สำหรับภูมิภาคคิวชูนั้นเป็นภูมิภาคที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น โดยมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันมีเอกลักษณ์มากมาย และแต่ละจังหวัดก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองทำให้หลายคนอาจจะอยากแวะไปหลายจังหวัดใช่มั้ยล่ะคะ แต่การจะไปเที่ยวหลายที่แบบนั้นหลายคนคงกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายกันแน่ๆ เลย แต่สบายใจได้เลยค่ะ! เพียงแค่คุณมีตั๋วพาสเดินทางจาก "JR Kyushu Rail Pass" ล่ะก็จะช่วยให้คุณได้เพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวในราคาที่ประหยัดยิ่งขึ้น ลองไปสนุกกับการท่องเที่ยวในสไตล์ของคุณกันดูดีมั้ยล่ะคะ
มาทำความรู้จักกับ JR Kyushu Rail Pass กันดีกว่า!
JR Kyushu Rail Pass นั้นเป็นบัตรโดยสารสำหรับท่องเที่ยวภายในภูมิภาคคิวชู ซึ่งจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น โดยพาสนั้นแบ่งเป็นทั้งหมด 5 ประเภทได้แก่
- JR All Kyushu Area Pass ประเภท 3 วัน (ราคาผู้ใหญ่ 15,280 เยน) และประเภท 5 วัน (ราคาผู้ใหญ่ 18,330 เยน) : สำหรับพาสประเภทนี้จะใช้ได้ตั้งแต่จังหวัดฟุกุโอกะไปจนถึงจังหวัดคาโกชิมะทั่วทั้งเกาะภูมิภาคคิวชูครอบคลุมเมืองหลักๆ ตั้งแต่เหนือจรดใต้เลยค่ะ (ไม่รวมชิงคันเซ็นตอนเหนือจากฮากาตะ และเส้นทางระหว่างฮากาตะและโคคุระ)
- JR Northern Kyushu Area Pass ประเภท 3 วัน (ราคาผู้ใหญ่ 8,660 เยน) และประเภท 5 วัน (ราคาผู้ใหญ่ 10,190 เยน) : สำหรับพาสประเภทนี้ใช้ได้ทางตอนเหนือของภูมิภาคคิวชู ได้แก่ จังหวัดฟุกุโอกะ จังหวัดซากะ จังหวัดนางาซากิ จังหวัดคุมาโมโต้และจังหวัดโออิตะ
- JR Southern Kyushu Area Pass ประเภท 3 วันเท่านั้น (ราคาผู้ใหญ่ 7,500 เยน) : สำหรับพาสประเภทนี้ใช้ได้ทางตอนใต้ของภูมิภาคคิวชู ได้แก่ จังหวัดคุมาโมโต้ จังหวัดโออิตะ จังหวัดคาโกชิมะ และจังหวัดมิยาซากิ
※ สำหรับราคาเด็กจะลดลงครึ่งนึงของผู้ใหญ่
สำหรับบทความนี้เราจะแนะนำ JR Northern Kyushu Area Pass ประเภท 5 วัน (สำหรับผู้ใหญ่ราคา 10,190 เยน เด็ก 5,090 เยน) เนื่องจากเป็นพาสที่ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวในภูมิภาคคิวชูที่นิยมมากที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยค่ะ
ข้อดีของ JR Northern Kyushu Area Pass ประเภท 5 วัน
- เพียงแค่มี JR Northern Kyushu Area Pass ประเภท 5 วันก็สามารถใช้งานรถไฟสายของ JR ได้ โดยเริ่มจากชิงคันเซ็นเส้นฮากาตะไปจนถึงถึงคุมาโมโต้ รวมไปถึงรถธรรมดา รถด่วนในระยะทางที่กำหนดโดยไม่จำกัดครั้ง
- ระยะเวลาสามารถใช้ได้ติดต่อกันถึง 5 วันทำให้คุณสามารถท่องเที่ยวรอบคิวชูได้ 2 จังหวัดขึ้นไปได้อย่างชิลล์ๆ ไม่ต้องรีบร้อน
- คุณสามารถท่องเที่ยวภูมิภาคคิวชูในราคาสุดคุ้ม! เพราะปกติแล้วการเดินทางข้ามจังหวัดค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะค่าเดินทางด้วยรถไฟชิงคันเซ็น แต่เพียงแค่มีพาสนี้ คุณสามารถใช้บริการรถไฟชิงคันเซ็นและเส้น JR ได้ด้วยจึงประหยัดค่าใช้จ่ายสุดๆ
- หากทริปมีอะไรเปลี่ยนแปลงอยากไปที่อื่นเพิ่มเติม เราสามารถใช้พาสเดินทางไปไหนก็ได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ขอแค่เดินทางให้อยู่ในระยะเวลาที่กำหนดแค่นั้นเอง
