ที่ญี่ปุ่นมีการเล่าเรื่องสยองแนวหนึ่งที่ให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งมักเรียกกันว่า อิมิงะวาการุโตะโคว่ายฮานาชิ” (意味が分かると怖い話 / Imi ga wakaru to kowai hanashi) หรือ “เรื่องเล่ารู้ความหมายปุ๊บสยองปั๊บ” เป็นแนวเกมจับผิด เล่าเรื่องตามปกติ ถ้ายังไม่เอะใจอะไรก็นึกว่าเรื่องเล่าธรรมดา ๆ แต่ถ้าจับจุดผิด รู้เรื่องที่ผิดปกติปุ๊บ มันจะกลายเป็นเรื่องสยองทันทีครับ แน่นอนว่าเรื่องแนวนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น การแปลอาจทำให้เนื้อความขาดความกำกวมซึ่งเป็นจุดพลิกแพลงของเรื่องราวได้ ผมเลยขอเลือกเรื่องที่แปลได้ตรง ๆ โดยไม่เสียเรื่องมาให้ฟัง พร้อมเฉลยครับ
ลืมของค่ะ
นี่เป็นเรื่องตอนที่ผมทำงานเป็นพนักงานส่งพัสดุ
ผมทำงานเป็นทั้งคนขับรถ และเป็นคนนำของไปส่งที่ที่อยู่ครับ
มีครั้งหนึ่ง ผมต้องไปส่งของที่อพาร์ตเมนต์สูง 20 ชั้น
ห้องผู้รับอยู่ที่ชั้น 19 แน่นอนว่า จะให้เดินขึ้นบันได 19 ชั้นก็คงไม่ไหว เลยขึ้นลิฟต์ไปครับ
ลิฟต์มี 2 อัน อันหนึ่งอยู่ระหว่างการซ่อมแซมจึงใช้งานไม่ได้ ผมเลยขึ้นอีกอันหนึ่ง
เจ้าของห้องผู้รับเป็นสาวสวย แต่งตัวดูอ่อนโยน
ก็คงเป็นเพราะสวยด้วยแหล่ะกระมั้งครับ
ผมก็ตื่นเต้น ตอนที่ยื่นใบให้เซ็นรับก็ดันลืมหยิบปากกาที่ให้ใช้เซ็นกลับมาด้วย
แต่พอออกจากลิฟต์ กำลังจะเดินกลับไปที่รถ จู่ ๆ ก็มีเสียงมาจากข้างหลัง
“ลืมของค่ะ”
แน่นอน เจ้าของเสียงคือสาวห้องที่เพิ่งเอาของไปส่งมา ในมือก็มีปากกาด้ามนั้น
ผมรีบขอบคุณแล้วก็รับปากกามา...
แล้วก็เพิ่งรู้สึกตัวถึงเรื่องชวนขนหัวลุกครับ
---------------------------
อันนี้ง่าย ๆ แต่ถ้าใครยังนึกไม่ออก รอดูเฉลยที่ท้ายบทความได้นะครับ
มาดูเรื่องต่อไปกันดีกว่า เพิ่มระดับความยากกันอีกหน่อย
ชนแล้วหนี
ผมโดนชนแล้วหนีเลยต้องเข้าโรงพยาบาลพักหนึ่ง ตอนนี้ออกมาแล้ว
จู่ ๆ เพื่อนที่เคยสนิทกันมาหาที่บ้าน
“ไม่ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลเลย โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรน่า”
“เห็นหน้าคนร้ายมั้ย”
“ไม่หว่ะ ชนปุ๊บหายปั๊บมองไม่ทันหว่ะ”
“งั้นเหรอ”
“เอ็งก็ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน”
“เออ งั้นกลับแล้วหว่ะ คราวหน้าเดี๋ยวไปเยี่ยมแน่นอน”
“ขอบใจนะเว่ย”
---------------------------
ยังง่ายอยู่ใช่มั้ยครับ มาต่อกันเลย
ลางบอกเหตุของลูกชาย
ลูกชายผม มีนิสัยแปลก ๆ
บางทีจะชี้นิ้วไปที่หน้าคน (รูปถ่ายบ้าง ภาพบนจอบ้าง)
แต่เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งสังเกตว่า
คนที่ถูกชี้นิ้วทุกคนจะตายภายในสามวัน
วันนี้ตอนที่กำลังจะเปิดทีวีดู ลูกชายก็ชี้ไปที่หน้าจอทีวี
ภาพในทีวีก็มีคนใหญ่คนโตโผล่ขึ้นมา
อ้าว คนคนนี้จะตายเหรอเนี่ย...
---------------------------
คนในทีวี ใครกันละเนี่ย แต่ลองนึกภาพตามดี ๆ ก็จะรู้เองครับ
มาต่อกันที่เรื่องสุดท้ายของวันนี้ครับ
ห้องศิลป์ของพี่สาว
เรื่องสมัยที่ฉันยังเป็นนักศึกษาค่ะ
ฉันมีพี่สาวที่ทำงานเป็นอาจารย์ศิลปะอยู่ ซึ่งพี่สาวได้เช่าอพาร์ตเม้นต์คร่ำครึแบบมีห้องนอน ห้องครัว และห้องนั่งเล่นไว้ใช้เป็นห้องศิลปะ แต่ก็ไม่ได้เอาไว้อยู่ค่ะ เอาไว้วาดภาพเท่านั้น
อุตส่าห์เช่าไว้ทั้งที ไม่อยู่ก็น่าเสียดายแย่!
