 ตุลาคม 2021
  • 16 กรกฎาคม 2021
  • Mon
  • Mon

เรื่องราวลี้ลับและสยองขวัญ ตอนที่ 46: ไปรู้จักกับสัตว์นำโชคในญี่ปุ่น 3 ชนิด

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความเชื่อทั้งเรื่องผีสางวิญญาณและเทพต่าง ๆ มากมาย แถมยังมีการถือเคล็ดต่าง ๆ ตามคำพ้องเสียงหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ อีกมาก ในครั้งนี้เราจะไปรู้จักกับสัตว์ต่าง ๆ ที่คนญี่ปุ่นถือว่าเป็นสัตว์นำโชคหรือเป็นสัญลักษณ์ในด้านดีต่าง ๆ กัน 3 ชนิดก่อนครับ จริง ๆ ยังมีอีกมาก แต่อยากให้อ่านในเชิงลึกกัน เลยเลือกมาทีละนิดก่อนครับ

และเพื่อให้ตรงกับชื่อซีรี่ส์ ผมได้ขุดค้นเรื่องลี้ลับ ตำนานเมือง และเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เหล่านี้มาด้วยครับ มาลองอ่านกันเลย

สัตว์นำโชค: แมว

สัตว์นำโชค: แมว

แมวเป็นสัตว์ที่คนญี่ปุ่นยกให้เป็นสัตว์นำโชคอันดับต้น ๆ อย่างที่เห็นได้จากตุ๊กตาแมวกวักตั้งประดับตามร้านค้าต่างๆ เพื่อเรียกโชคลาภหรือลูกค้าเข้าร้านครับ สำหรับแมวกวักเองก็มีตำนานต้นกำเนิดเช่นกัน

ทฤษฎีที่มาของแมวกวัก

ทฤษฎีที่มาของแมวกวัก

โดยมากมักจะอ้างอิงถึงเรื่องราวของตำนานประจำวัดโกโตคุจิ ในเรื่องกล่าวถึงซามูไรผู้มั่งมีแห่งแคว้นฮิโกะคนหนึ่งในสมัยเอโดะ อี นาโอทากะ เขาได้เดินทางไปยังแถบเซตากายะในเอโดะแล้วพบกับแมวในวัดโทรม ๆ ที่พระประจำวัดท่านเลี้ยงไว้ เมื่อเห็นแมวทำท่าเหมือนกวักมือเรียก นาโอทากะจึงเดินเข้าไปในวัดด้วยความแปลกใจ แต่เข้าไปถึงฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก บางตำราก็ว่ามีฟ้าผ่าลงตรงต้นไม้ที่นาโอทากะยืนอยู่ก่อนเดินมาหาแมว จึงคิดว่าตนถูกแมวช่วยเอาไว้ แถมระหว่างรอฝนหยุดยังได้ฟังเทศน์จนเกิดความเลื่อมใส เลยขอตั้งวัดนี้เป็นวัดประจำตระกูลเพื่ออุปถัมภ์วัด ขยายพื้นที่และทำนุบำรุงศาสนสถานให้ จนกลายเป็นวัดที่รุ่งเรื่อง ครั้นเมื่อแมวตัวนั้นตายไป ก็มีการทำเนินหลุมศพฝังให้ เรียกว่า เนโกะสึกะ 猫塚 ให้ และมีการทำหุ่นแมวกวักมาถวายเป็นอนุสรณ์ให้ด้วย จนวัดนี้เป็นที่รู้จักในนามวัดแมวกวัก ไปเลยทีเดียว

ทฤษฎีที่มาของแมวกวัก

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกทฤษฎีที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยพูดถึง เพราะเนื้อหาที่อาจจะไม่ใช่ด้านสว่างนัก นั่นก็คือ เรื่องของนางโลมคนหนึ่งในหอนางโลมย่านโยชิวาระในสมัยเอโดะที่เก็บแมวจรจัดมาเลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อนใจในช่วงชีวิตที่ยากเย็นแสนเข็น แต่เจ้าของหอนางโลมกลับมองว่าเอาแต่อยู่กับแมว เลยคิดว่าจะโดนผีแมวเข้าสิงเอา จึงหักคอฆ่าแมวไปเสีย นางโลมคนนั้นร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจ แต่หารู้ไม่ว่าใกล้ ๆ ศพแมวมีงูพิษกำลังเลื้อยคลานเข้ามา

