4 ของดังประจำเมืองที่ควรลองทานดูให้ได้ตามร้านอาหารในฮากิ

ที่ร้านอาหารในอำเภอฮากิคุณสามารถทานของอร่อยที่ใช้อาหารทะเลสดใหม่ที่จับได้ในทะเลญี่ปุ่นและผลิตภัณฑ์พิเศษอย่างผลไม้ต่างๆ เนื้อวัว และเนื้อหมูเป็นต้นได้ค่ะ ซึ่งวันนี้เราจะนำของดังที่แนะนำเป็นพิเศษ 4 อย่างมาให้คุณได้รู้จักกันค่ะ

ส้มนัตสึมิคัง (夏みかん)

ส้มนัตสึมิคัง (夏みかん / Natsumikan) เป็นผลิตภัณฑ์พิเศษของฮากิค่ะ มีลักษณะพิเศษคือความเปรี้ยวแบบสดชื่นและกลิ่นที่หอมหวานค่ะ ว่ากันว่าส้มนัตสึมิคังถูกปลูกขึ้นเพื่อแก้ปัญหาความยากจนของตระกูลนักรบในช่วงศตวรรษที่ 19 ค่ะ

ส้มนัตสึมิคงจะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวประมาณเดือนพฤษภาคม และนอกจากจะใช้สำหรับทำอาหารแล้วก็ยังถูกนำไปขายเป็นของที่ระลึกโดยผ่านการแปรรูปมาในรูปวุ้น แยม เป็นต้นค่ะ

นอกจากนี้หากคุณต้องการเพลิดเพลินกับเมนูต่างๆ เช่น อาหาร ของหวาน และน้ำผลไม้ ที่ใช้ส้มนัตสึมิคังเป็นส่วนประกอบ เราขอแนะนำ "ร้านอาหารพิพิธภัณฑ์ฮากิ" (萩博物館レストラン / Hagi Museum Restaurant) และร้าน "ชิโรอะโตะ นากาโอะ" (城跡ながお / Shirogo Nagao) งบค่าอาหารจะอยู่ในช่วง 1,000 ถึง 2,000 เยนสำหรับมื้ออาหาร และน้อยกว่า 600 เยนสำหรับขนมและน้ำผลไม้ค่ะ (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2019)

ข้าวหน้าไข่เม่นทะเล อูนิด้ง (うに丼)

จังหวัดยามากุจิมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตเม่นทะเล "อูนิ" (うに) เนื่องจากมีสาหร่ายจำนวนมากที่เป็นอาหารของเม่นทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณการจับได้ก็มีมากแถมยังจับหอยเม่นคุณภาพสูงอย่าง บาฟุนอูนิ (バフンウニ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Hemicentrotus pulcherrimus) และ อะคาอูนิ (アカウニ / Pink Sea Urchin ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Pseudocentrotus depressus) ในฮากิ "ข้าวหน้าไข่เม่นทะเล" หรืออูนิด้งซึ่งใช้เม่นทะเลสดๆเหล่านี้ก็เป็นที่นิยมอย่างสูงค่ะ สัมผัสบนลิ้นที่นุ่มราวกับจะละลายได้และความหวานอันเข้มข้นก็เป็นที่มาของความอร่อยนั่นเองค่ะ

ทั้งนี้ "อูนิด้ง" สามารถหารับประทานได้ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นอย่าง "ร้านคัปโป ชิโยะ" (割烹千代 / Kappo Chiyo) และ "ร้านอาหารตามฤดูกาล อิซูสุ" (季節料理 いすず / Kisetsu-ryori Isuzu) งบสำหรับทาน "อูนิด้ง" อยู่ที่ประมาณ 2,000 - 4,000 เยน การที่คุณสามารถทานข้าวดงบุริที่หรูหราด้วยส่วนผสมคุณภาพสูงในช่วงราคานี้ก็ถือว่าถูกสุดคุ้มค่ะ (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2019)

