ชุเซ็นจิ พื้นที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ชุเซ็นจิออนเซ็น

ชุเซ็นจิ (修善寺 / Shuzenji) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ชุเซ็นจิออนเซ็น (修善寺温泉 / Shuzenji Onsen) ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนขึ้นชื่อที่เก่าแก่ที่สุดในแถบคาบสมุทรอิสุ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอำเภออิสุจังหวัดชิสึโอกะ มีอาคารเก่าแก่ตั้งกันอยู่เรียงรายรอบๆเมืองน้ำพุร้อน นอกจากนี้ยังมีจุดต่างๆหลากหลายแนว เช่น จุดชมวิว วัดและศาลเจ้า และสวนสนุก เป็นต้นค่ะ

เกี่ยวกับชุเซ็นจิ

ชุเซ็นจิเป็นพื้นที่ที่มีน้ำพุร้อนและแหล่งท่องเที่ยวมากมาย มีประวัติว่า ในปีค.ศ. 807 "พระครูโคโบไดชิ" (弘法大師 / Kobo Daishi พระภิกษุคูไค) ผู้ก่อตั้งนิกายชินงอน (真言宗 / Shingon Sect นิกายมนตรยาน) ได้พัฒนาพื้นที่ขึ้นเป็น "ทคโกะโนะยุ" (独鈷の湯 / Tokko no Yu) และกลายเป็นพื้นที่แหล่งน้ำพุร้อนนับแต่นั้นมา นอกจากนี้ ตามแม่น้ำชุเซ็นจิ (修善寺川 / Shuzenji-gawa) ยังมี "เมืองชุเซ็นจิออนเซ็น" (修善寺温泉街 / Shuzenji Onsen-Gai) ที่เรียงรายไปด้วยโรงแรมน้ำพุร้อน ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกค่ะ แถมรอบๆเมืองน้ำพุร้อนยังมีแหล่งท่องเที่ยวกระจุกตัวกันมากมายอย่างจุดชมวิวเป็นต้นค่ะ

สภาพภูมิอากาศและฤดูกาลท่องเที่ยวในชุเซ็นจิ

ชุเซ็นจินั้นเย็นสบายในฤดูร้อนและอบอุ่นและมีวันที่อากาศแจ่มใสหลายวันในฤดูหนาว ดังนั้นจึงสะดวกต่อการเยี่ยมชมตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีเสน่ห์ในทุกฤดูกาลอย่างทิวทัศน์ธรรมชาติตามฤดูกาล เทศกาล และกิจกรรมต่างๆ เป็นต้นค่ะ

ด้วยเหตุนี้เราจึงขอแนะนำให้ไปเพลิดเพลินกับดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ หิ่งห้อยและเทศกาลต่างๆในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และการชมดอกเหมยและน้ำพุร้อนในฤดูหนาวค่ะ

สิ่งน่าสนใจและเรื่องน่าทำในชุเซ็นจิ

ชุเซ็นจิมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายประเภทค่ะ แต่ในบทความนี้เราขอหยิบยกเฉพาะสถานที่ที่เราอยากให้คุณไปเป็นพิเศษมาแนะนำกันค่ะ

วัดวาอารามและศาลเจ้าที่มีประวัติเก่าแก่อย่าง "วัดชุเซ็นจิ"

ในชุเซ็นจิมีวัดวาอารามและศาลเจ้าที่เก่าแก่มากมาย อย่างเช่น ศาลเจ้าฮิเอะ (日枝神社 / Hie Jinja) ที่มีต้นไม้ใหญ่อย่างต้นโอ๊ค (คาชิ) และต้นซีดาร์ (สึกิ) ยืนตระหง่านตามทางเข้าศาลเจ้า (ซานโด) และภายในบริเวณ และศาล "ชิเก็ตสึเด็น" (指月殿 / Shigetsu-den) ที่กล่าวกันว่าเป็นอาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในอิสุค่ะ