วิธีการซื้อตั๋ว JR Kyushu Rail Pass
สำหรับการซื้อตั๋ว JR Kyushu Rail Pass นั้นไม่ยากเลยค่ะ เพราะคุณสามารถซื้อบัตรโดยสารได้ออนไลน์ล่วงหน้าจากหน้าเว็บไซต์ของทาง JR Kyushu คุณจึงไม่จำเป็นต้องเดินทางมาญี่ปุ่นก่อนเลย และสำหรับใครที่ต้องการจองที่นั่งแบบ Reserved Seat ล่ะก็สามารถเข้าจองได้ ออนไลน์ล่วงหน้าจากหน้าเว็บไซต์ของทาง JR Kyushu เช่นกันค่ะ (※ สำหรับใครที่ต้องการจองที่นั่ง Reserved Seat ของรถไฟด่วน เช่นชิงคันเซ็นล่ะก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) และเมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่น เพียงแค่โชว์พาสปอร์ตของคุณและหลักฐานการซื้อให้แก่เจ้าหน้าที่ ณ เคาน์เตอร์ที่ดูแลเรื่องพาสในสถานีในภูมิภาคคิวชูก็สามารถนำไปแลกเป็นบัตรจริงได้เลย สะดวกสุดๆ ไปเลยใช่มั้ยล่ะคะ
※ ใครที่มีความประสงค์ต้องการจองที่นั่ง Reserved Seat ล่วงหน้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตของรถไฟด่วนประเภทต่างๆ อาทิ รถไฟชิงคันเซ็นล่ะก็จะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 1,000 เยน (สำหรับเด็กจะราคา 500 เยน)
เดินทางแบบสบายๆ จาก "ฟุกุโอกะ" เมืองแรกที่ต้องไปเยือนสู่ "เมืองออนเซ็น" ที่ดีที่สุดของคิวชู
จังหวัดฟุกุโอกะนั้นเป็นจังหวัดแรกที่เปรียบเสมือนเป็นประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยสู่ภูมิภาคคิวชูในประเทศญี่ปุ่น เพราะจากประเทศไทยมีเที่ยวบินตรงที่สามารถบินสู่ภูมิภาคคิวชูได้คือท่าอากาศยานฟุกุโอกะเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ฟุกุโอกะนั้นเป็นเมืองที่มีประชากรใหญ่มากที่สุดในคิวชู และยังมีสถานี JR ฮากาตะซึ่งเป็นเป็นสถานีปลายทางที่ใหญ่ที่สุดของคิวชูอีกด้วย ที่นี่มีทั้งอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย และอากาศแสนอบอุ่น รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย เช่น ศาลเจ้าดาไซฟุ เท็มมังกู วัดนันโซอินและฟุกุโอกะทาวเวอร์
【การเดินทาง】Fukuoka Tower:จากสถานี JR Hakata นั่งรถบัสประมาณ 25 นาที
Nanzoin Temple:จากสถานี JR Kido Nanzoin-mae เดินเท้าประมาณ 3 นาที
สำหรับเมืองที่อยู่ไม่ไกลเดินทางได้ง่ายจากฟุกุโอกะ และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นและคนต่างชาติหลายคนก็คือจังหวัดโออิตะค่ะ สำหรับจังหวัดโออิตะนั้นได้ชื่อว่าเป็น "เมืองออนเซ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น" โดยแหล่งออนเซ็นของจังหวัดโออิตะที่ดังไปทั่วโลกได้แก่ เมืองยุฟุอินและเมืองเบบปุ
ยุฟุอินออนเซ็นนั้นเป็นน้ำพุร้อนที่นิยมในหมู่สาวๆ มาก เพราะที่นี่มีคุณสมบัติพิเศษคือเป็นน้ำพุร้อนบริสุทธิ์ ไม่มีสีไม่มีกลิ่น ซึ่งหาได้เฉพาะในบางพื้นที่บางจังหวัดเท่านั้น ส่วนนึงเป็นน้ำร้อนสีฟ้าที่อุดมไปด้วยส่วนผสมความชุ่มชื้นธรรมชาติ จึงช่วยผ่อนคลายความเครียด และฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าได้
【การเดินทาง】Kinrinko:จากสถานี JR Yufuin เดินเท้าประมาณ 20 นาที
