โอนิมีรูปร่างหน้าตาเหมือนปีศาจ เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่คุ้นเคยกันดีในญี่ปุ่นซึ่งรู้จักกันในนามว่า โยไค (yokai ภูต)
โอนิ คืออะไร
โอนิ (Oni 鬼) เป็นตัวละครที่ชั่วร้ายในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น โดยมีประวัติอันยาวนานในฐานะอสูรกายที่ชอบใช้ความรุนแรงมากกว่าสิ่งอื่นใด ตั้งแต่การขู่ให้เด็กหวาดกลัวในเทศกาลฤดูหนาวไปจนถึงผู้พิทักษ์ทางเข้านรก คุณจะพบกับโอนิได้ทั่วญี่ปุ่น และสามารถพบเห็นได้ง่านหากคุณรู้ว่าควรจะไปมองหาได้ที่ไหน แม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่มีชื่อเสียงในฐานะอสูร แต่โอนิบางตนก็เป็นมิตร อย่างโอนิที่คอยต้อนรับผู้มาเยือนออนเซ็น (น้ำพุร้อน) ของเบ็ปปุ หรือนำความสุขมาสู่ผู้คนในคุนิซากิ (Kunisaki) ฟังดูแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมดเสียทีเดียว
โอนิ หน้าตาเป็นอย่างไร
ส่วนใหญ่มักมีขนาดรูปร่างใหญ่และมีกล้ามเนื้อล่ำ โดยทั่วไปมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่จะมีรูปร่างสูงกว่าผู้ชายทั่วไป ใบหน้าอัปลักษณ์ที่มักจะบูดบึ้งและมีหนึ่งเขาหรือสองเขาเหมือนกับโทรลล์หรืออสูรในท้องถิ่นที่อื่น ๆ ของโลก พวกเขายังมีฟันซี่ใหญ่แหลมยื่นออกมาจากปากและนุ่งโจงกระเบนตัวน้อย ส่วนใหญ่ถือกระบองคู่ใจไว้ในมือข้างเดียวซึ่งใช้โจมตีทุกสิ่งที่เจอ
ประวัติความเป็นมาของโอนิ
เชื่อกันว่าถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่นพร้อมกับพุทธศาสนาในศตวรรษที่ 6 แนวคิดของโอนิได้ถูกพัฒนานำไปอยู่ในตำนานของญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น โอนิปรากฏตัวในทุกมุมของสังคมตั้งแต่ศาสนา (ส่วนใหญ่เป็นศาสนาพุทธ) ไปจนถึงวรรณกรรม เล่นบทตัวร้ายในนิทานเช่นเรื่องโมโมทาโร่ ในความเชื่อทางพุทธศาสนา โอนิเป็นผู้รับใช้พญายมราชในนรก รับผิดชอบเรื่องการทรมานและการลงโทษในยมโลก
คำว่าโอนิมักจะหมายถึงสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่แตกต่างกันไป โดยลักษณะที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือรูปร่างอสูรที่น่ากลัว การเป็นตัวแทนนี้เชื่อมโยงกับพุทธศาสนาโดยปรากฏในภาพของนรกและเป็นปีศาจที่จะถูกขับไล่ในเทศกาลตามฤดูกาลเช่นเซ็ตสึบุน (Setsubun) อย่างไรก็ตามยัง สามารถใช้กล่าวถึงเทพและวิญญาณบรรพบุรุษ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถอยู่ร่วมกับมนุษยชาติได้อย่างกลมกลืนและมักเกี่ยวข้องกับภูเขาและผืนป่า คำว่าโอนิยังสามารถใช้เพื่ออธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้ เช่นในทางปฏิบัติมักหมายถึงสิ่งที่มีขนาดใหญ่เช่น โอนิ-ฮิโตะเดะ (oni-hitode ปลาดาวขนาดใหญ่) นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่ออธิบายลักษณะของบุคคลเช่น "โอนิ-" "โอะนิชกุน" ("oni-", "oni-shogun") (โชกุนผู้มีใจสิงห์) เพื่อหมายถึงความกล้าหาญ
จะพบเห็นโอนิได้ที่ไหนบ้าง