ซึ่งในนั้นก็มี "วัดชุเซ็นจิ" (修禅寺 / Shuzen-ji) เป็นวัดเก่าแก่ที่พระครูโคโบไดชิได้ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 807 ภายในบริเวณวัดมี "ฮอนโด" (本堂 อุโบสถหลัก) และ "โชโรโด" (鐘楼堂 ศาลาหอระฆัง) และยังมี "โฮมตสึเด็น" (宝物殿 / หอสมบัติ) ที่คุณสามารถไปชื่นชมสมบัติของวัดมากมาย อาทิเช่น พระพุทธรูปและหน้ากากโบราณ ลองแวะไปเยี่ยมชมกันนะคะ!

สวนธีมปาร์คอย่าง "ชุเซ็นจินิจิโนะซาโตะ" และ "จิเต็นฉะโนะคุนิ ไซเคิลสปอร์ตเซ็นเตอร์"

ที่ชุเซ็นจินั้นก็มีสวนธีมปาร์คอันเป็นเอกลักษณ์ที่น่าสนใจค่ะ ตัวอย่างเช่น ที่ "ชุเซ็นจินิจิโนะซาโตะ" (修善寺虹の郷 / Shuzenji Niji no Sato) มีทิวทัศน์บ้านเรือนหลากหลายรูปแบบเช่นหมู่บ้านอังกฤษและหมู่บ้านแคนาดาไปจนถึงสวนญี่ปุ่น และจุดสัมผัสประสบการณ์งานหัตถกรรมญี่ปุ่นค่ะ เสน่ห์น่าสนใจอีกอยย่างก็คือคุณสามารถนั่งรถจักรที่ผลิตในอังกฤษชื่อ "รถไฟรอมนีย์" (ロムニー鉄道 / Romney Railway) ที่วิ่งไปมาภายในสวนค่ะ

นอกจากนี้ ที่ "จิเต็นฉะโนะคุนิ ไซเคิลสปอร์ตเซ็นเตอร์" (自転車の国 サイクルスポーツセンター / Jitensha no Kuni Cycle Sport Center ศูนย์กีฬาจักรยาน จิเต็นฉะโนะคุนิ) คุณสามารถสัมผัสกับเครื่องเล่นต่างๆอย่างรถไฟเหาะตีลังกาและเรือถีบได้ค่ะ ทั้งนี้ เครื่องเล่นและสิ่งอำนวยความสะดวกบางส่วนปิดให้บริการเนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับปรุงใหม่ ดังนั้นโปรดตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการก่อนไปเยี่ยมชมค่ะ

แหล่งวิวสวยอย่าง "อุทยานธรรมชาติชุเซ็นจิ" ที่มีป่าเมเปิ้ลและป่าบ๊วย

ในชุเซ็นจิมีหลายจุดที่มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม เช่น ทางลัดป่าไผ่ (竹林の小径 / ชิคุรินโนะโค่ะมิจิ) และสวนอาราชิยามะ (嵐山 / Arashiyama) ฟังชื่อแล้วอย่าสับสันกับป่าไผ่ในอาราชิยามะที่เกียวโตนะคะ ที่ชิสึโอกะนี่ก็มีเหมือนกันค่ะ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุทยานธรรมชาติชุเซ็นจิ (修善寺自然公園 / Shuzenji Shizen Koen) เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด เช่น ดอกบ๊วย (อุเมะ) ดอกซากุระและต้นเมเปิ้ล (โมมิจิ) ในป่าบ๊วย (梅林 / Bairin ไบริน) ภายในอุทยานมีดอกเหมยสีแดงและสีขาวประมาณ 20 ชนิดรวมประมาณกว่า 1,000 ต้นที่จะพากันบานตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม ส่วนใน "ป่าเมเปิ้ล" (もみじ林 / Momijibayashi โมมิจิบายาชิ) ต้นเมเปิ้ลประมาณ 2,000 ต้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม และเหลืองตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมค่ะ

คุณสามารถชมภูเขาไฟฟูจิอันงดงามจากจุดชมวิวในสวนได้ด้วยค่ะ ลองแวะไปเก็บภาพกันได้นะคะ!

อาหารและร้านอาหารในชุเซ็นจิ

ชุเซ็นจิมีชื่อเสียงด้านผลิตภัณฑ์พิเศษเช่นเห็ดหอม (椎茸 ชิอิตาเกะ แต่คนไทยออกเสียงว่า ชิตาเกะ) และข้าวดำ (黒米 คุโระไม) ร้านอาหารในแถบชุเซ็นจิให้บริการของอร่อยขึ้นชื่อที่ใช้ส่วนผสมเหล่านี้อย่างโซบะชิตาเกะ ข้าวผัดข้าวดำ และขนมข้าวดำ เป็นต้น ร้านอาหารส่วนใหญ่จะกระจุกตัวกันในเมืองน้ำพุร้อนค่ะ

โรงแรมและเรียวกังในชุเซ็นจิ

ที่พักในชุเซ็นจินั้นกระจุกตัวอยู่ในเมืองน้ำพุร้อน และมีโรงแรมและเรียวกังน้ำพุร้อนหลายที่ มีที่พักหลายแห่งใมีราคาตั้งแต่ 10,000 เยนถึง 30,000 เยน แต่บางแห่งมีราคาสมเหตุสมผลที่ไม่เกิน 10,000 เยน หากคุณกำลังมองหาโรงแรมราคาถูกกว่าแนะนำให้หาใกล้ๆสถานี "Izu-Nagaoka" ของการรถไฟ Izu-Hakone ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 15 นาทีโดยรถไฟ ในพื้นที่ดังกล่าวมีหลายโรงแรมที่ราคาต่ำกว่า 5,000 เยนต่อคืนค่ะ

การเดินทางไปยังชุเซ็นจิ

หากคุณต้องการเยี่ยมชมชุเซ็นจิ ให้มุ่งหน้าไปยังสถานี "Shuzenji" ของการรถไฟ Izu-Hakone เริ่มต้นจากสถานี Mishima ซึ่งเป็นสถานีหยุดรถไฟชินคันเซ็นสาย Tokaido โดยเดินทางต่อโดยขึ้นรถไฟ Izu-Hakone และไปลงที่สถานี Shuzenji ของการรถไฟ Izu-Hakone ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

หากต้องการไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งจากสถานีรถไฟ Shuzenji ของการรถไฟ Izu-Hakone แนะนำให้ใช้รถบัสท้องถิ่นค่ะ หากคุณจะไปที่เมืองน้ำพุร้อน ให้ขึ้นรถที่มุ่งหน้าไปยัง Shuzenji Onsen แล้วลงที่ป้ายรถประจำทาง "Shuzenji Onsen-Eki" ใช้เวลาประมาณ 8 นาที

ทั้งนี้ มีศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวภายในสถานีและมีพนักงานที่สามารถพูดภาษาอังกฤษและภาษาเกาหลีประจำการอยู่ค่ะ แวะไปรับข้อมูลการท่องเที่ยวได้เลยค่ะ

ข้อมูลสถานที่แนะนำ

• ชื่อสถานที่: ชูเซ็นจิ (修善寺 / Shuzenji) (สถานี Shuzenji ของการรถไฟ Izu-Hakone / 伊豆箱根鉄道 修善寺駅)
• ที่ตั้ง: 631-7 Kashiwakubo, Izu-shi, Shizuoka 〒410-2407
• การเดินทาง: สถานี Mishima→[รถไฟ Izu Hakone] ประมาณ 40 นาที→สถานี Shuzenji
• Wi-Fi: มีให้บริการ (Izu City Free Wifi)
• ภาษา: อังกฤษ จีน เกาหลี
• เครดิต: VISA, MasterCard, JCB, AMERICAN EXPRESS, Diners Club International (แล้วแต่สถานประกอบการ)