เบบปุออนเซ็นนั้นเป็นแหล่งออนเซ็นที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆ ของญี่ปุ่น จุดเด่นคือมี “บ่อนรกจิโกกุ” ด้วยกันถึง 7 บ่อให้คุณได้เดินชม ซึ่งแต่ละบ่อล้วนแต่มีเอกลักษณ์ความพิเศษแตกต่างกันไป ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่มีที่ใดเหมือน รับรองว่าคุณจะต้องไม่เคยเห็นออนเซ็นเหล่านี้จากที่ไหนมาก่อนแน่ๆ เรียกได้ว่าถ้ามาจังหวัดโออิตะแล้วไม่แวะมาเบบปุล่ะก็เหมือนมาไม่ถึงเลยล่ะค่ะ
【การเดินทาง】Beppu Onsen:จากสถานี JR Beppu เดินเท้าถึงเลย
สบายสุดๆ! เพียงใช้ JR Northern Kyushu Area Pass ประเภท 5 วันกับรถไฟ Yufuin no Mori
การเดินทางจากฟุกุโอกะมายังเมืองออนเซ็นยอดฮิตอย่างเบบปุหรือยุฟุอินนั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่ใช้บริการรถไฟ Yufuin no Mori เป็นรถไฟสไตล์สุดคลาสสิค คุณสามารถชมทัศนียภาพจากสองฝั่งที่จะวิ่งผ่านป่าอันเขียวขจี ภูเขาและน้ำตกจึงเหมาะกับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติสุดๆ สำหรับรถไฟขบวนี้เป็นรถไฟที่เรียกได้ว่าฮิตที่สุดของคิวชูเลยและทั้งขบวนเป็นรูปแบบ Reserved Seat เพราะฉะนั้นควรทำการจองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้าค่ะ หากนั่งจากสถานีฮากาตะ จังหวัดฟุกุโอกะไปลงสถานียุฟุอินจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าหากจะไปลงสถานีเบบปุจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
การท่องเที่ยวที่สัมผัสทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ณ จังหวัดคุมาโมโต้
หากพูดถึงจังหวัดคุมาโมโต้ สิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึงคงเป็นปราสาทคุมาโมโต้หรือมาสคอตคุมะมงซึ่งเป็นคาแร็กเตอร์สำหรับ PR จังหวัดนี้ใช่มั้ยคะ ปราสาทคุมาโมโต้นั้นถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดเลยค่ะ เป็นปราสาทที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เนื่องจากผลกระทบของแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 2016 ทำให้ปราสาทได้รับความเสียหาย ซึ่งปัจจุบันปราสาทคุมาโมโต้ก็ยังคงอยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซม และในวันที่ 29 เมษายน ปี 2020 เป็นต้นไป เส้นทางสำหรับการเยี่ยมชมพิเศษจะเสร็จสิ้น คุณจึงสามารถชมปราสาทคุมาโมโต้ได้อย่างใกล้ชิด
【การเดินทาง】Kumamoto Castle:จากสถานี JR Kumamoto นั่งรถไฟท้องถิ่นประมาณ 17 นาที / จากสถานี JR Kumamoto นั่งรถบัสประมาณ 10 นาที
ไวสุดๆ! อัพเกรดการเดินทางของคุณด้วยรถไฟ Kyushu Shinkansen 800 Series
คุณสามารถนั่งชิงคันเซ็นจากสถานีฮากาตะ จังหวัดฟุกุโอกะไปยังจังหวัดคุมาโมโต้ได้ด้วยรถไฟ Kyushu Shinkansen 800 Series ซึ่งรถไฟขบวนนี้เป็นชิงคันเซ็นที่ให้บริการเฉพาะในเกาะคิวชูเท่านั้น คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับเทคโนโลยีสุดล้ำกับรถไฟความเร็วสูงและการออกแบบภายในรถไฟที่ใส่เอกลักษณ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น เช่น เบาะที่ทอพิเศษและดีไซน์ต่างๆ ของที่นั่ง เพียงแค่ใช้ JR Northern Kyushu Area Pass ประเภท 5 วันขึ้นรถไฟขบวนนี้ ใช้เวลาประมาณ 32 นาทีก็จะทำให้คุณถึงสถานีคุมาโมโต้จากสถานีฮากาตะได้ในพริบตา!