ฉันเลยขอพี่สาวยืมใช้ห้องเพื่อไปอยู่คนเดียวค่ะ
วันที่มาอยู่อพาร์ตเม้นต์คนเดียววันแรก ก็กลับไปห้องศิลป์อย่างตื่นเต้น
พี่สาวบอกให้ระวังเรื่องกลอนประตูให้ดี ๆ กลับมาถึงเลยรีบล็อคประตูหน้าคล้องโซ่เป็นอย่างแรกเลยค่ะ
จากนั้นก็ทำอาหารเย็น อ่านหนังสือ ใช้ชีวิตแบบอยู่คนเดียวอย่างสนุกสนานเต็มที่เป็นครั้งแรก
รู้ตัวอีกทีก็เที่ยงคืนแล้ว ตรวจสอบกลอนประตูและวาล์วแก๊สให้ดีอีกครั้ง แล้วก็เข้านอนค่ะ
สักพัก ราว ๆ ตี 2 - ตี 3 ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูหน้า
สงสัยพี่สาวจะมาวาดรูปกระมั้ง
มาเอาเวลาแบบนี้ บ้างานจริงน้า ทำอะไรกุกกักสักพักก็เข้าไปในห้องข้าง ๆ ห้องที่ฉันนอนอยู่
ห้องข้าง ๆ เป็นห้องเก็บเครื่องมือศิลป์ ผ้าใบวาดรูป อะไรพวกนี้
พี่สาวก็บ่นพึมพำ หัวเราะคิกคักคนเดียว
“นี่แหล่ะน้า เขาถึงบอกว่า มันมีเส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างศิลปินกับคนบ้า”
คิดอะไรไปมาสักพักก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ตอนเช้า พอตื่นขึ้นมา พี่สาวก็ไม่อยู่แล้ว สงสัยกลับไปแล้วค่ะ
ฉันเริ่มเคารพในแรงใจของพี่สาวที่มีต่อการวาดรูป และเตรียมออกจากอพาร์ตเม้นต์
ตอนที่กำลังจะเปิดประตูหน้า ก็เกิดผวาขึ้นมาเลยค่ะ
จากนั้น ชั้นก็ไม่ได้กลับไปเหยียบห้องศิลป์นั้นอีกเลย
..................................................................................
ใครลืมข้อมูลตรงไหนลองกลับไปอ่านซ้ำได้นะครับ
เฉลย
เอาแหล่ะ มาดูเฉลยกันเลยดีกว่า แต่ถ้ายังอยากหาคำตอบเอง อย่าเพิ่งรีบเลื่อนลงไปต่อนะครับ หึหึหึหึหึหึ
เรื่องที่ 1: ลืมของค่ะ
ลิฟต์มีใช้งานได้อันเดียว ผู้เล่าขึ้นลิฟต์มาคนเดียว ลงจากชั้น 19 มาชั้น 1
ทำไมหญิงสาวจึงตามเอาปากกามาคืนได้ทันที? หึหึหึหึหึหึ
เรื่องที่ 2: ชนแล้วหนี
“เคยสนิทกัน” แน่นอนว่าเป็นอดีต
“เห็นหน้าคนร้ายมั้ย” ถามเพื่อจะรู้ว่าความแตกหรือยัง
“เอ็งก็ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน” เจ้าตัวรู้อยู่แล้วว่าคนร้ายคือเพื่อนนั่นเอง
“คราวหน้าเดี๋ยวไปเยี่ยมแน่นอน” คราวหน้าจะชนให้ตายแน่นอน
คนเรานี่รู้หน้าไม่รู้ใจกันจริง ๆ ครับ
เรื่องที่ 3: ลางบอกเหตุของลูกชาย
ภาพบนจอทีวีก่อนเปิดทีวีเป็นภาพสะท้อนของตัวลูกชายเอง
ฉะนั้นคนที่จะตายไม่ใช่คนใหญ่คนโตในทีวี แต่เป็นตัวลูกชายเอง...
เรื่องที่ 4: ห้องศิลป์ของพี่สาว
โซ่คล้องประตูนั้นคล้องจากด้านใน ถึงพี่สาวจะมีกุญแจ แต่ก็ไม่สามารถเปิดประตูเข้ามาจากด้านนอกได้
ตอนเช้าที่ผวาก็คงมีอยู่สองอย่าง คือ
- โซ่ยังคล้องไว้เหมือนเดิม แสดงว่าคนที่เข้ามาเมื่อคืนยังไม่ได้ออกไปจากอพาร์ตเม้นต์โดยคล้องคืนไว้ หรือไม่ใช่คน (สามารถเข้าออกได้โดยไม่ต้องแตะโซ่)
- โซ่ถูกตัด แสดงว่ามีการบุกรุกเข้ามาตอนกลางคืน
แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด คนที่บ่นพึมพำและหัวเราะคิกคักตอนกลางคืน คงไม่ใช่พี่สาวแน่นอนครับ หึหึหึหึหึ
---------------------------
เป็นยังไงกันบ้างครับกับเรื่องสยองแบบซ่อนเงื่อน ถ้าใครสนใจ รีเควสกันเข้ามาได้ครับ หรือจะเอาแนวอื่น ๆ ก็ยังได้ เรื่องราวลี้ลับและสยองขวัญของเราครอบคลุมเรื่องราวหลายแนวครับ หึหึหึหึหึหึ
อ่านบทความอื่นได้ที่นี่>>>เรื่องราวลี้ลับและสยองขวัญ
Comments