สมัยนี้ คนหนุ่มสาวจำนวนมากได้มองหาวิธีต่าง ๆ ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตนเองกัน “การไปต่างประเทศ” ก็เป็นคือหนึ่งในนั้นค่ะ นอกจากการไปศึกษาในต่างประเทศแล้ว การใช้ระบบที่เรียกว่า "Working Holiday" ก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่คนหนุ่มสาวอีกด้วย ในบทความนี้ CODY บรรณาธิการชาวฮ่องกงของ FUN! JAPAN จะมาเล่าถึงประสบการณ์ของเธอเอง และเธอตัวที่ "ชื่นชอบนักแสดงในวงการบันเทิงญี่ปุ่น" ซึ่งได้เดินทางมาญี่ปุ่นด้วย "วีซ่า Working Holiday" ยังจะมาเล่าถึงวิธีการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นไปจนครบวีซ่าด้วยงบประมาณที่จำกัดอีกด้วยค่ะ
เริ่มชอบคนในวงการบันเทิงญี่ปุ่นมาตั้งแต่อายุ 15 ปี
ฉันกลายเป็น "คนที่ชื่นชอบญี่ปุ่น" ตั้งแต่อายุ 15 ตอนที่อยู่ในฮ่องกง ฉันมักจะดูละครและรายการวาไรตี้ของญี่ปุ่น นั่นทำให้ฉันชอบไอดอลญี่ปุ่น ฉันเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นที่โรงเรียนเอกชนในฮ่องกงเพราะฉันอยากเข้าใจเนื้อหาได้นทันทีโดยไม่ต้องพึ่งซับไตเติ้ลของรายการทีวี ยิ่งฉันดูละครมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งอยากลองไปใช้ชีวิตในญี่ปุ่นแบบเดียวกับละครมากยิ่งขึ้น แลก็ยิ่งอยากดูคอนเสิร์ตของไอดอลที่ฉันชอบในญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น ทำให้ฉันใฝ่ฝันถึงการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น หลังจากเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ฮ่องกงเป็นเวลาประมาณ 5 ปี ฉันต้องการมีทักษะภาษาญี่ปุ่นติดตัวอย่างเป้นทางการ และพัฒนาให้เป็นทักษะเฉพาะทางของฉัน ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจก่อนที่จะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยว่าจะมาที่ญี่ปุ่น
"ระบบ Working Holiday" ทำให้ความฝันให้เป็นจริง
แม้ว่าฉันจะไม่มีสภาพแวดล้อมทางการเงินของครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ฉันก็สามารถไปญี่ปุ่นได้ด้วยระบบ "Working Holiday" อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทางครอบครัวก็เป็นห่วงและสภาพทางการเงิน จึงถูกทางครอบครัวต่อต้านในตอนแรก แต่หลังจากจบการศึกษาจากวิทยาลัย ฉันก็เริ่มทำงานในฮ่องกงเป็นเวลาสามปีเพื่อเก็บเงินเป็นทุน และได้รับอนุญาตจากครอบครัวในที่สุด ในปี 2017 ฉันมาถึงญี่ปุ่นตามความฝันของฉัน สิ่งแรกที่ฉันไปคือไปดูคอนเสิร์ตของวงไอดอลจอห์นนี่ "อาราชิ" ที่ฮอกไกโด
※Working Holiday คือระบบพิเศษในการอนุญาตหรือการควบคุมการตรวจคนเข้าเมือง ที่อนุญาตให้คนหนุ่มสาวเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันและทำงานไปด้วยเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อเป็นทุนในการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนั้น ๆ ตามข้อตกลงทวิภาคีระหว่างสองประเทศ
Working Holiday แบบไปดูคอนเสิร์ตและทำงานนอกเวลาไปพลาง ๆ
ในช่วง 1 ปีของวีซ่า Working Holiday ฉันได้ทำงานที่โรงแรมในจังหวัดชิบะ ทำงานพาร์ทไทม์ที่จุดขายตั๋วในรีสอร์ทเล่นสกีในนากาโนะ และทำงานพาร์ทไทม์ที่ลานตั้งแคมป์ในกุนมะ ในที่สุดฉันก็มาถึงโตเกียวและทำงานที่จุดขายตั๋วของสวนสนุก งานพาร์ทไทม์ในห้องอาหาร และรับผิดชอบงานแปลที่บริษัท "FUN! JAPAN" ที่ทำอยู่ในปัจจุบัน สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือการทำงานที่รีสอร์ทเล่นสกีในนากาโนะ ที่ฮ่องกงไม่มีหิมะตก แถมรีสอร์ตเล่นสกียังอยู่บนภูเขาที่รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามซึ่งหาได้ยากในฮ่องกงค่ะ ในช่วงวันหยุด ฉันชอบเล่นสกี จึงได้เรียนเล่นสกีมาด้วย นอกจากนี้ ที่รีสอร์ตเล่นสกีที่ฉันทำงานก็มีเรื่องให้ใช้จ่ายเงินไม่มากนัก เพราะเป็นแบบไปอาศัยอยู่ในรีสอร์ตเลย จึงประหยัดเงินเดือนได้ทั้งหมด ซึ่งก็กลายมาเป็นเงินไปเที่ยวและไปดูการแสดงคอนเสิร์ตนั่นเองค่ะ
ทำไมถึงมาทำงานที่ FUN! JAPAN?