ไม่ใช่แค่ฮากาตะนะ! คุณสามารถใช้ JR Northern Kyushu Area Pass ประเภท 5 วันเริ่มต้นเดินทางจากเมืองอื่นได้เช่นกัน!
น่ารักเกินไปแล้ว! ค้นพบรถไฟขบวนใหม่กับ Aso Boy! จากเบบปุสู่ “เมืองอะโส” ด้วยรถไฟสุดล้ำ
หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นชื่อกับรถไฟ Aso Boy! กันเท่าไหร่ สำหรับใครที่มีแพลนไปเที่ยวทั้งจังหวัดคุมาโมโต้และจังหวัดโออิตะล่ะก็ เราขอแนะนำให้คุณใช้บริการรถไฟ "Aso Boy!" แสนน่ารักที่มีจุดเด่นก็คือน้องหมาสีดำคุโระจัง ทันทีที่ขบวนรถไฟแล่นเข้าสู่ชานชาลา คุณจะมองเห็นคาแร็กเตอร์แสนน่ารักประจำรถไฟขบวนนี้ คุณสามารถนั่งรถไฟ Aso Boy! เดินทางระหว่างเมืองอะโส จังหวัดคุมาโมโต้ – เมืองเบบปุ จังหวัดโออิตะได้โดยใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ!
ภายในรถไฟตัวตกแต่งด้วยคุโระจังทั้งหมด และคุณสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติได้จากที่นั่งที่สามารถเห็นวิวพาโนราม่าได้จากหัวและท้ายขบวนนี้ ที่สำคัญยังมีทั้งโซนคาเฟ่ที่คุณสามารถหาซื้อของที่ระลึกน่ารักๆ ได้ โซนสำหรับเด็กและอื่นๆ อีกมากมายให้บริการที่ต้องบอกเลยว่าเพียงแค่ใช้พาสและขึ้นรถไฟขบวนนี้จะทำให้ทริปของคุณนั้นพิเศษขึ้นไปอีกขั้น!
โบยบินไปบนท้องฟ้าชมทัศนียภาพราวกับโลกแห่งความฝันกับพาราไกลเดอร์และบอลลูนร้อนในเมืองอะโสะ
สัมผัสกับวิวพาโนราม่าบนท้องฟ้าที่เมืองอะโสะด้วยพาราไกลเดอร์กันดีกว่าค่ะ! ครั้งนี้เราจะมาแนะนำที่เพื่อนๆ สามารถสัมผัสประสบการณ์การชมทิวทัศน์อันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติได้ นั่นก็คือ “กิจกรรมพาราไกลเดอร์และบอลลูนร้อน” สำหรับกิจกรรมพาราไกลเดอร์และบอลลูนร้อนที่ Aso Nature Land นั้นมีจุดเด่นคือเด็กสามารถเข้าร่วมสนุกได้ด้วยนะ! สำหรับเด็กคนไหนที่อยากลองเล่นพาราไกลเดอร์ล่ะก็ที่นี่ก็มีคอร์สที่บินไปกับโค้ชได้ และสำหรับเด็กคนไหนที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปีที่เดินทางมาพร้อมผู้ปกครองสามารถขึ้นชมบอลลูนร้อนได้แบบฟรีๆ เลย! บอกเลยว่าจังหวะที่คุณกำลังโบยบินรอบๆ ท้องฟ้าอะโสะนั้นรับรองว่าคุณจะตกตะลึงกับทัศนียภาพราวกับรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของความฝัน! ลองมาสัมผัสกับความทรงจำที่คุณจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิตกันดูดีมั้ยล่ะคะ
【การเดินทาง】Aso Nature Land:จากสถานี JR Aso นั่งรถบัสลงป้าย "Uchinomaki Onsen Iriguchi" และเดินเท้าต่อประมาณ 3 นาที
Comments