พองูพิษจะกระโจนใส่นางโลม ก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น แมวที่เหลือแต่หัวก็พุ่งเข้ากัดงู กลายเป็นการตอบแทนคุณให้กับนางโลมที่คอนเอาใจใส่เลี้ยงดู จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีไป

และยังมีบางตำราเล่าต่อว่า มีลูกค้าที่ถูกคอกับนางได้ทำหุ่นสลักไม้รูปแมวส่งให้นางโลมเพื่อปลอบใจ จนเรื่องถึงหูช่างฝีมือเข้า จึงทำหุ่นแกะสลักไม้รูปแมวออกมาวางขาย กลายเป็นสินค้าขายดีนับแต่นั้นมา นอกจากนี้ การเรียกนางโลมว่า “เนโกะ” ในสมัยนั้นก็อาจเกิดจากเรื่องนี้ด้วยเช่นกันครับ

ความเชื่อเกี่ยวกับแมวอื่น ๆ

นอกจากนี้แมวยังคอยกำจัดหนูที่เป็นสัตว์พาหะนำโรค แถมสายตาที่มองเห็นได้ดีในที่มืดยังเชื่อกันว่าจะช่วยเฝ้าระวังไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามาในบ้านด้วยครับ ส่วนความเชื่อเรื่องแมวดำเดินตัดหน้าแล้วจะโชคร้ายนั้นมาจากทางตะวันตกที่เชื่อว่าแมวดำคือแม่มดจำแลงกายมา ไม่ใช่ความเชื่อแต่เดิมของญี่ปุ่นครับ

แต่ที่ญี่ปุ่นก็ยังเชื่อกันอีกว่า ถ้าแมวอายุยืนเกิน 20 ปี จะกลายเป็นโยไค เนโกะมาตะ 猫又 แมวสองหาง (แต่ในบางความเชื่อบอกว่า คำว่า มาตะ ไม่ได้พูดถึงหาง แต่พูดถึงการเริ่มชีวิตใหม่ในฐานะโยไคของแมว) สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งมีพลังมากขึ้น จำแลงกายได้ สะกดให้คนเลี้ยงทำตามใจได้ จนคนเลี้ยงกลายเป็นทาสแมว(แบบทาสจริง ๆ) ไปเลยก็มี คล้าย ๆ เสือสมิงที่มีอิทธิฤทธิ์มากนั่นเองครับ

สัตว์นำโชค: สุนัข

สัตว์นำโชค: สุนัข

สุนัขในญี่ปุ่นอาจจะไม่ค่อยมีใครมองว่าเป็นสัตว์นำโชคอะไร น่าจะเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์เสียมากกว่า แต่คุณรู้มั้ยครับว่า ที่ญี่ปุ่น สุนัขยังเป็นสัญลักษณ์ของการมีลูกเยอะ

แถมสุนัขก็เป็นสัตว์ที่นิยมใช้เฝ้าบ้าน นอกจากจะช่วยป้องกันขโมยหรือคนแปลกหน้าแล้ว ยังอาจช่วยเฝ้าบ้านจากสิ่งไม่ดีอื่น ๆ ได้ด้วย? ว่ากันว่าเสียงร้องหรือเสียงเห่าของสุนัขจะช่วยไล่สิ่งไม่ดี ในบางครั้งก็มีการรับเคราะห์แทนผู้เลี้ยง บางครั้งก็เห็นในสิ่งที่คนธรรมดามองไม่เห็นและคอยไล่ให้ครับ

สัตว์นำโชค: สุนัข

ตามวัดหรือศาลเจ้าบางแห่งยังอาจพบ โคมะอินุ หรือสิงห์เฝ้าประตูครับ แต่ในญี่ปุ่นจัดว่าเป็นสุนัขแทน ทางโอกินาว่าเองก็มี ซีซ่า ที่ดูออกไปทางสิงห์มากกว่าสุนัขเช่นกัน

ตำนานเมือง: รูปปั้นสุนัขคุ้มภัยแห่งโตเกียว

ตำนานเมือง: รูปปั้นสุนัขคุ้มภัยแห่งโตเกียว

เคยมีมังงะหลายเรื่องหยิบไปทำแล้วครับ แต่ก็มีเค้าโครงความจริงครับ รวมถึงจุดน่าสังเกตหลาย ๆ อย่าง นั่นก็คือ รูปปั้นสุนัขตามทิศประตูอสูร 鬼門 (คิมง) และทิศประตูอสูรหลัง 裏鬼門 (อุระคิมง) ซึ่งตรงกับรูปปั้นซามูไรคนสุดท้ายไซโก ทาคาโมริ ในอิริยาบถจูงสุนัขแห่งอุเอโนะ และรูปปั้นของเจ้าฮาจิโคแห่งชิบูย่านั่นเองครับ

