มารู้จักของหวานและวากาชิ (ขนมญี่ปุ่น) ที่เกิดในประเทศญี่ปุ่นกัน - ประวัติ ส่วนผสม ประเภท และวิธีการรับประทานโดยละเอียด!

วากาชิ (和菓子 / Wagashi) หมายถึงขนมญี่ปุ่น มาจากคำว่า วะ (和 = ภาษาญี่ปุ่น) และ คาชิ (菓子 = ขนม) ขนมญี่ปุ่นที่สวยงามหลากหลายที่สื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว เช่น ดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ด้วยสีสันสดใส แล้วมันมีที่มายังไง? ทำจากอะไร? กินอย่างไรให้อร่อย? มารู้จักเรื่องต่างๆ ผ่านทางคำถามที่เกี่ยวข้องกับขนมญี่ปุ่นทีละข้ออย่างละเอียดกันค่ะ

ที่มาและประวัติของวากาชิ

กล่าวกันว่าขนมญี่ปุ่นวากาชิ มีต้นกำเนิดในสมัยโจมงเมื่อหลายพันปีก่อน โมจินั้นก็ถือกำเนิดขึ้นเป็นอย่างแรก ว่ากันว่าคนสมัยก่อนนำถั่วและผลไม้เปลือกแข็งต่างๆ มาตากแห้งและเก็บรักษาไว้ นำไปบดเป็นผงเพื่อขจัดความแข็ง รีดและปั้นให้เป็นก้อนกลม และนำไปอุ่นเพื่อทำโมจิค่ะ นอกจากนี้ยังมีคำอธิบายเกี่ยวกับโมจิในหนังสือเก่าจากราวปี ค.ศ. 934 และดูเหมือนว่ามันถูกทำขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้าโดยใช้ข้าวซึ่งมีราคาแพงในสมัยนั้น และถูกให้ความสำคัญราวกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาก นี่คือจุดกำเนิดของ "โมจิ" ซึ่งว่ากันว่าเป็นอาหารแปรรูปที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น

หลังจากนั้น วิธีการผลิตและเทคนิคของวากาชิก็พัฒนาขึ้นภายใต้อิทธิพลของการแลกเปลี่ยนกับอาณาจักรถัง (ปัจจุบันคือประเทศจีน) และการพัฒนาวัฒนธรรมพิธีชงชา เมื่อเวลาผ่านไป วัตถุดิบต่างๆ ถูกนำมาใช้ เทคนิคการประมวลผลได้รับการปรับปรุง และเริ่มสร้างวากาชิคุณภาพสูงที่มีรูปทรงสวยงาม

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าที่มาของคำว่า 'คาชิ' (菓子 - ขนม) ในภาษาญี่ปุ่นนั้นมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าคนในสมัยโบราณที่ไม่พอกิน จะกินถั่วและผลไม้เมื่อพวกเขาหิว (菓 / ka / คะ - หมายถึง ถั่วและผลไม้) สำหรับคนสมัยก่อนที่ยังไม่มีเทคโนโลยีในการแปรรูปอาหาร ความหวานของผลไม้จึงมีความพิเศษมาก จะเห็นได้ว่าแตกต่างจากอาหารหลักที่รับประทานกันในสมัยโบราณค่ะ

วัตถุดิบอะไรที่ใช้บ่อยที่สุดในวากาชิคือ?

