ลักษณะจำเพาะของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นคือ? แบบดั้งเดิม แบบสมัยใหม่ สถาปัตยกรรมปราสาท...

สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นจำนวนมากมีการใช้งานที่ตรงกับสภาพภูมิอากาศในญี่ปุ่นค่ะ นอกจากนี้ยังมีอาคารหลายแห่งที่มีชื่อเสียงในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย ในบทความนี้เราจะมาแนะนำอาคารที่ถูกสืบทอดรูปแบบสถาปัตยกรรมมาจนถึงปัจจุบันพร้อมกับประวัติความเป็นมาของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นให้คุณได้รู้จักกันค่ะ

เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น

อาคารญี่ปุ่นหลายแห่งมีการใช้งานที่ยอดเยี่ยมและการต้านทานแผ่นดินไหวได้ดี สาเหตุก็เนื่องมาจากสภาพภูมิอากาศที่หลากหลายของหมู่เกาะญี่ปุ่นและความถี่ของการเกิดแผ่นดินไหวที่สูงนั่นเองค่ะ

อยางแรก ญี่ปุ่นอยู่ในเขตภูมิอากาศที่หลากหลาย ตั้งแต่เขตกึ่งหนาว (subarctic) ไปจนถึงเขตกึ่งร้อน subtropics และมีฤดูถึงสี่ฤดู เทคโนโลยีการก่อสร้างที่สามารถทนต่อความชื้นสูงและทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิทั้งร้อนและหนาวในช่วงฤดูกาลทั้งสี่จึงเป็นสิ่งจำเป็นค่ะ เพื่อที่จะจัดการกับสภาพภูมิอากาศที่ซับซ้อนนี้ จึงมีบ้านหลายหลังที่มีฟังก์ชั่นอันยอดเยี่ยมซึ่งสามารถปรับสภาพอากาศภายในได้โดยใช้ประตูเปิดปิดได้ที่ช่องชายคา (軒 / Noki ) และบานประตูเลื่อนฟุสุมะ (襖 / Fusuma)

อีกอย่าง ญี่ปุ่นเป็นที่ที่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นบ้านและอาคารหลายแห่งจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับแรงสั่นจากแผ่นดินไหวค่ะ

ประวัติและการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น

สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบ่งออกเป็นอาคาร "สถาปัตยกรรมดั้งเดิม" ที่สร้างขึ้นจนถึงราวปีค.ศ. 1870 และอาคาร "สถาปัตยกรรมสมัยใหม่" ที่สร้างขึ้นหลังจากนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาปัตยกรรมอาคารไม้มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาและมีความซับซ้อนมากขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เข้ามาจากแผ่นดินใหญ่ค่ะ

ลักษณะจำเพาะของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม

สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมนั้นรวมไปถึงวัด ศาลเจ้า และปราสาทค่ะ และยังเป็นตัวอย่างของวิธีการก่อสร้างแบบดั้งเดิม วิธีการก่อสร้างนี้สร้างความทนทานต่อแผ่นดินไหวโดยการรวมเอาวัสดุไม้มาทำเป็นเสาและคาน ผนังทำหน้าที่เป็นเพียงฉากกั้นและมีกรอบไม้ที่แสดงออกถึงความงดงามของญี่ปุ่นค่ะ

ลักษณะจำเพาะของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบสมัยใหม่

สถาปัตยกรรมสมัยใหม่เป็นวิธีการทางสถาปัตยกรรมที่พิจารณาการต้านทานแผ่นดินไหวตามสถาปัตยกรรมโลกตะวันตก หลังจากเหตุแผ่นดินไหวโนบิที่เกิดขึ้นในปีค.ศ. 1891 การตามให้ทันโลกตะวันตกของญี่ปุ่นที่พยายามรวมเอาระบบ ความรู้ และอารยธรรมจากโลกตะวันตกเข้ามาใช้ก็มีผลกระทบต่อสถาปัตยกรรมด้วยเช่นกัน อาคารแบบตะวันตกถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นโรงงานและสาธารณูปการทางการเมืองเช่นอาคารรัฐสภาค่ะ

อย่างไรก็ตาม มีอาคารจำนวนมากที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นและตะวันตกเข้าด้วยกันโดยการผสมผสานสถาปัตยกรรมตะวันตกเข้ากับเทคนิคดั้งเดิมของญี่ปุ่นค่ะ

ไปรู้จักกับอาคารสถาปัตยกรรมชื่อดังในญี่ปุ่นกัน!

มีสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงมากมายในญี่ปุ่นเช่นอาคารแบบดั้งเดิมและตึกที่เรียงรายอยู่ในเมืองใหญ่ ปราสาท ศาลเจ้า และวัดวาอารามที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน รวมไปถึงบ้านพักส่วนตัวของญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่ดึงดูดใจอย่างมากเนื่องจากสถาปัตยกรรมอาคารไม้ค่ะ เราขอแนะนำอาคารที่มีนวัตกรรมการออกแบบที่สร้างขึ้นโดยใช้สถาปัตยกรรมสมัยใหม่เป็นพิเศษค่ะ

อาคารสถาปัตยกรรมอย่างปราสาท ศาลเจ้า และวัดวาอารามของญี่ปุ่น

อาคารสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงญี่ปุ่นได้ดีที่สุดก็คือปราสาท ศาลเจ้า และวัดวาอารามค่ะ โดยมีหลากหลายรูปแบบ เช่น อาคารที่ทนต่อแผ่นดินไหวและอาคารที่มีความงดงามเมื่อมองจากภายนอกเป็นต้นค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น วัดคิโยมิสุเดระ (清水寺 / Kiyomizu-dera วัดน้ำใส) ถูกสร้างขึ้นเมื่อราว 1,200 ปีก่อนและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก อุโบสถหลักของวัดคิโยมิสุเดระถูกสร้างขึ้นบนไหล่เขาที่สูงชัน ระเบียงที่เรียกว่าบุได (舞台 / Budai เวทีแสดง) เป็นโครงสร้างที่มีการค้ำด้วยเสาไม้ที่มีไม้แนวนอนยึดระหว่างเสาเหมือนขื่อ เรียกว่า คาเคะสึคุริ (懸造り / Kakezukuri ทรงยกใต้ถุน) และทนทานต่อแผ่นดินไหวได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้เสาที่รองรับเวทีนี้เป็นเทคนิคที่เรียกว่าสึนากิเตะ (継ぎ手 / Tsunagite การประกอบไม้) ซึ่งไม่มีการใช้ตะปูเลยสักแท่ง และช่วยให้เห็นถึงเทคโนโลยีการก่อสร้างระดับสูงของญี่ปุ่นค่ะ

นอกจากนี้ เราอยากให้คุณได้ลองไปเยี่ยมชมศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (厳島神社 / Itsukushima Jinja) และปราสาทฮิเมจิ (姫路城 / Himeji-Jo) ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะนั้นตั้งอยู่บนหาดมิคาสะโนะฮามะ (御笠浜 / Mikasanohama) ในบริเวณศาลเจ้าคุณสามารถเพลิดเพลินไปกับเทคนิคการก่อสร้างต่าง ๆ ซึ่งป้องกันไม่ให้ศาลเจ้าพังลงแม้จะสร้างบนพื้นทรายพร้อมด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นช่วงระหว่างศตวรรษที่ 8-11 นอกจากนี้เทคนิคหนึ่งที่ช่วยป้องกันการพังลงก็คือช่องว่างระหว่างแผ่นบุพื้น และการสร้างแบบยกใต้ถุนให้เรือนศาลลอยเหนือผืนน้ำและพื้นทรายค่ะ

ปราสาทฮิเมจิเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงและมีประวัติยาวนานประมาณ 400 ปี โครงสร้างปราสาทมีปราการป้องกันที่ยอดเยี่ยมซึ่งแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างแบบญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ผนังไม้ภายนอกยังฉาบด้วยปูน แถมการสร้างหลังคาซ้อนก็เป็นเทคนิคสถาปัตยกรรมที่ดึงดูดความสนใจไม่เพียงแค่จากในญี่ปุ่นแต่ยังรวมถึงจากทั่วโลกด้วยค่ะ

อาคารสถาปัตยกรรมอย่างบ้านที่อยู่อาศัยและแถวบ้านเรือนโบราณ

หากคุณต้องการชมสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นให้หนำใจ ให้ไปที่บ้านที่อยู่อาศัยที่ดูแปลกตาและแถวบ้านเรือนโบราณในญี่ปุ่นค่ะ ตัวอย่างเช่น คาวาโกเอะ (川越 / Kawagoe) ในจังหวัดไซตามะ และภายในอำเภอเมืองเกียวโต มีบ้านเรือนโบราณทรงคลังสินค้า (蔵づくり / Kura-zukuri) และโรงชาที่เป็นอาคารไม้ค่ะ

ยิ่งไปกว่านั้นชิราคาวะโกะยังโดดเด่นด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งถือได้ว่าเป็นภูมิทัศน์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นและหมู่บ้านที่มีอาคาร Gassho สร้างขึ้นโดยการรวมคานไม้เป็นรูปภูเขา Gassho-zukuri เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมและอ้างอิงถึงที่อยู่อาศัยที่มีหลังคามุงจาก อาคารมีการใช้งานที่ยอดเยี่ยมมีความเย็นในฤดูร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาว

อาคารสถาปัตยกรรมในเมืองใหญ่ของญี่ปุ่น

มีตึกระฟ้าเรียงรายกันอยู่มากอันเป้นผลมาจากช่วงกระแสนิยมอาคารสูงในปี 1950 นอกจากอาคารสูงต่าง ๆ แล้ว หอคอยและสถานียังรวมองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่ทันสมัยเข้ามาด้วยเช่นกันค่ะ

ตัวอย่างเช่น โตเกียวสกายทรี (東京スカイツリー / TOKYO SKYTREE) เป็นหอวิทยุที่มีความสูง 634 เมตร ท่อคอนกรีตเสริมเหล็กถูกวางไว้ตรงกลางเป็นตุ้มถ่วงน้ำหนักเพื่อให้สามารถทนทานต่อแผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นบ่อยในประเทศนี้ค่ะ ด้วยเหตุนี้การสั่นสะเทือนของอาคารจึงถูกกระจายให้เบาลง นี่คือรูปแบบสถาปัตยกรรมซึ่งได้แบบมาจากอาคารไม้ญี่ปุ่นอันเก่าแก่ เจดีย์ห้าชั้น หรือ "โกจูโนะโท" (五重の塔 / Goju no Tou) ค่ะ

นอกจากนี้คุณลักษณะของสถานีโตเกียวก็คืออาคารก่ออิฐแดง คุณจะต้องประหลาดใจกับรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่สร้างขึ้นโดยผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกกับสถาปัตยกรรมดั้งเดิมค่ะ

ส่วนที่สถานี Kanazawa เราอยากให้คุณลองชม โมเตะนาชิโดม (もてなしドーム / Motenashi Dome) ดูค่ะ ตัวโดมทำจากอลูมิเนียมอัลลอยด์และกระจก ซึ่งรูปลักษณ์ที่ทันสมัยนั้นก็เป็นลักษณะอันโดดเด่นค่ะ นอกจากนี้สัญลักษณ์เด่นที่ด้านหน้าสถานี สึซึมิมง (鼓門 / Tsuzumi-mon) ยังถูกสร้างขึ้นโดยใช้เสาต้นหนาสองเสาซึ่งเป็นชวนให้นึกถึงสถาปัตยกรรมวัดแบบดั้งเดิมค่ะ