https://www.flickr.com/photos/caseyyee/4278891424
By Casey Yee/ Flickr.com
https://www.flickr.com/photos/kentamabuchi/4250688049/
By Kenta Mabuchi/ Flickr.com
ถึงแม้ว่าการเดินทางจากฟุกุโอกะไปมิยาซากิจะใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ยังไงเราก็ขอยืนยันสุดใจว่า ทริปนี้มันคุ้มค่าจริงๆนะ เพื่อนๆสามารถขึ้นรถไฟสายตรงจากฟุกุโอกะไปถึงมิยาซากิได้ โดยใช้บริการรถไฟขบวน Nichirin ขึ้นที่สถานีฮากาตะ โดยจะใช้เวลาทั้งสิ้น 5 ชั่วโมง และถ้าอยากแวะไปชมเกาะอาโอชิมะ ให้ต่อรถไฟของเมืองหรือรถไฟสายเดิมจากสถานีมิยาซากิไปสถานีอาโอชิมะซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30นาทีและเดินต่ออีกประมาณ 5 นาทีก็จะถึงเมืองอาโอชิมะแล้วหละค่ะ
แต่ถ้าหากอยากเดินทางไวกว่านั้น ลองใช้บริการรถบัส ซึ่งจะพาเพื่อนๆไปส่งถึงสถานีมิยาซากิด้วยเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งทั้งบัสและรถไฟจะไปส่งผู้โดยสารที่สถานนีนี้ค่ะ จากนั้นเพื่อนๆจะต้องต่อรถไฟไปที่สถานีอาโอชิมะอีกต่อหนึ่ง
https://www.flickr.com/photos/caseyyee/4278143869/
By Casey Yee/ Flickr.com
หินกระดานซักผ้าของยักษ์นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อนะคะว่า ทำไมอาโอชิมาถึงได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์บนดิน รอบๆ เกาะมีทัศนียภาพที่สวยงามและยังมีบริเวณที่ปลอดภัยสำหรับการลงเล่นน้ำอีกหลายจุดด้วยกัน เพื่อนๆสามารถไปชมความงามของมหาสมุทรแปซิฟิกผ่านพื้นหินกระดานซักผ้าของยักษ์ และมิใช่ความงามของทะเลเท่านั้น ยังมีส่วนที่เป็นป่าร่มรื่นที่เหมาะทั้งแก่การมาพักผ่อนและเพลินเพลินกับชายหาดที่สวยงาม
ฮั่นแน่...อยากมาเที่ยวที่นี่แล้วใช่ไหมล่ะคะ สถานที่ท่องเที่ยวยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีสถานที่สำคัญอีกที่แห่ง ซึ่งถือว่าทริปนี้จะไม่สมบูรณ์ หากไม่ได้ไปกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าอาโอชิมะ
เมื่อเดินเท้าจากสถานีอาโอชิมะประมาณ 17นาที จะสังเกตเห็นประตูทางเข้าศาลเจ้าสีแดงรอต้อนรับนักท่องเที่ยว
ศาลเจ้าแห่งนี้มักจะเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของคู่รักหลายๆคู่ นอกจากนั้นแล้วศาลเจ้าอาโอชิมะยังเป็นต้นตำนานของเทพเจ้าญี่ปุ่นหลายองค์อีกด้วย และหนึ่งในนั้นคือเทพเจ้า Hoori no Mikoto หรือเทพเจ้าแห่งธัญพืช ครั้งหน้าเวลาจะทานโกโก้ครั้นช์อย่าลืมขอบคุณเทพเจ้าโฮโอริกันก่อนนะคะ
จริงๆ แล้วยังไม่ทราบแน่ชัดว่าศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อไร แต่จากหลักฐานที่มีอยู่ทำให้สัณนิษฐานกันว่าศาลเจ้านี้อาจถูกสร้างขึ้นประมาณปีคริสต์ศักราช 820 และถูกใช้เป็นสถานที่ทำศาสนพิธีของนิกายชินโต ซึ่งสาธุชนทั่วไปห้ามย่างกรายเข้าไปเด็ดขาด เพราะเป็นที่สำหรับนักบวชนิกายชินโตเท่านั้น และถูกใช้เรื่อยมาจนถึงปีคริสต์ศักราช 1777 ภายในศาลเจ้ามีปฏิมากรรมรูปปั้นเทพเจ้า Benzaiten ที่แสนงดงาม Benzaitenเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภเฮียวงะ (เอิ่ม..ไม่ใช่เฮียวงะแฟนนารุโตะนะ) ที่คู่รักหลายๆ คู่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่ เพราะ Benzaiten เป็นเทพเจ้าที่จะประธานโชคด้านความรัก ซึ่งชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า ถ้าได้มาสักการะบูชาและมาจัดงานแต่งงานที่นี่ เทพเจ้า Benzaiten จะดลบันดาลให้คู่รักครองรักกันกันยาวนาน แต่ใช่ว่าจะได้มากราบไหว้รูปปั้นเทพเจ้า Benzaiten กันง่ายๆ นะคะ เขาต้องมีการจองคิวกันก่อนด้วย มิใช่เพียงแต่ชื่อเสียงด้านความศักดิ์สิทธ์ของศาลเจ้าเท่านั้น ที่นี่ยังมีเทศกาลหนึ่งซึ่งทั้งนักท่องเที่ยวและชาวเมืองเองก็ให้ความสนใจ นั่นคือเทศกาล Hadaka Mairi หรือเทศกาลเปลือยกาย อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ จริงๆ แล้วก็ไม่ถือว่าแก้ผ้าทั้งหมดหรอก เมื่อถึงวันเทศกาลตัวแทนบุรุษชายจะนุ่งกางเกงผ้าเตี่ยวแบบนักซูโม่ และจะมีการว่ายน้ำข้ามทะเลที่เย็นเจี๊ยบเพื่อไปที่ศาลเจ้าอาโอชิมะ จากตำนานเล่าไว้ว่า ครั้งหนึ่ง Hikohohode no Mikoto ได้มาเยี่ยมมนุษย์แบบกระทันหัน ซึ่งชาวบ้านยังไม่ทันได้แต่งตัวเลย พวกเขาเลยต้องทำการต้อนรับเทพเจ้าแบบเปลือยเปล่า จึงเป็นที่มาของเทศกาลเปลือยกายและดำเนินสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเทศกาลที่น่ามาสัมผัสด้วยตนเองจริงๆ ใช่ไหมล่ะคะ
https://www.flickr.com/photos/spilt-milk/4569318742/
By yoppy/ Flickr.com
https://www.flickr.com/photos/caseyyee/4278891926
By Casey Yee/ Flickr.com
มีหลากหลายกิจกรรมและสถานที่สวยงามในมิยาซากิกำลังรอให้เพื่อนๆ ได้มาสร้างความทรงจำ โดยเฉพาะเกาะอาโอชิมะที่เราเพิ่งเล่าให้ฟังไป ถ้าพร้อมแล้วซื้อตั๋ว จัดกระเป๋า แล้วอย่าลืมแต่งชุดสวยเดินทางมาที่อาโอชิมะก่อนนะคะ เราจะยังไม่ถอดออกจะกว่าจะถึงเทศกาล Hadaka mairi
Map:
Comments