ตำนานเมือง: รูปปั้นสุนัขคุ้มภัยแห่งโตเกียว

เชื่อกันว่าทั้งสองรูปปั้นนี้ทำขึ้นเพื่อแก้เคล็ดเรื่องทิศประตูอสูร ทำหน้าที่เป็นทวารบาลเฝ้าประตู ซึ่งก็มีจุดน่าสังเกตหลายจุดเช่น

  • ไซโก ทาคาโมริ เป็นซามูไรคนสุดท้าย ควรจะทำรูปปั้นในดูสมเกียรติในชุดซามูไรเต็มยศ แต่กลับทำขึ้นในท่าจูงสุนัขโดยเจ้าตัวก็อยู่ในชุดลำลอง
  • เคยมีการย้ายรูปปั้นฮาจิโค 2 ครั้ง ซึ่งมีเรื่องไม่ดีตามมาทั้ง 2 ครั้ง
  • ครั้งแรกคือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 14 สิงหาคม 1945 หรือเพียง 1 วันก่อนที่ญี่ปุ่นจะประกาศยอมแพ้สงครามนั่นเอง
  • ครั้งที่สองในเดือนพฤษภาคม ปี 1989 ก่อนเกิดเหตุการณ์ฟองสบู่แตกในปี 1990 เพียง 7 เดือน

ก็แล้วแต่คนจะเชื่อนะครับ แต่ทั้งชิบูย่าและอุเอโนะก็เป็นย่านที่มีผู้คนพลุกพล่านทั้งคู่ มันก็น่าคิดนะครับ เพราะดันตรงกับทิศคิมงของเขตมหานครโตเกียวพอดี…

สัตว์นำโชค: ลิง

สัตว์นำโชค: ลิง

หนึ่งในสิบสองนักษัตรเช่นเดียวกับสุนัข แต่โบราณมา ลิงมักถูกมองว่าเป็นคนส่งสาส์นของเทพ อีกทั้งในภาษาญี่ปุ่นลิง หรือ 猿 ซารุ ยังพ้องเสียงกับคำว่า 去る ซารุ ที่แปลว่าผ่านพ้นไป หายไป จากไป เช่นเรื่องร้าย ๆ ที่ผ่านไปในเร็ววันจึงถูกมองว่าเป็นสัตว์นำโชคครับ

ในสมัยก่อนที่มีการเลี้ยงม้า ยังถูกยกให้เป็นเทพผู้ดูแลม้าด้วย

ตำนานเมือง-เรื่องเล่าเกี่ยวกับลิง

มีตำนานเมือง-เรื่องเล่าที่ค่อนข้างโหดร้ายเกี่ยวกับลิงในท้องถิ่นทุรกันดารของญี่ปุ่นในสมัยก่อนอยู่หลายเรื่อง เช่น ในทางจังหวัดอาคิตะก็มีตำนานเมืองเกี่ยวกับเหล้าลิง ซารุสาเก ที่ไม่ได้หมายถึงเหล้าธรรมชาติที่เกิดจากการบ่มผลไม้ที่ลิงชอบกินกัน แต่เป็นการทำยาดองที่เชื่อว่าแก้โรคทางเดินอาหารได้สารพัดโรค แต่มีกฎอยู่ว่าห้ามเปิดดูว่าข้างในดองอะไรไว้ ไม่เช่นนั้นผู้ที่ดูจะตาย ซึ่งจากชื่อแล้วก็คงจะพอรู้นะครับว่า น่าจะเป็นลิง มีนักสำรวจในสมัยเอโดะ สึกายะมาสุมิ ได้เดินทางไปยังจังหวัดอาคิตะ ฟังเรื่องเล่าท้องถิ่นและบันทึกข้อมูลเอาไว้ ซึ่งมีดังนี้ครับ