ส่วนผสมที่ใช้บ่อยที่สุดในขนมญี่ปุ่นคือ อังโกะ (ถั่วกวน) ทำโดยการบดถั่ว กวนและเพิ่มรสหวานลงไป ถั่วต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถั่วอะซูกิก็เป็นส่วนประกอบสำคัญเมื่อพูดถึงวากาชิค่ะ

นอกจากนี้ ข้าวเหนียวและธัญพืชอื่นๆ และคันเต็นซึ่งมีเนื้อแน่นเมื่อต้มและละลายก็เป็นส่วนผสมทั่วไปที่ใช้ในการทำวากาชิ นอกจากนี้ ขนมญี่ปุ่นมักทำด้วยรูปทรงและส่วนผสมที่เกี่ยวข้องกับฤดูกาลทั้งสี่ของญี่ปุ่น จึงมักใช้ผลไม้ตามฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกาลัดและลูกพลับมักถูกใช้เป็นส่วนผสม และมักจะใช้ลูกพีช ลูกแพร์ ส้มแมนดาริน และพลัม เพื่อเลียนแบบรูปร่างหรือเพื่อให้ได้กลิ่นหอมมากที่สุดค่ะ

ประเภทของวากาชิ

ต่อไปจะมาแนะนำประเภทของขนมญี่ปุ่นวากาชิกัรค่ะ วากาชิสามารถแบ่งออกได้เป็นนามะกาชิ (生菓子 / namagashi - ขนมดิบ/ขนมสด) ฮันนามะกาชิ (半生菓子 / han-namagashi - ขนมกึ่งดิบ/กึ่งสด) และฮิกาชิ (干菓子 / higashi - ขนมแห้ง) ใน 3 ประเภทนี้ เราจะแนะนำของที่มักพบในร้านขายของที่ระลึกและร้านวากาชิ คุณอาจเคยเห็นหรือเคยกินของเหล่านี้มาบ้างแล้วก็เป็นได้นะคะ

ประเภทของวากาชิ: โมจิ (餅)

เป็นขนมสดที่ทำจากข้าว เช่น ข้าวเหนียวและข้าวไม่เหนียว รวมถึงแป้ง "เด็นปุน" ที่สกัดจากคุสุ (กวาวเครือญี่ปุ่น) หรือวาราบิ (ผักกูด) เนื้อแป้งที่หนุบหนับก็เป็นที่นิยมและมีสินค้าตามฤดูกาลเช่น "คุสะโมจิ" และ "ซากุระโมจิ" ทั้งยังมีอย่างอื่นอีกด้วย เช่น "ไดฟุกุ" ซึ่งมีอังโกะและส่วนผสมเป็นไส้ในของโมจิ และ "อุอิโระ" ซึ่งไม่มีการใส่อังโกะค่ะ

ประเภทของวากาชิ: มันจู (饅頭)

“มันจู” หรือที่คนไทยเรียกว่าซาลาเปา คือขนมที่นึ่งหรืออบหลังจากห่อส่วนผสมด้วยแป้งเปลือก (生地 / kiji / คิจิ) ซึ่งทำโดยการนวดแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า แป้งโซบะ ฯลฯ มันจูมี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ มันจูอบและมันจูนึ่งค่ะ

ประเภทของวากาชิ: โมนากะ (最中)

ขนมญี่ปุ่นที่นำไส้ถั่วแดงอังโกะมาประกบระหว่างเปลือกที่ทำโดยใส่แป้งข้าวเหนียวบางๆ ลงในแม่พิมพ์ มี "โมนากะ" ที่มีรูปร่างเหมือนสิ่งนำโชคด้วย และเป็นหนึ่งในขนมวากาชิที่มักใช้ในการเฉลิมฉลองหรืออวยพรค่ะ

ประเภทของวากาชิ: โยกัง (羊羹)

โยกังมี 3 ประเภท "เนริโยกัง" (練りようかん / Neriyokan - โยกังนวด) ที่ต้มถั่วแดงกวน น้ำตาล และวุ้นในขณะที่นวดและทำให้แข็งตัวในแม่พิมพ์ "มิซุโยกัง" (水ようかん / Mizuyokan - โยกังน้ำ) ซึ่งมีปริมาณน้ำสูงกว่าโยกังนวด และ "มุชิโยกัง" (蒸しようかん / Mushiyokan - โยกังนึ่ง) ซึ่งทำโดยใส่แป้งสาลีและผงแป้งกวาวเครือญี่ปุ่นลงในถั่วแดงกวน (อัง) โดยไม่ใช้วุ้น แล้วนึ่งและทำให้แน่นเป็นรูป มักใช้เป็นของขวัญสำหรับการเฉลิมฉลองค่ะ

ประเภทของวากาชิ: เซ็มเบ้ (せんべい)

สำหรับวากาชิ นอกจากขนมหวานที่แนะนำไปก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีวากาชิรสเค็มอีกด้วย “เซมเบ้” หรือข้าวเกรียบทำมาจากข้าวไม่เหนียวที่นึ่งและแผ่บางๆ ให้แบน ปรุงรสด้วยเกลือหรือโชยุ แล้วนำไปอบหรือทอด เป็นหนึ่งในขนมข้าวที่ทำจากข้าวที่ไม่เหนียว ในขณะที่ขนมข้าวที่ทำจากข้าวเหนียวนั้นจะเรียกว่า "อาราเระ" หรือ "โอกากิ" ค่ะ

การจับคู่ความอร่อยของวากาชิและเครื่องดื่ม

เช่นเดียวกับกาแฟรสขมที่เข้ากันได้ดีกับขนมอบรสหวาน หรือวิสกี้และไวน์แดงเข้ากันได้ดีกับช็อกโกแลตค่ะ ขนมวากาชิก็มีเครื่องดื่มที่เข้ากันได้ดีด้วย ลองหาคู่ที่เข้ากันได้ดีที่สุดด้วยตัวคุณเองดูนะคะ

ประเด็นที่ 1: ชาที่เข้ากันได้ดีกับวากาชิแต่ละประเภทจะแตกต่างกันไป

นามากาชิ (ขนมดิบ) ที่หวานและเหนียวเข้ากันได้ดีกับชาญี่ปุ่นรสเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมัทฉะและชาเขียวเกียวคุโระที่หรูหรานั้นก็เข้ากันอย่างยิ่งค่ะ!

ในทางกลับกัน สำหรับข้าวเกรียบเซมเบ้และขนมอบที่มีรสโชยุเข้มข้น เราขอแนะนำบันฉะที่มีกลิ่นหอมแรงและเข้มข้นค่ะ!

ไดฟูกุ โอฮางิ และขนมโมจิชนิดหนักอื่นๆ เข้ากันได้ดีกับชาเขียวคั่วอ่อน ชาซีลอนที่ฝาดน้อย และชาอัสสัม เป็นต้นค่ะ

ประเด็นที่ 2: การจับคู่ถั่วแดงบดอังโกะและเซมเบ้กับสุรานั้นก็ยอดเยี่ยม!

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าขนมและสุราเข้ากันได้ดี อย่างที่ช็อกโกแลตมักเสิร์ฟคู่กับวิสกี้หรือไวน์แดง แต่ก็ยังไม่เป็นที่ทราบกันดีนักว่าขนมญี่ปุ่นกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ากันได้ดีด้วยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถั่วแดงกวนอังโกะซึ่งมีความหวานเข้มข้นและรสอูมามิของถั่ว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกล่าวกันว่าเข้ากันได้ดีเป็นพิเศษกับสาเกจุนไมที่มีรสดราย นอกจากนี้ยังเข้ากันได้ดีกับบรั่นดีหวาน ไวน์แดง และเบียร์ดำที่ทำจากน้ำตาลทรายแดง! เบียร์ยังเข้ากันได้ดีกับขนมข้าวรสเค็มเช่นข้าวเกรียบเซมเบ้ค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างค่ะสำหรับบทความนี้ อย่าลืมใช้บทความนี้เป็นข้อมูลอ้างอิงเมื่อคุณไปเที่ยวญี่ปุ่นในครั้งต่อไป และลองเปรียบเทียบขนมญี่ปุ่นประเภทต่างๆ เมื่อมีโอกาสนะคะ!