หนึ่งในสถานที่ที่พบเห็นโอนิได้บ่อยที่สุดคือในวัดญี่ปุ่น แต่คุณต้องมองขึ้นไปสูง ๆ วัตถุประดับบนหลังคามีรูปร่างเหมือนใบหน้าของโอนิและปกป้องวิหารจากวิญญาณชั่วร้าย
แม้ว่าจะดูคล้ายกัน แต่ก็มีข้อสังเกตว่ารูปปั้นสองรูปที่เฝ้าทางเข้าวัดไม่ใช่ปีศาจ แม้จะมีรูปร่างล่ำสันและท่าทางดุดัน แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาคือ “นิโอ” (Nio 仁王 สองท้าวทวารบาล) หรือ “คงโกริคิชิ” (Kongorikishi 金剛力士 วัชรบาล) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดและการตายของทุกสิ่ง อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ในวัดคุณอาจเห็นปีศาจก็ได้
พิพิธภัณฑ์โอนิและโอนิกโกะแลนด์ - จังหวัดทตโตริ (Oni Museum and Onikko Land - Tottori)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในชนบทของจังหวัดทตโตริซึ่งสามารถมองเห็นได้ง่ายเนื่องจากมีปีศาจยักษ์นั่งอยู่บนยอดเขาพร้อมกับประตูโทริสีแดงที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ในพิพิธภัณฑ์มีประวัติศาสตร์ของปีศาจและรูปลักษณ์ร่วมสมัยของพวกเขาในสื่อและวัฒนธรรมยอดนิยม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีพื้นที่เล่นสำหรับเด็กขนาดใหญ่พร้อมเครื่องเล่นบางประเภทที่มีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย เมืองโฮอุคิ (Houki) ยังอ้างว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับโอนิที่เก่าแก่ที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่อยู่ของเหล่าโยไคอีกต่างหาก
ข้อมูลสถานที่
- ชื่อสถานที่: โอนิกโกะแลนด์ (Onikko Land おにっ子ランド)
- ที่อยู่: 580 Udai, Houki, Saihaku, Tottori
- เวลาทำการ: 10:00 น. - 17:00 น. / 09:00 น. - 17:00 น. (กรกฎาคม - กันยายน)
- วันหยุดประจำ: วันอังคาร วันหยุดนักขัตฤกษ์ตั้งแต่เดือนธันวาคม - มีนาคม
การตระเวณชมบ่อนรก จิโกกุเมกุริ เบปปุ (Jigoku Meguri, Beppu)
พื้นที่ออนเซ็นที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องยูกิจินสีแดงและสีน้ำเงิน (yukijin 湯鬼神 เทพอสูรแห่งน้ำร้อน) ที่เป็นมิตรอย่างน่าประหลาดใจ - โอนิต้อนรับที่นำโชคดีมาสู่ผู้ที่มาเยือนออนเซ็น ที่รู้จักกันในชื่อ จิโกกุ (Jigoku บ่อนรก Hells of Beppu) ออนเซ็นของที่นี่มีทั้งบ่อที่เป็นฟองสีแดง สีฟ้าสดใสและแม้แต่บ่อที่มีจระเข้ ทำให้ปีศาจดูราวกับอยู่ที่บ้านของตนเลยเชียว
เทือกเขาคุนิซากิ (The Mountains of Kunisaki)
เมืองคุนิซากิได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างดีเยี่ยมจากโอนิ ซึ่งมีความเชื่อว่าพวกเขานำความสุขมาสู่ผู้อยู่อาศัยในรูปแบบของวิญญาณบรรพบุรุษ ภูเขาหินรูปร่างแปลกตาในพื้นที่นี้เชื่อกันว่าเป็นถ้ำคล้ายที่อยู่อาศัยของโอะนิซึ่งถูกมองว่ามีพลังมากจนราวกับจะเป็นเทพ หลายคนเดินทางไปยังถ้ำที่เป็นอันตรายเพื่อรับพลัง และโอนิที่นี้ได้รับความเคารพบูชามากกว่าที่จะถูกหวาดกลัว ปัจจุบันนี้บริเวณนี้มีงานเทศกาลรูปปั้นและงานแกะสลักขนาดยักษ์รวมถึงจุดชมธรรมชาติที่แสดงผลที่เกิดจากปีศาจ
วัดเซ็นโคจิ จังหวัดโอซาก้า (Senkoji Temple, Osaka)
วัดแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องภาพวาดของสวรรค์และนรกพร้อมด้วยโอนิที่เป็นประโยชน์มากมายที่จะช่วยเหลือคุณตลอดเส้นทาง วัดเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นที่ตั้งของจิโกกุโด (Jigoku-do) (วิหารนรก) ซึ่งแสดงภาพนรกในสายตาของชาวพุทธ และยังคอยประเมินให้ด้วยว่าสุดท้ายแล้ว คุณจะไปอยู่ที่นั่นในรูปแบบไหน (ขึ้นอยู่กับโชคลาภของคุณ) จะเห็นว่ามีใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรของเอ็นมะ (Enma 閻魔 ยม พญายมราช ผู้ปกครองดินแดนชีวิตหลังความตาย) ที่รายล้อมไปด้วยปีศาจที่น่ากลัวและวิดีโอเกี่ยวกับความเสี่ยงในการตกสู่นรกจากการใช้ชีวิตอย่างเลวร้าย หากคุณทนดูปีศาจไม่ไหว คุณสามารถไปชมแดนสวรรค์ภายในวัดต่อได้
ข้อมูลสถานที่
- ชื่อสถานที่: วัดเซ็นโคจิ (Senkoji Temple 全興寺)
- ที่อยู่: 4-12-21 Hirano Honmachi, Hirano, Osaka
- เวลาทำการ: 09:00 น. - 17:00 น.
- ค่าเข้าชม: ฟรี
เทศกาลเกี่ยวกับปีศาจในญี่ปุ่น
ปีศาจปรากฏตัวในงานเทศกาลของญี่ปุ่นหลายแห่งซึ่งมักจัดขึ้นในฤดูหนาวและเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นโอนิที่น่ากลัวในบทบาทเต็ม ๆ
เซ็ตสึบุน(Setsubun): ปีศาจและการปาถั่ว
เซ็ตสึบุน (節分) เป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีการจัดขึ้นอย่างกว้างขวางในญี่ปุ่น โดยมีการจัดพิธีในทุกวัดที่มีขนาดพอสมควรทั่วประเทศ จะมีการปาถั่วเพื่อขับไล่ปีศาจโดยวัดบางแห่งให้โอนิออกมาปรากฏตัว เพื่อให้ฝูงชนใช้เป็นเป้าในการปาถั่วขณะที่ตะโกนว่า ”โชคลาภจงเข้ามา! ปีศาจจงออกไป!” ซึ่งจะจัดขึ้นในสองสามวันแรกของเดือนกุมภาพันธ์ตรงกับวันก่อนเริ่มฤดูใบไม้ผลิ นอกจากการปาถั่วแล้วผู้คนจะกินซูชิม้วนแบบพิเศษที่เรียกว่า เอะโฮมากิ (Eho-maki 恵方巻き) ในขณะที่หันหน้าไปทางทิศนำโชคประจำปีนั้น ๆ
เทศกาลนามะฮาเกะ เซโดะ (Namahage Sedo Festival): ปีศาจที่แสนน่ากลัว
เทศกาลนามะฮาเกะ เซโดะ (Namahage Sedo Festival なまはげ柴灯まつり) ในจังหวัดอาคิตะที่เต็มไปด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาวเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในญี่ปุ่น ปีศาจที่น่าสยดสยองมองหาเด็กที่ประพฤติตัวไม่ดีหรือเกียจคร้าน จากแต่เดิมมักจะคอยเฝ้ามองคนที่นั่งข้างกองไฟนานเกินไปเพื่อมาทำการตัดผิวหนังที่ไหม้เกรียมออก อย่างไรก็ตามพวกเขายังช่วยเรื่องการขอพรให้เกี่ยวข้าวได้อุดมสมบูรณ์ด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น คุณสามารถเห็นปีศาจลงมาจากภูเขาพร้อมกับคบเพลิงในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ค้นหาเด็กซนในเมือง พร้อมถือกลอง คบไฟ และขนมหวานสองสามอย่างที่จะเอาไปแจก มีพิพิธภัณฑ์ในเมืองให้ชมหากคุณไม่สามารถไปชมตามเวลาที่จัดเทศกาลได้
Comments