ปลาเซ็ตสึกิอะจิ (瀬つきあじ)

ปลาอะจิ (あじ / Aji) ที่จับได้นอกชายฝั่งทะเลฮากิโอกินั้นเรียกกันว่า "เซ็ตสึกิอะจิ" (瀬つきあじ / Setsuki Aji) ปลาเหล่านี้โตขึ้นมาโดยการกินอาหารที่มีคุณภาพสูง จึงมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือไขมันในเนื้อมากกว่าปลาอะจิของที่อื่น มีรสชาติกลมกล่อมและหวาน

นอกจากนี้เนื่องจากอยู่ใกล้กับสถานที่จับปลาและท่าเรืออ คุณจึงสามารถทาน "เซ็ตสึกิอะจิ" ที่สดใหม่ได้ค่ะ อ้อ ฤดูกาลอร่อยอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคมค่ะ เพราะ "เซ็ตสึกิอะจิ" ที่จับได้ในช่วงเวลาดังกล่าวมีไขมันมากเป็นพิเศษค่ะ

"เซ็ตสึกิอะจิ" สามารถรับประทานได้ด้วยวิธีการปรุงอาหารที่หลากหลาย เช่น ปลาดิบซาชิมิ ซูชิ ย่างเกลือ ทอดกรอบ และเมอนิแยร์

นอกจากร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างร้าน "ไคเซกิเรียวริ อะจิโระ" (懐石料理 あじろ / Kashiro Ajiro) แล้วยังมีร้านอาหารในสถานีริมทาง มิจิโนะเอกิ (道の駅 / Michinoeki) เช่น ห้องอาหาร "ซาบะชิมะโชคุโด" (鯖島食堂 / Sabashima Shokudo) เป็นต้นค่ะ ราคาของอาหารที่ใช้เซ็ตสึกิอะจิทำนั้นก็ขึ้นอยู่กับร้านค่ะ ตั้งแต่เซ็ตอาหารกลางวันราคาไม่เกิน 1,000 เยน ไปจนถึงอาหารหรูหราที่มีราคา 3,000 เยนขึ้นไปค่ะ (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2019)

หมึกกล้วย เค็นซากิอิกะ (けんさきいか)

ในฮากินั้นมีผลิตภัณฑ์พิเศษ "เค็นซากิอิกะ" (けんさきいか / Kensaki-ika) ที่ได้รับฉายาว่าเป็น "ราชินีแห่งหมึกกล้วย" (イカの女王 / Queen of Squid) ค่ะ ฤดูกาลทานเริ่มจากฤดูร้อนจนถึงฤดูใบไม้ร่วงค่ะ ลักษณะพิเศษของหมึกกล้วยชนิดนี้คือความหวานที่เข้มข้นและเนื้อสัมผัสเวลาทานที่กรอบอร่อย "เค็นซากิอิกะ" มีวิธีการปรุงเป็นอาหารหลากหลาย เช่น ซาชิมิ เท็มปุระ ผัด นึ่ง ฯลฯ และคุณสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่างกันได้ค่ะ

ร้านอาหารที่ให้บริการอาหารประเภทปลาหมึกต่างๆรวมถึง "เค็นซากิอิกะ" นั้นก็มีร้านที่มีชื่อเสียงอย่างร้าน "ฮากิชินไค" (萩心海 / Hagishinkai) และร้าน "โคฟุคุดนะชิโซยะ อุเมะโนะฮะ" (口福の馳走屋 梅乃葉 / Kofuku no Shisoya Umenoha) เป็นต้นค่ะ เนื่องจาก "เค็นซากิอิกะ" เป็นปลาหมึกชั้นเลิศจึงแนะนำให้ทานเป็นชุดอาหารซึ่งมีราคาประมาณ 2,000-5,000 เยนค่ะ แต่ถ้าหากสั่งแบบจานเดียวเช่นเท็มปุระ ก็สามารถรับประทานได้ในราคาไม่เกิน 1,000 เยนค่ะ (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2562)