วิธีการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น

คงไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณจะพบว่าการเดินทางไปทั่วประเทศญี่ปุ่นสามารถถลุงงบของคุณได้อย่างจริงจัง ถึงกระนั้นก็มีตัวเลือกมากมายให้เลือกเมื่อคุณจะเดินทางไปรอบ ๆ ประเทศที่สวยงามแห่งนี้ และหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำคือเดินทางโดยรถไฟค่ะ

อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นคงจะกังวลไม่เพียงแค่เกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายอันสูงลิ่วเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้ขนส่งมวลชนโดยการใช้ระบบรถไฟที่ไม่คุ้นเคยด้วยนั่นเองค่ะ

ในบทความนี้เราจะมาบอกข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นกันค่ะ

มีรถไฟแบบใดบ้าง?

เมื่อเอ่ยถึงรถไฟของญี่ปุ่น ทุกคนก็จะรู้ทันทีว่านั่นคือระบบขนส่งมวลชนที่ดีที่สุดในโลก เพราะทั้งมีประสิทธิภาพสูง สะอาดใหม่เสมอ และมอบความสบายอย่างล้นเหลือ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบริการรถไฟแทบทุกที่ทั่วญี่ปุ่น ดังนั้นไม่ว่าคุณต้องการจะไปที่ใดก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีรถไฟที่สามารถพาคุณไปที่นั่นหรือที่ที่ใกล้ที่สุดได้ค่ะ

ในญี่ปุ่นมีบริษัทรถไฟมากมาย แต่ที่คุณจะพบบ่อยที่สุดก็คือรถไฟของบริษัทการรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Railways) ซึ่งมีชื่อเรียกย่อ ๆ ว่า JR ค่ะ

เมื่อคุณตัดสินใจเดินทางโดยรถไฟแล้ว ต่อมาคุณก็จะต้องเลือกประเภทรถไฟที่คุณต้องการ และเช่นกัน คุณจะพบกับตัวเลือกมากมาย หากคุณไม่รีบร้อนคุณสามารถนั่งรถไฟช้า ๆ อย่าง "รถธรรดา" ที่เรียกว่าฟุซือ (普通 / futsū หรือ Normal) หรือ "รถจอดทุกสถานี" ที่เรียกว่า คาคุเอกิเทฉะ (各駅停車 / kaku-eki-teisha หรือ Local) ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมสองข้างได้แบบเจริญตาเจริญใจค่ะ

ในกรณีที่คุณต้องการเดินทางไปจุดหมายด้วยความเร็วมากขึ้นอีกหน่อยโดยจอดรับส่งผู้โดยสารเพียงบางสถานี คุณควรเลือก "รถเร็ว" ที่เรียกว่า คิวโค (急行 / kyūkō หรือ Express) ค่ะ

ที่เร็วขึ้นเป็นลำดับต่อมาก็คือ "รถด่วน" ที่เรียกกันว่า ไคโซคุคิวโค (快速急行 / kaisoku kyūkō หรือ Rapid Express) และรถเร็วที่สุดในราคาเท่ากัน "รถด่วนพิเศษ" ที่เรียกว่า ทคคิว (特急 / tokkyū หรือ Limited Express) ซึ่งจะเป็นขบวนรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองและมีจำนวนไม่มากเท่าแบบที่ช้ากว่า

ท้ายที่สุดคือขบวนรถไฟหัวกระสุนอันลือชื่อ หรือ ชินคันเซ็น (新幹線 / Shinkansen) ซึ่งรถไฟชนิดนี้จะวิ่งบนรางเฉพาะแยกจากรถไฟอื่น ๆ ของ JR มีความรวดเร็วมากที่สุด จอดน้อยสถานีที่สุด คือถ้าจะจอดก็จะเป็นเมืองหรือสถานีใหญ่เท่านั้นค่ะ

มีรถไฟระดับไหนให้เลือกนั่งบ้าง?

ครั้งแรกที่คุณขึ้นรถไฟในญี่ปุ่นคุณอาจสงสัยว่า ระหว่างรถไฟตู้ขบวนแบบปกติกับตู้ขบวนแบบกรีนคาร์ (Green Car) มันจะเหมือนกับการแบ่งระดับชั้นธุรกิจหรือชั้นหนึ่งใช่หรือไหม? ง่าย ๆ ค่ะ หากคุณเลือกกรีนคาร์ คุณก็จะได้นั่งรถไฟที่เบาะนั่งมีความกว้างขวางกว่า รวมถึงมีความแออัดของผู้โดยสารน้อยกว่าซึ่งทำให้คุณผ่อนคลายและมีความสบายระหว่างเดินทางสูงสุด

สิ่งหนึ่งที่คุณควรทราบในกรณีที่คุณใช้บัตร Japan Rail Pass คุณสามารถใช้ตู้ขบวนแบบกรีนคาร์ได้ แต่จะต้องไปจองตั๋วรถกรีนคาร์ที่สถานีต้นทางก่อนโดยสารรถไฟดังกล่าวทุกครั้ง แต่ถ้าไม่จองก็นั่งตู้ปกติได้เช่นกันค่ะ

ค่าตั๋วแต่ละแบบราคาเท่าไหร่?