ตำนานเมือง-เรื่องเล่าเกี่ยวกับลิง

ซารุสาเก เชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยเฮอัน ขุนพลในสมัยนั้น คิโยฮาระ ทาเกะโนริ ได้จับลิงขนาดใหญ่มาสามตัว เลาะเอาเนื้อแผ่นหลังกับม้ามออก ดองในน้ำเปล่า 30 วัน แล้วนำไปตากแห้ง จากนั้นนำไปดองในเหล้าจนได้ที่ แล้วนำไปตากแห้งอีก สุดท้ายก็นำไปดองในน้ำเกลือ 3 ปี จึงพร้อมใช้เป็นยา แต่ไม่รู้ว่าความโชคร้ายหรือคำสาปอะไร ตระกูลคิโยฮาระก็ตายยกตระกูลในสงคราม ข้ารับใช้ ชิมาดะ เก็นสุเกะ ได้นำซารุสาเกหลบหนีออกมา นำไปเปิดร้านขายยาแต่ยังคงทำตามข้อห้ามอย่างเคร่งครัด จนมีเจ้าอาวาสซึ่งเป็นพระญี่ปุ่นท่านหนึ่งมาขอดูบ่อยครั้ง บอกว่าถึงตายก็ยอมอยากจะรู้ให้ได้ เก็นสุเกะจึงใจอ่อนยอมให้ดูของข้างใน แต่เจ้าอาวาสท่านนั้นก็ตายด้วยโรคมะเร็งภายในหนึ่งปีลูกชายของเจ้าอาวาสเองก็สงสัย จึงมาขอดูบ้าง แต่ก็ตายด้วยโรคมะเร็งภายในหนึ่งสัปดาห์ นับแต่นั้นมา ผู้ครอบครองซารุสาเกก็ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ซึ่งตัวนักสำรวจ มาสุมิ เองก็ได้เห็นภาชนะดอง และในช่วงปีโชวะเองก็มีหนังสือพิมพ์ทำข่าวยืนยันว่าซารุสาเกยังมีอยู่จริง ล่าสุดในปี 2017 ก็มีรายการโทรทัศน์ทำเรื่องเกี่ยวกับซารุสาเกอยู่ด้วย

ความเชื่อโบราณของญี่ปุ่นได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับลิงไว้อีกเรื่องว่า เคยมีพรานฆ่าลิงเพื่อล่าสัตว์ แต่ปรากฏว่าเป็นลิงตัวเมียที่กำลังท้อง สุดท้ายพรานก็ตายยกตระกูล ลิงจึงถูกมองว่าเป็นคนส่งสาส์นของเทพ ห้ามฆ่าครับ จึงเชื่อกันว่า ตระกูลคิโยฮาระ น่าจะโดนคำสาปจากการฆ่าลิง ส่วนคนที่เปิดดูก็อาจจะโดนความแค้นของลิง 3 ตัวเล่นงานเอาก็ได้ จึงกลายเป็นวัตถุต้องสาปที่ห้ามเปิดดู แต่ใช้ดื่มแก้โรคทางเดินอาหารได้…

ตำนานเมือง-เรื่องเล่าเกี่ยวกับลิง

นอกจากนี้ยังมีการบูชาลิงด้วยการหมักข้าวให้เป็นเหล้าหวานเพื่อล่อให้ลิงมากิน จับลิงมาขังโดยตลอดกระบวนการจะสวมหน้ากากไม่ให้ลิงเห็นหน้า เลี้ยงด้วยเหล้าหวานจนได้ที่ แล้วฝังลิงไว้ใต้ดินเป็นเวลา 1 ปี จึงขุดขึ้นมา (โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก) นำกระดูกมาตั้งบูชา เหมือนเป็นการ “ช่วย” ออกมาแล้วให้ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยครับ เรียกกันว่า เอเบะซัง หรือ เอ็มเบะซัง บ้างก็เชื่อว่าน่าจะมาจาก เอบิสุซัง หรือตัวอ่านคำว่า 猿 ซารุ แบบองโยมิว่า เอ็น

แต่ที่น่าสยองกว่าคือ มีบางความเห็นเชื่อว่าอาจจะใช้คนจริง ๆ แล้วอ้างว่าเป็นลิงก็ได้ครับ เช่นในสมัยก่อนการใช้มิโกะในการสังเวยชีพบูชายัญ ส่วนเอเบะซังก็อาจจะมอมเหล้านักเดินทางที่ผ่านมายังหมู่บ้านนั้นครับ เพราะผู้เล่าก็ถูกให้ลองชิมเหล้าท้องถิ่นที่ว่ากันว่าทำเพื่อเอเบะซังระหว่างที่ไปหาข้อมูลวิจัยแล้วเจอเรื่องนี้เข้า ไม่รู้ว่าเป็นเหล้าถวายหรือเหล้าที่ไว้มอม “ลิง” เพื่อจับทำเป็นเทพนะครับ…

เดี๋ยวคราวหน้าจะวนไปเรื่องอื่น ๆ ก่อน แล้วจะกลับมาต่อกับสัตว์นำโชคชนิดอื่น ๆ นะครับ

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend