กิโมโนนั้นได้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในชุดประจำชาติของญี่ปุ่น แต่อะไรคือจุดแตกต่างระหว่างกิโมโนกับยูกาตะ? หรือว่าจริง ๆ แล้วมันคือสิ่งเดียวกัน? ในบทความนี้ เราจะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างชุดยูกาตะกับชุดกิโมโนจาก 4 แง่มุม โดยมีแผนภูมิเปรียบเทียบที่คุณสามารถดูได้อย่างรวดเร็วในตอนท้าย อย่าลืมไปลองดูความแตกต่างระหว่างกิโมโนและยูกาตะเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นนะคะ!
ชุดยูกาตะและชุดกิโมโนของญี่ปุ่นคืออะไร? มาเทียบตั้งแต่ประวัติความเป็นมากันเลย!
ก่อนอื่นเรามาไขประวัติของชุดยูกาตะและชุดกิโมโนกันก่อนดีกว่าค่ะ มีความแตกต่างระหว่างทั้งสองในแง่ของประวัติและที่มามากน้อยแค่ไหนกันเอ่ย?
ยูกาตะคืออะไร?
ยูกาตะแต่เดิมเรียกว่า "ยุคาตาบิระ" (湯帷子) และสวมใส่โดยชนชั้นสูงในสมัยเฮอัน (794 - 1185) เพื่อการอาบน้ำ สมัยนั้นไม่มีธรรมเนียมการเปลือยกายอาบน้ำเหมือนในสมัยปัจจุบัน ว่ากันว่าชุดยุคาตาบิระในสมัยนั้นทำหน้าที่เป็นเสื้อผ้าที่ช่วยซับเหงื่อและป้องกันการลวกโดยทำให้แน่ใจว่าผิวหนังไม่ได้สัมผัสไอน้ำร้อนโดยตรงในห้องอบไอน้ำ รวมถึงปกปิดความเปลือยเปล่าด้วย ในสมัยนั้นผ้าฝ้ายถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะทำชุดยุคาตาบิระจากผ้าป่านค่ะ
ตั้งแต่สมัยเอโดะตอนกลาง (ค.ศ. 1603 – 1868) ชาวญี่ปุ่นเริ่มหันมาเปลือยกายเวลาอาบน้ำ และคนทั่วไปก็เข้าถึงผ้าฝ้ายได้มากขึ้น ประกอบกับการที่โรงอาบน้ำสาธารณะเป็นที่แพร่หลายและผ้าฝ้ายสามารถดูดซับเหงื่อและระบายอากาศได้ดีกว่า ยุคาตาบิระจึงถูกนำมาใช้เพื่อซับเหงื่อหลังอาบน้ำ (ชุดคลุมอาบน้ำ) หรือใช้เป็นชุดนอนค่ะ
หลังจากนั้นชุดยุคาตาบิระก็ถูกนำมาใช้เป็นโฮมงงิ (訪問着 / houmongi - ชุดเยือน) ที่สามารถใส่ออกไปข้างนอกได้ ในขณะเดียวกัน ชื่อ 'ยุคาตาบิระ' ก็ถูกย่อเป็น 'ยุคาตะ' (คนไทยออกเสียงว่ายูกาตะ) ว่ากันว่าชุดยูกาตะเริ่มได้รับความนิยมในฐานะชุดฤดูร้อนสมัยใหม่ในช่วงสมัยเมจิ (ค.ศ. 1868 - 1912) ค่ะ
กิโมโนคืออะไร?
“กิโมโน” (着物 / kimono) เดิมหมายถึง “เครื่องสวมใส่” ในภาษาญี่ปุ่น แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กิโมโนหมายถึง "เสื้อผ้าแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น" ประเภทหนึ่งโดยเฉพาะ ต้นแบบของกิโมโนในปัจจุบันคือ โคะโซเดะ (小袖 / kosode) ซึ่งเป็นชุดด้านในของชุดจูนิฮิโตะเอะ (十二単 / Junihitoe - เสื้อผ้าสิบสองชั้น) ที่ขุนนางระดับสูงสวมใส่ในสมัยเฮอัน (974 – 1185) เมื่อเวลาผ่านไป โคะโซเดะก็กลายเป็นที่นิยมในฐานะเสื้อตัวนอกแทนชุดสวมด้านใน และกิโมโนที่มีรูปร่างและสีต่าง ๆ ก็ถูกผลิตขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อวัฒนธรรมของประเทศอื่น ๆ แพร่เข้าสู่ญี่ปุ่น วิถีชีวิตและรูปแบบเสื้อผ้าก็เปลี่ยนตามสมัยนิยมตามแบบตะวันตก เสื้อผ้าแบบตะวันตกได้กลายเป็นเสื้อผ้ากระแสหลักในยุคปัจจุบัน ทำให้โอกาสในการสวมชุดกิโมโนน้อยลงแม้แต่ในหมู่คนญี่ปุ่นเองก็ตาม
บทความเกี่ยวกับประเภทกิโมโนแบบดั้งเดิม อ่านได้ทางนี้ค่ะ: กิโมโนแบบดั้งเดิม: คำแนะนำเกี่ยวกับมารยาทในการแต่งกายอย่างเป็นทางการ
กิโมโน เป็นคำที่หมายถึง "เครื่องสวมใส่" ในยุคปัจจุบันยังมีความหมายว่า 'เสื้อผ้าแบบญี่ปุ่น' ดังนั้นยูกาตะจึงถือเป็นชุดกิโมโนชนิดหนึ่ง ประเภทของกิโมโนที่คุณสวมใส่ขึ้นอยู่กับโอกาส จากนี้ไป เรามาดูความแตกต่างระหว่างทั้งสองผ่าน 4 แง่มุม อันได้แก่ โอกาสสวมใส่ ผ้าที่ใช้ เครื่องประดับเครื่องใช้ และวิธีการสวมใส่ค่ะ
① ยูกาตะ vs. กิโมโน การใช้งานและโอกาสสวมใส่
ในญี่ปุ่นยุคใหม่ กิโมโนจะสวมใส่ในโอกาสที่เป็นทางการ และยูกาตะจะสวมใส่ในโอกาสที่ไม่เป็นทางการค่ะ
ชุดยูกาตะที่ได้กลายมาเป็นชุดกิโมโนในฤดูร้อนนั้นเริ่มต้นขึ้นในสมัยเมจิ (พ.ศ. 2411 - 2455) ชุดยูกาตะไม่เหมาะสำหรับโอกาสที่เป็นทางการ แต่มักจะสวมใส่ในงานฤดูร้อน เช่น งานเทศกาล การแสดงดอกไม้ไฟ ยูกาตะยังเป็นเสื้อผ้าที่ทางโรงแรมบ่อน้ำพุร้อน (เรียวกังออนเซ็น) จัดไว้ให้แขกค่ะ
ในทางกลับกัน กิโมโนจะสวมใส่ในโอกาสเฉลิมฉลอง เช่น งานแต่งงานและงานเลี้ยง เช่นเดียวกับโอกาสที่เป็นทางการ เช่น ฮัตสึโมเดะ (การไปวัด/ศาลเจ้าครั้งแรกของปี) พิธีบรรลุนิติภาวะ และพิธีสำเร็จการศึกษา ตัวอย่างเช่น "ชิโระมุคุ" (白無垢 / shiromuku ชุดขาวไร้มลทิน) และอิโระอุจิคาเกะ (色打掛 / irouchikake ชุดคลุมแบบมีสี) ที่เจ้าสาวสวมใส่ในพิธีหรืองานแต่งงาน และ "ฟุริโซเดะ" (振袖 / furisode ชุดแขนเสื้อห้อยยาว) ที่ผู้บรรลุนิติภาวะหมาด ๆ นิยมสวมใส่ในพิธีบรรลุนิติภาวะ นอกจากนี้ บางคนสวมชุดกิโมโนเป็นเครื่องแต่งกายอย่างเป็นทางการสำหรับศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิมต่าง ๆ เช่น คาบุกิ การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ไปจนถึงการเรียนวัฒนธรรมโบราณอย่างพิธีชงชาและการร่ายรำแบบญี่ปุ่น ค่ะ
② ยูกาตะ vs. กิโมโน เนื้อผ้าวัตถุดิบ
ต่อไปเราจะขอมาแนะนำความแตกต่างระหว่างวัสดุของชุดยูกาตะและชุดกิโมโนกันค่ะ คุณรู้จักผ้าที่ใช้ทำกิโมโนและยูกาตะมากแค่ไหน?
ชุดยูกาตะได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณรู้สึกสบายตัวในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น โดยธรรมชาติแล้ว ควรเลือกวัสดุที่สัมผัสนุ่มและสามารถซับเหงื่อได้ ในอดีต ชุดยูกาตะที่ทำจากผ้าป่านเป็นที่นิยมจนเป็นกระแสหลัก แต่ตอนนี้ชุดผ้าฝ้ายได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีชุดยูกาตะที่ทำจากผ้าฝ้ายและป่านผสมกัน ในขณะที่ชุดยูกาตะผ้าโพลีเอสเตอร์ก็มักขายได้ดีเพราะดูแลรักษาง่ายค่ะ
ในบรรดาเนื้อผ้าต่าง ๆ ของชุดกิโมโน ผ้าไหมถือเป็นผ้าที่ดีมีความหรูหราที่สุด มีช่วงราคาและประเภทของกิโมโนที่หลากหลาย และผ้าต่าง ๆ เช่น ผ้าป่าน ผ้าขนแกะ และโพลีเอสเตอร์ก็ถูกนำมาใช้ด้วยตามสถานการณ์และความต้องการเช่นกัน
ชุดยูกาตะ
- ผ้าฝ้าย: วัสดุมาตรฐานสำหรับชุดยูกาตะเนื่องจากดูดซับเหงื่อและความชื้นได้ดีและสามารถซักได้
- ผ้าป่าน: วัสดุเนื้อหยาบที่ยับง่ายกว่าผ้าชนิดอื่น แต่สัมผัสนุ่มกว่า และมีความสามารถในการดูดซับและซับน้ำได้ดีกว่า
- ผ้าโพลีเอสเตอร์: อ่อนโยนต่อผิวและดูดซับเหงื่อ แห้งเร็ว สวมใส่สบาย
ชุดกิโมโน
- ผ้าไหม: มีความมันวาวและอ่อนนุ่ม ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับโทเมะโซเดะ (留袖 / tomesode - กิโมโนแขนเสื้อตัด แบบมาตรฐาน) และฟุริโซดะ (振袖 / furisode - กิโมโนแขนเสื้อห้อยยาว)
- ผ้าป่าน: บางและยืดหยุ่น ส่วนใหญ่ใช้สำหรับกิโมโนฤดูร้อน
- ผ้าโพลีเอสเตอร์: เส้นใยสังเคราะห์ทางเคมีที่ออกแบบมาให้มีความต้านทานแรงดึง เนื่องจากสามารถซักได้ จึงใช้กับชุดกิโมโนประเภทต่างๆ
- ผ้าขนแกะ: หนา ยับยาก และทนต่อการเกิดรอยเปื้อน มักใช้กับชุดกิโมโนฤดูหนาว
③ ยูกาตะ vs. กิโมโน เครื่องประดับเครื่องใช้
อาจเป็นเรื่องยากที่จะบอกความแตกต่างระหว่างชุดยูกาตะและชุดกิโมโนภายในการมองแวบแรก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เครื่องประดับอื่น ๆ นอกเหนือจากตัวผ้า ไปจนถึงสิ่งของต่างที่คุณสวมใส่บนร่างกายก็แตกต่างกันไปด้วยเช่นกันค่ะ ในส่วนนี้เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับความแตกต่างที่ว่ากันค่ะ!
โอบิ (สายคาดเอว)
ในกรณีของชุดยูกาตะ โดยทั่วไปจะใช้ฮันฮาบะโอบิ (半幅帯 / han-haba obi - สายคาดเอวแบบความกว้างครึ่งนึง) เนื่องจากโอบิแบบอื่นจะหนากว่าซึ่งอาจให้ความรู้สึกร้อนอบอ้าว จึงเป็นเรื่องปกติที่จะจัดและมัด "ฮันฮาบะโอบิ" ซึ่งมีความกว้างครึ่งหนึ่งของฟุคุโระโอบิ (袋帯 / Fukuro obi) หรือนาโกย่าโอบิ (名古屋帯 / Nagoya obi) โดยพื้นฐานแล้ว เครื่องประดับโอบิ เช่น โอบิอาเกะ (帯揚げ / Obi-age - สำหรับสอดไว้ให้โผล่เหนือโอบิ) และโอบิจิเมะ (帯締め / Obi-jime - เชือกที่ไว้คาดทับกลางโอบิเพื่อมัดซ้ำ) มักไม่ค่อยนำมาใช้กัน (แต่อาจติดเป็นส่วนหนึ่งของชุดยูกาตะก็ได้)
สำหรับกิโมโน จะใช้โอบิที่กว้างกว่าที่ใช้กันทั่วไปสำหรับยูกาตะ เช่น ฟุคุโระโอบิที่เป็นทางการและนาโกยะโอบิที่มักสวมใส่เพื่อออกไปข้างนอก นอกจากนี้ คุณสามารถเปลี่ยนรูปแบบและสีของโอบิให้เข้ากับสถานที่ที่จะไปเยี่ยมชมหรือฤดูกาล และเลือกโอบิให้เข้ากับชุดกิโมโนก็ได้ ลายและสีของโอบิแต่ละแบบมีความหมายในตัวเอง ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบความหมายและจัดชุดให้ตรงกับรสนิยมดูนะคะ!
เครื่องประดับผม
สำหรับทั้งชุดยูกาตะและชุดกิโมโนก็นิยมทรงผมแบบมัดขึ้นเพื่อเปิดต้นคอเป็นหลักค่ะ
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของการสวมชุดยูกาตะ เครื่องประดับผมที่โดดเด่นมากเกินไปอาจทำให้คุณดูไม่สมดุลและดูเป็นเด็กที่ยังไม่รู้วิธีสวมเอาได้
ในทางกลับกัน กิโมโนนั้นก็มักจะสวมใส่เพื่อเฉลิมฉลอง เช่น งานแต่งงานและโอกาสที่เป็นทางการ ดังนั้นอาจใช้เครื่องประดับผมสีฉูดฉาดอลังการเพื่อให้เข้ากับลายและสีของกิโมโนด้วยค่ะ
รองเท้า
ชุดยูกาตะมักจะสวมคู่กับเกตะ (下駄 / geta - รองเท้าไม้หรือเกี๊ยะแบบญี่ปุ่น) โดยปกติจะสวมเกตะด้วยเท้าเปล่า ในทางกลับกัน กิโมโนจะสวมคู่กับโซริ (草履 / zouri - รองเท้าแตะที่ทำจากฟางมัด) เป็นเรื่องปกติที่จะสวมทาบิ (足袋 / tabi - ถุงเท้าแบบแยกนิ้วเท้า) เหมือนการสวมถุงเท้าและสวมกับโซริค่ะ
④ ยูกาตะ vs. กิโมโน วิธีสวมใส่
สุดท้ายนี้ก็มาดูความแตกต่างในแง่มุมของการสวมใส่ระวห่างชุดยูกาตะและชุดกิโมโนกันค่ะ
เมื่อสวมใส่ทั้งชุดกิโมโนและชุดยูกาตะ ปกด้านขวาควรสัมผัสกับผิวหนังก่อน และปกด้านซ้ายควรอยู่ด้านหน้าของชุดค่ะ
ชุดยูกาตะนิยมสวมบนผิวหนังเปล่า ๆ เนื่องจากเดิมทีจะสวมใส่หลังอาบน้ำ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่ใส่อะไรไว้ใต้ชุดยูกาตะ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน เมื่อคุณสวมชุดยูกาตะสำหรับเป็นชุดไปเข้าชมการแสดงดอกไม้ไฟหรือเทศกาลฤดูร้อน ก็เป็นเรื่องปกติที่จะสวมชุดชั้นในหรือ 'ฮาดะจุบัง' (肌襦袢 / hadajuban - ชุดสวมภายในแบบแนบชิดผิวหนัง) เหมือนการสวมชุดกิโมโน ชุดยูกาตะใช้เวลาในการสวมใส่น้อยกว่าชุดกิโมโน ดังนั้นหากคุณจะสวมชุดญี่ปุ่นที่บ้านด้วยตัวเอง เราขอแนะนำให้สวมชุดยูกาตะค่ะ
สำหรับชุดกิโมโนไม่ค่อยสวมบนผิวหนังเปล่า ๆ ค่ะ ชาวญี่ปุ่นจะสวมชุดสำหรับสวมซ้อนภายใน เช่น ฮาดะจุบัง และ นากะจุบัง (長襦袢 / nagajuban - ชุดยาวเกือบเท่ากิโมโนสำหรับสวมภายใน) โดยฮาดะจุบังจะสวมคล้าย ๆ การสวมชุดชั้นใน ส่วนนากะจุบังคือชุดกิโมโนที่สวมใต้ชุดกิโมโนเพื่อให้ดูเหมือนว่าคุณสวมชุดกิโมโนหลายชั้น จึงมีขั้นตอนการแต่งกายที่ยุ่งยากมากกว่าชุดยูกาตะค่ะ
เห็นความแตกต่างกันได้ในปราดเดียว! ตารางเปรียบเทียบ ยูกาตะ vs. กิโมโน
ยูกาตะ | กิโมโน | |
โอกาส | โอกาสที่ไม่เป็นทางการ | โอกาสที่เป็นทางการ |
สถานการณ์ในการสวมใส่ (ตัวอย่าง) | งานเทศกาล งานประกวดพลุดอกไม้ไฟ งานฤดูร้อน เป็นต้น | งานเฉลิมฉลองเช่นพิธีแต่งงานและงานเลี้ยงสังสรรค์ ไปจนถึง ฮัตสึโมเดะ พิธีบรรลุนิติภาวะ พิธีจบการศึกษา เป็นต้น |
เนื้อผ้า | ผ้าฝ้าย ผ้าป่าน ผ้าโพลีเอสเตอร์ | ผ้าไหม ผ้าป่าน ผ้าโพลีเอสเตอร์ ผ้าขนแกะ |
โอบิ | ใช้โอบิความกว้างครึ่งเดียวที่เรียกว่าฮันฮาบะโอบิ | ปกติจะใช้ฟุคุโระโอบิหรือนาโกย่าโอบิ ให้ความสำคัญกับลายและสีของโอบิ |
รองเท้า | สวนเกตะด้วยเท่าเปล่า | สวมโซริพร้อมด้วยทาบิ |
วิธีสวม | ในกรณีที่สวมยูกาตะเป็นชุดออกบ้านโฮมงงิจะสวมชุดข้างใน (ฮาดะจุบัง) เป็นปกติ (ไม่สวมนากะจุบัง) | สวมฮาดะจุบังและ/หรือนากะจุบังไว้ข้างในเสมอ |
Comments