การเดินทางโดยรถไฟในญี่ปุ่นนั้นมีมาตรฐานที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้ราคาถูกสักเท่าไหร่ค่ะ เพราะฉะนั้น คุณคงต้องเตรียมตัวจ่ายราคาค่อนข้างแพงสำหรับการเดินทางเพียงครั้งเดียวในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และแพงยิ่งขึ้นไปอีกหากคุณใช้รถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็นค่ะ ถ้าคุณขึ้นรถไฟซินคันเซ็นแล้วเดินทางเป็นระยะ 600 กม. คุณจะได้รับส่วนลด 10% ในกรณีที่ซื้อตั๋วแบบไปกลับ อย่างไรก็ตามราคาตั๋วอันสูงลิ่วก็อาจจะไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ เพราะยังมีวิธีการเดินทางอื่น ๆ ที่ถูกกว่ารถไฟอีกค่ะ

สิ่งหนึ่งที่คุณควรรู้ก็คือตั๋วรถไฟนั้นมักจะมีการขึ้นราคาในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว อย่างช่วงเดือนเมษายน พฤษภาคม และธันวาคม ราคาตั๋วรถไฟจะพุ่งสูงขึ้นจากปกติถึง 200 เยน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวประจำปีค่ะ

มีตั๋วพิเศษหรือส่วนลดอื่นอีกหรือไม่?

มีแน่นอนค่ะ! ถ้าคุณชอบการเดินทางด้วยรถไฟแล้วล่ะก็ การซื้อ Japan Rail Pass จากเอเจนซี่ท่องเที่ยวในประเทศต้นทางก็เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะตั๋วดังกล่าวสามารถใช้ได้ไม่มีการจำกัดเที่ยว สะดวกกว่าการไปซื้อตั๋วเที่ยวเดียวหลาย ๆ รอบแถมยังประหยัดเงินได้อีกด้วย ยกเว้นว่าคุณจะไปเที่ยวแค่ที่เดียวตลอดทริปไปเยือนญี่ปุ่นค่ะ แต่จะมีระยะเวลาที่ใช้ได้อยู่เช่น 7-14-21 วัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ตั๋วโดยสารยานพาหนะอื่นๆ ในเครือ JR ได้อีกตัวอย่างเช่น รถเมล์ และเรือข้ามฟาก

สำหรับตั๋วแบบ 7 วัน มีราคาอยู่ที่ 29,110 เยน ต่อมาแบบ 14 วัน มีราคา 46,390 เยน และแบบ 21 วันซึ่งช่วยให้คุณท่องเที่ยวไปได้ทั่วญี่ปุ่นมีราคา 59,350 เยนค่ะ

เหตุผลที่เราแนะนำให้ซื้อตั๋วชนิดนี้เพราะว่า หากคุณซื้อตั๋วแบบปกติขาเดียว ขึ้นรถไฟจากโตเกียวไปยังโอซาก้า คุณจะต้องจ่ายสูงถึง 14,000 เยนเลยทีเดียว ซึ่งการเดินทางไปกลับก็พอ ๆ กับตั่ว Japan Rail Pass แบบ 7 วันแล้วค่ะ

จำเป็นต้องสำรองที่นั่งไหม?

คุณสามารถจองที่นั่งได้ในการเดินทางด้วยรถไฟทุกครั้ง แต่บางครั้งช่วงเวลาธรรมดาก็อาจไม่จำเป็น ยกเว้นช่วงวันหยุดยาวของประเทศญี่ปุ่นอย่าง เทศกาลปีใหม่ เทศกาลโอบงในเดือนสิงหาค, หรือโกลเด้นวีคในเดือนเมษายน - ต้นพฤษภาคม เพราะช่วงวันหยุดเหล่านี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางจำนวนมาก เพราะฉะนั้นควรจองที่นั่งก่อนค่ะ โดยสามารถไปจองได้ตัวแทนนำเที่ยวหรือศูนย์บริการของ JR ค่ะ