ตอนที่เหลือระยะเวลาวีซ่า Working Holiday อยู่ครึ่งปี ฉันก็ได้พบงานผ่านแอพ เป็นงานที่ FUN! JAPAN ค่ะ เนื้อหาของงานคือ "แนะนำข้อมูลเกี่ยวกับญี่ปุ่นให้กับชาวฮ่องกงด้วยภาษาจีนกวางตุ้ง" ซึ่งนั่นก็น่าสนใจมาก ๆ หลังจากเข้ามาร่วมงานกับบริษัท นอกจากจะมีงานตั้งแต่การแปลไปจนถึงการเขียนเนื้อหาแล้ว ฉันมีโอกาสได้ไปเก็บข้อมูลตามที่ต่าง ๆ ของญี่ปุ่น เนื้อหาในงานของฉันก็มีมากมาย และฉันก็ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างมาก ฉันอยากจะทำงานในบริษัทนี้ และเปลี่ยนจากวีซ่า Working Holiday มาเป็นวีซ่าทำงาน
ที่บริษัท พนักงานจากหลากหลายประเทศก็ได้มาทำงานร่วมกัน มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันได้ และความสัมพันธ์ของทุกคนก็ดีมากเช่นกัน ต่างจากบริษัททั่วไปที่มักปรากฏในละคร ความสัมพันธ์แบบแบ่งชั้นหัวหน้าลูกน้องไม่เข้มงวดนัก ทุกคนในบริษัทจะไปเล่นโบว์ลิ่งด้วยกัน แม้แต่ประธานบริษัทก็มาเล่นด้วยค่ะ!
คำแนะนำสำหรับผู้ที่จะใช้ระบบ Working Holiday จากนี้ไป
หากคุณต้องการใช้ประโยชน์จากระบบ Working Holiday แบบเดียวกับที่ฉันทำ ฉันขอแนะนำให้ทำงานนอกเวลาตามรีสอร์ทหรือสกีรีสอร์ทค่ะ สามารถหาเพื่อนใหม่ได้จากทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจำนวนมากยังเสนอให้ไปอยู่อาศัยในรีสอร์ตได้ ทำให้ได้ใช้เวลาร่วมกันและสนิทกันมากขึ้นค่ะ แม้ว่าสัญญาสิ้นสุดลงแล้วแต่ก็ยังติดต่อกันอยู่ค่ะ และที่สำคัญที่สุดคือ สถานที่ตั้งอยู่ห่างไกลและมีความบันเทิงน้อย ดังนั้นจึงสามารถประหยัดเงินได้มากด้วยค่ะ! หากคุณเก็บออมเงินไว้แล้วค่อยย้ายไปอยู่เมืองใหญ่ทีหลัง คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพทางการเงินมากมายเท่าไหร่ค่ะ
นอกจากนี้ฉันยังคิดว่า ควรมาญี่ปุ่นหลังจากที่เรียนภาษาญี่ปุ่นในประเทศของคุณเองมาก่อนจะดีกว่าค่ะ ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถโต้ตอบและพูดคุยกับคนอื่น ๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นได้ ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่นให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย!
Comments